“หากไม่รวยแล้วจะจ่ายเงินสาวใช้เดือนละยี่สิบตำลึงทองได้อย่างไร”
เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นด้านหลังทำเอาอวี๋เฟยฮวาสะดุ้งเฮือก นางทิ้งผ้าขี้ริ้วในมือลงพื้นหมุนตัวหันกลับไปมอง ที่หน้าเรือนมีชายร่างสูงโปร่งผู้หนึ่งยืนอยู่ เขายังสวมหน้ากากเช่นเคยทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดมันถึงไม่ได้ดูอมทุกข์เช่นวันวานแล้ว อวี๋เฟยฮวายกยิ้มกว้าง ถลาไปตรงหน้าเหยียนฮ่าว ย่อกายคำนับเอ่ยเสียงหวาน
“นายท่าน ยินดีต้อนรับกลับเจ้าค่ะ”
นางทำงานเป็นสาวใช้มาครึ่งเดือน เพิ่งเห็นเจ้านายตนเองก็วันนี้ ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนมา ถาม
อาหลีกี่รอบ ๆ เขาก็ไม่ยอมบอกจนอวี๋เฟยฮวาเกือบคิดว่าตนเองทำงานให้อากาศเสียแล้ว เหยียนฮ่าวมองสีหน้ายิ้มแย้มของนางครู่หนึ่งค่อยพยักหน้า เดินตรงไปยังเก้าอี้ใหญ่กลางโถง
อวี๋เฟยฮวาไม่รอช้า รีบปรี่ตามไปติด ๆ เหยียนฮ่าวทรุดกายนั่งนางก็รินชาส่งถึงมือทันที “นายท่าน น้ำชาเจ้าค่ะ”
เหยียนฮ่าวรับจอกชาถือด้วยท่วงท่าสง่างาม เขาดื่มลงไปอึกหนึ่งก่อนวางลงบนโต๊ะด้านข้างมือ “เจ้าชงชาเองหรือ”
“เจ้าค่ะ ข้าไปแอบดูห้องครัวชงชาครั้งหนึ่งเห็นว่าไม่น่ายากมากจึงลองกลับมาฝึกเองดู นายท่านคิดเห็นเช่นไรเจ้าคะ”
เหยียนฮ่าวดื่มชาลงไปอีกอึกหนึ่งถึงค่อย ๆ พูด “ชาดี เพียงแต่ยังติดรสขมไปบ้าง เจ้าต้องล้างชาอีกสักรอบก่อนค่อยเทลงกา”
อวี๋เฟยฮวาจดจำไว้ในใจ นางพยักหน้า “คราวหน้าข้าจะทำให้ดีขึ้นเจ้าค่ะ” คล้ายกับเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ อวี๋เฟยฮวาหันไปอีกทาง หยิบจานขนมเล็ก ๆ ออกมาจากข้างเตา วางข้างมือเหยียนฮ่าว
“นายท่าน นี่เป็นขนมที่ข้าหัดลองทำ หากท่านไม่รังเกียจก็ชิมสักหน่อยนะเจ้าคะ”
เหยียนฮ่าวกำลังอารมณ์ดี ตอนนี้ต่อให้อวี๋เฟยฮวาบอกให้เขาลองขัดห้องน้ำ นายท่านผู้สูงส่งคนนี้อาจจะยังลงมือทำด้วยซ้ำไป เขาหยิบขนมชิ้นเล็กขึ้นมองพิจารณาค่อยเอาเข้าปาก สัมผัสหวานล้ำกำจายไปทั่วก่อนจะค่อย ๆ เบาลงเหลือเพียงรสชาติบางเบาติดลิ้น ทำเอาคนได้กินแล้วไม่อาจห้ามใจไหว อยากลิ้มลองมากขึ้นอีก
เหยียนฮ่าวมุ่นหัวคิ้ว “นี่เจ้าก็หัดทำเอง?”
