“หุบเขาพันวิหคอย่างไร ข้าเป็นจ้าวหุบเขา ส่วนเจ้าเป็นสาวใช้ขั้นหนึ่งของจ้าวหุบเขา ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ”
“ข้าจะ- ข้าจะไปรู้-”
อวี๋เฟยฮวาตะกุกตะกักเสียแล้ว คำพูดติดอยู่ในลำคอมากมาย ทั้งอยากถามทั้งอยากต่อว่า สีหน้าเด็กน้อยสับเปลี่ยนระหว่างตกใจเป็นหวาดกลัว จากหวาดกลัวเป็นปล่อยวางแล้วกลับมาเป็นสับสนอีกครั้งหนึ่ง เรียวคิ้วที่ทาสมุนไพรกระดำกระด่างไว้ขมวดแน่นอย่างไม่สบอารมณ์
ดี! ดียิ่ง! สถานที่เช่นหุบเขาพันวิหคก็ยังล่อข้าได้ด้วยเงินสิบตำลึงทอง!
อวี๋เฟยฮวาห่อเหี่ยวจนถึงขั้นอยากจะกระโดดลงจากรถม้าเสียตอนนี้เลย แต่เมื่อมานึกดูอีกที สิบตำลึงทองนางก็ปล่อยมือไม่ลงจริง ๆ
เหยียนฮ่าวสังเกตสีหน้าเด็กสาวอยู่ตลอด มีหรือการกระทำทั้งหมดของนางจะรอดสายตาเขาได้ “เป็นอันใดเล่า สำนักอันดับหนึ่งแห่งยุทธภพทำให้เจ้ามีสีหน้าเช่นนี้ได้เลยหรือ”
อวี๋เฟยฮวาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความรู้สึกอยากกรีดร้องอัดหน้าคน หุบเขาพันวิหคเป็นสถานที่เช่นไรน่ะหรือ ก็เป็นสถานที่ที่มีแต่พวกจอมยุทธ์ถือดาบแขวนกระบี่เดินไปมา อารมณ์ไม่ดีก็ชักเหล็กกล้าออกมาฟาดฟันให้สาแก่ใจไปข้างหนึ่ง ไหนจะยังหอข่าวภายใต้ชื่อสำนักนั่นอีก มิใช่ว่ากว่าจะได้พบคนของหอข่าวทีต้องเสียเงินเป็นพันตำลึงทองหรืออย่างไร
หอข่าวหาข่าวได้ก็สร้างศัตรูได้ ไม่รู้มีกี่คนที่คิดแค้นอยากทำลายหอนี้ให้สิ้นซาก อวี๋เฟยฮวาคลุกคลีอยู่ในหออวี้เหรินมาตั้งแต่เด็ก นางได้ยินเรื่องหุบเขาพันวิหคมาเป็นหมื่นเป็นพันรอบ ตอนนั้นยังนึกอยู่ในใจว่าต่อให้หนีออกไปได้ก็จะไม่พัวพันกับคนจากที่นี่เด็ดขาด ไหนเลยจะรู้ ก้าวพลาดเพราะตำลึงทองเพียงครั้งนางกลับได้เป็นสาวใช้ขั้นหนึ่งของจ้าวหุบเขาไปเสียได้!
นี่เรียกว่าหนีเสือปะจระเข้แท้ ๆ ข้าหนีออกจากหออวี้เหรินก็เพราะไม่อยากมีชีวิตเสี่ยงตายนะ!
อวี๋เฟยฮวารักเงินแต่ก็รักชีวิตตนเองเช่นกัน นางอ้อมแอ้มถาม “นายท่าน หากข้าไม่อยากเป็นสาวใช้ของท่านแล้วเล่า”
เหยียนฮ่าวยิ้มจนดวงตาเจิดจ้า เขาพูดเสียงนุ่ม “ยี่สิบตำลึงทอง”
อวี๋เฟยฮวาปรับท่าทางของตนเอง นางยกยิ้มกว้าง เอ่ยเสียงสดใสเจือด้วยความประจบประแจงเล็กน้อย “นายท่าน ข้าพร้อมติดตามท่านเข้าสนามรบเจ้าค่ะ!”