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าอยู่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ ส่วนที่ต้องทำความสะอาดก็ล้วนทำเสร็จหมดแล้วจึงไปขลุกอยู่ที่ห้องครัวเสียส่วนใหญ่” อวี๋เฟยฮวาไม่กล้าบอกว่าที่นางมักไปโรงครัวเพราะชอบไปกินอาหารฝีมือท่านป้าลี่ผู้นั้นจึงพูดเลี่ยง ๆ ไป “พอเห็นมากเข้าก็นึกอยากทำ ทำแล้วจะชิมเองก็ไม่กล้าชมเอง จึงได้แต่รบกวนนายท่านแล้วเจ้าค่ะ”
เหยียนฮ่าวร้องอ้อในลำคอเบา ๆ เขาครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะพูด “ต่อไปก็ทำมาทุกวันแล้วกัน ไม่ต้องเยอะมาก สักสองสามชิ้นก็พอ ส่วนน้ำชาก็ล้างใบชาอีกสักรอบค่อยใส่กา เช่นนี้จึงจะดื่มลื่นคอสักหน่อย”
อวี๋เฟยฮวายิ้มรับ “เจ้าค่ะ นายท่าน”
ต่อแต่นั้นมาคนในหุบเขาจะเห็นสาวใช้ขั้นหนึ่งของนายท่านนามเสี่ยวเฟิ่งผู้นั้นลงครัวทุกวัน ตอนบ่ายยังยกกาและจานขนมไปส่งถึงห้องหนังสือ ตอนเย็นก็รีบมายกถาดอาหารนายท่าน ปรนนิบัติ
เหยียนฮ่าวเช้าเย็น ทั้งล้างหน้า ล้างมือ เก็บรองเท้า เก็บเสื้อคลุม อวี๋เฟยฮวาล้วนทำได้ดีไม่มีตกหล่นสักอย่าง แม้แต่ความชอบลับ ๆ ของเหยียนฮ่าวนางก็ยังล่วงรู้
เช้าวันหนึ่งเหยียนฮ่าวกลับมาหลังฝึกซ้อม เห็นกับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะกลมก็นิ่งชะงักไปชั่วขณะ เขาผินหน้ามองเด็กสาวที่ยืนชิดกำแพงอยู่ด้านข้าง ถามอย่างกังขา
“สำรับนี่เจ้าจัดเองหรือ”
“เจ้าค่ะ” เมื่อคุยกับนายท่าน ไม่เคยสักครั้งที่อวี๋เฟยฮวาจะก้มหน้า นางตั้งคอตรง ใบหน้าวางไว้ในระดับพอเหมาะ ดวงตาหลุบต่ำบ้างเลิกขึ้นบ้างแล้วแต่ว่าอยู่ในสถานการณ์ไหน เมื่อไม่มีคนนอก นางมักจะพูดจาฉะฉานกับเขาเป็นพิเศษ
“ข้าสังเกตเห็นว่าตอนเช้า ๆ นายท่านไม่ค่อยชอบทานเนื้อหนัก ๆ นัก วันนี้จึงสั่งให้โรงครัวทำโจ๊กปลาเคี่ยวกระดูกหมูมาเจ้าค่ะ ส่วนจานนี้เป็นผัดผักไม่ใส่เนื้อสัตว์และน้ำแกงเนื้อปลาขาว ดื่มตอนเช้า ๆ เช่นนี้ทำให้สมองปลอดโปร่ง บำรุงปอดและหัวใจเจ้าค่ะ”
เหยียนฮ่าวนิ่งอึ้งไป ไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นไรดี กับพ่อบ้านอู่ที่รับใช้เขามานานยังไม่อาจเจาะจงความชอบเขาได้มากถึงขั้นนี้เลย อวี๋เฟยฮวาไม่สนใจท่าทางแข็งค้างของเจ้านาย นางยกอ่างล้างมือวางไว้ตรงหน้า จับฝ่ามือหนาล้างครบทุกซอกทุกมุมก็ค่อยหยิบผ้าผืนหนึ่งซับน้ำจนแห้ง น้ำในอ่างล้างมือใส่ดอกไม้ชนิดหนึ่งไว้ เมื่อล้างแล้วจึงไม่มีกลิ่นเหงื่อไคลและคราบดินอีก พาให้คนรู้สึกผ่อนคลายพร้อมจะรับประทานอาหารจริง ๆ
อวี๋เฟยฮวายิ้มกว้างจนดวงตายิบหยี นางเลื่อนเก้าอี้ให้เขา กล่าวว่า “นายท่าน เชิญทานอาหารเจ้าค่ะ หลังมื้ออาหารหากท่านต้องการ ข้ายังเตรียมขนมหวานไว้ด้วยเจ้าค่ะ”
เหยียนฮ่าวถึงขั้นตาลายไปกับรอยยิ้มนั้น ในใจเริ่มคิดขึ้นมาว่าที่แท้เงินยี่สิบตำลึงก็ทำให้คนปรนนิบัติรับใช้ได้ดีเช่นนี้
หากเป็นสาวใช้จวนอื่น เจ้านายนั่งลงทานข้าวยังต้องขยับเท้าเข้ามาช่วยคีบหยิบจับโน่นนี่ด้วย แต่อวี๋เฟยฮวามองแล้วว่านายท่านของตนหาใช่คนเป็นง่อยสักหน่อย เรื่องพวกนี้เขาย่อมจะทำเองได้ นางยืนอยู่ด้านข้างคอยรับคำสั่งเขาก็เป็นอันใช้ได้แล้ว
เหยียนฮ่าวตักโจ๊กเข้าปากคำหนึ่งก็สัมผัสได้ถึงรสชาติอ่อน ๆ ของเนื้อปลาที่แทรกซึมไปตามปลายลิ้น เขากินโจ๊กอย่างเพลิดเพลินถึงขั้นเติมอีกชามหนึ่ง ผัดผักก็หมดลงภายในชั่วพริบตา เห็นคนดื่มด่ำเช่นนั้นอวี๋เฟยฮวาก็ดีใจจนตัวลอย ตอนที่เหยียนฮ่าววางช้อนลงนางยังอดใจไม่ไหวขยับเท้าเข้าไปใกล้ เอ่ยปากถามว่า
“นายท่านอยากรับของหวานด้วยหรือไม่เจ้าคะ”
ตอนนั้นเองที่เหยียนฮ่าวเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาเสียกิริยาดื่มกินมากมายต่อหน้าเด็กสาว ตอนแรกยังคิดว่าจะทานของหวานของนางสักหน่อยแต่กลับทำไม่ได้เสียแล้ว ในท้องเขาตอนนี้หากยัดของหวานลงไปจะต้องอาเจียนของเก่าออกมาแน่นอน
เหยียนฮ่าวส่ายศีรษะ กล่าวนิ่ง ๆ “รินชาก็พอ ของหวานอะไรนั่นเจ้าเอาไว้กินเองเถิด”
อวี๋เฟยฮวารับคำด้วยความยินดียิ่ง นางรินชาส่งถึงมือ เห็นเขาวางจอกชาก็เติมให้ใหม่ หลังจากวันนั้นที่ได้เหยียนฮ่าวติติงเรื่องรสขม อวี๋เฟยฮวาก็ชงชาได้ดีกว่าเก่าถึงขั้นทำเหยียนฮ่าวติดรสฝีมือนาง ดื่มชาของโรงครัวไม่อร่อยเสียแล้ว เขามักจะรู้สึกว่าชาของโรงครัวฝาดเฝื่อน จืดชืดไร้รสชาติ มีเพียงกาน้ำชาของเสี่ยวเฟิ่งจึงจะทำให้เขาผ่อนคลายสบายอารมณ์ได้บ้าง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?