รักชีวิตตนเองน่ะใช่ แต่เงินยี่สิบตำลึงทองเพียงพอที่จะให้ข้ารักมากกว่าชีวิตตนเองแล้ว!
อาจจะเพราะมีคนผู้หนึ่งได้กินอาหารดี ๆ มาตลอดทาง เหยียนฮ่าวจึงประสบกับการเดินทางที่ไร้คนตามสังหารเป็นครั้งแรก เขาเหลือบมองอวี๋เฟยฮวาที่โยกหัวไปมาอย่างอารมณ์ดีเล็กน้อย จากนั้นจึงก้าวลงจากรถม้าตามคำเชิญของอาหลี อวี๋เฟยฮวาก้าวเท้าลงตามหลัง ในมือถือเสื้อคลุมหนาหนักของ
เหยียนฮ่าวไว้ นางก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่มองให้มากความทั้งไม่สอดรู้สอดเห็นจนเกินไป
เด็กสาวยกยิ้มให้ตนเอง ข้าช่างเป็นสาวใช้ที่สมบูรณ์แบบยิ่ง!
เหยียนฮ่าวถือกล่องไม้จันทน์ด้วยตนเองตลอดทาง มาถึงหุบเขาแล้วก็ไม่อยากจะรีรออะไรทั้งนั้น หลังจากสั่งงานเร็ว ๆ ยืดยาวหลายประโยคเสร็จจึงหันไปทางพ่อบ้านเก่าแก่ของตนเอง “เด็กคนนี้จะมาเป็นสาวใช้ประจำตัวข้า”
พ่อบ้านอู่ทำงานให้เหยียนฮ่าวมานานหลายสิบปีแล้ว เห็นมาตั้งแต่คนแซ่เหยียนผู้นี้ยังเป็นเด็กตัวเล็กจนเติบโตกุมขุมอำนาจไว้ในมือ เขาพยักหน้ารับอย่างนอบน้อมก่อนเบนสายตาไปยังเด็กสาวร่างเล็กด้านหลัง “นายท่าน เช่นนั้นข้าจะนำนางไปอบรมก่อน ใช้งานได้เมื่อไหร่จะส่งกลับมายังข้างกายท่านขอรับ”
“ไม่ต้อง ข้าอบรมนางด้วยตนเองแล้ว”
ประโยคนั้นทำใบหูอวี๋เฟยฮวากระดิกเล็กน้อย นางเงี่ยหูฟังพลางคิดว่าเขาสอนตนเมื่อไหร่กันหนอ เหยียนฮ่าวไม่มีใจจะเสียเวลาแล้วจริง ๆ เขาจึงกล่าวรีบ ๆ อีกครั้ง “เจ้าให้คนจัดหาห้องพักให้นาง เอาที่ดี ๆ หน่อย เสื้อผ้า อาหารจัดให้พรั่งพร้อม เดินทางมานานนางคงหิวแย่แล้ว”
เหยียนฮ่าวก้าวเท้าเดินออกไปทางหนึ่ง อวี๋เฟยฮวาย่อกายลงยังไม่ทันเอ่ยปากลาเจ้านายเขาก็หันกลับมาอีกครั้ง “ข้าลืมถาม เจ้าชื่ออันใดนะ”
อวี๋เฟยฮวาส่ายหน้าช้า ๆ “ข้าไม่มีชื่อเจ้าค่ะ”
เหยียนฮ่าวกวาดสายตามองร่างกายเล็กจ้อย ทั้งแขนเล็กลีบกับใบหน้าซูบ ๆ นั่นคราหนึ่ง ถึงจะมีเนื้อหนังมากกว่าตอนที่พบกันกลางถนนในวันนั้นแต่อย่างไรก็ยังตัวเล็กมากอยู่ดี เขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งค่อยพูดว่า
“เช่นนั้นชื่อเสี่ยวเฟิ่งแล้วกัน ต่อไปทุกคนก็เรียกเจ้าตามนี้”
อวี๋เฟยฮวาพยักหน้า แย้มยิ้ม “ขอบคุณนายท่านที่เมตตาเจ้าค่ะ”
เทียบกับหออวี้เหรินแล้ว ชีวิตในหุบเขาพันวิหคของอวี๋เฟยฮวาช่างสุขสบายยิ่ง นางไม่ต้องคอยรับใช้พี่สาวเรื่องมากพวกนั้นอีก ทั้งยังไม่ต้องถูกแม่เล้าจิกไปทางนั้นทีทางนี้ทีคอยบังคับให้นางเล่าเรียนพิณ หมากล้อม เขียนอักษรวุ่นวายอันใดนั่น ในที่แห่งนี้นอกจากเหยียนฮ่าวที่เป็นเจ้านายของนางแล้ว
อวี๋เฟยฮวาก็ไม่ต้องมองสีหน้าใครทั้งนั้น ยิ่งในเรือนพักของเหยียนฮ่าวมีนางเป็นสตรีเพียงผู้เดียว อวี๋เฟยฮวาก็ยิ่งเบิกบาน ใช้ชีวิตราวกับเป็นนายหญิงของหุบเขาอย่างไรอย่างนั้น
คราแรกพ่อบ้านอู่ยังไม่แน่ใจในทักษะนางสักเท่าไหร่ เมื่อเหยียนฮ่าวจากไป อวี๋เฟยฮวาจึงถูกสั่งให้ทำนั่นทำนี่ไม่หยุดจนหัวหมุน กว่าจะมีข้าวสักคำตกถึงท้องก็เป็นเวลาดึกดื่นค่อนคืนแล้วชายแก่คนนั้นถึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ เอ่ยปากชมว่านางทำงานดี สมกับเป็นคนที่นายท่านเลือก จากนั้นก็ปล่อยนางไว้ในเรือนใหญ่ ไม่มาวุ่นวายอันใดอีก
อวี๋เฟยฮวาเช็ดฝุ่นบนแจกันทีก็เชิดหน้าที แน่นอนว่าข้าต้องทำงานดีอยู่แล้ว! ข้าอวี๋เฟยฮวาหากเต็มใจทำย่อมทำได้ดี หากไม่เต็มใจทำย่อมไม่ทำ!
เด็กสาวหัวเราะคิกคักกับตนเองครู่หนึ่งจนหนำใจจึงย้ายไปปัดฝุ่นอีกด้านของห้องโถง เรือนพักของเหยียนฮ่าวแตกต่างจากที่นางคิดไว้มากนัก กับคนที่สามารถควบคุมหอข่าวได้ดังใจทั้งยังไม่ล่วงเกินวังหลวง ไม่หย่อนยานสัมพันธ์กับสำนักอื่น อวี๋เฟยฮวายังเคยนึกว่าดีร้ายอย่างไรในเรือนเขาต้องมีสิ่งของมีค่าวางไว้เต็มบริเวณแน่นอน
แต่นอกจากภาพวาดไม้ไผ่หลายอันกับแจกันโบราณที่นางมองลวดลายไม่ออกอีกสองอันและเครื่องเรือนที่ไม่ได้ดูมีราคาค่างวดอันใดมาก อวี๋เฟยฮวาก็ไม่เห็นของมีค่าอย่างอื่นอีก แม้แต่ทองคำสักก้อนนางยังไม่เห็นด้วยซ้ำไป
เด็กสาวงึมงำ “สรุปหุบเขานี้รวยหรือจนกันแน่”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?