ตอนที่ 9 : แผลงฤทธิ์

อนุภรรยา

เป็นคำผสมซึ่งเกิดจากคำสองคำคือ อนุ ซึ่งมีความหมายว่าน้อย ภายหลัง หรือรุ่นหลัง และคำว่า ภรรยา ซึ่งมีความหมายว่าหญิงที่เป็นคู่ครองของชาย ดังนั้นอนุภรรยาจึงมีความหมายว่าหญิงที่มาทีหลัง หรือหญิงที่ชายเลี้ยงดูอย่างภรรยาแต่ไม่มีศักดิ์ศรีเท่าภรรยาหลวงหรือไม่ได้จดทะเบียน

แปลตรงตัวภาษาปากบ้านซีเยว่เรียก เมียน้อย

ก็ไม่ได้จะบู้บี้มู่ลี่ผู้หญิงด้วยกันเองหรอกนะ แต่คนมันมีความแค้นต่อกันจะโปรยดอกไม้ไหว้ย่อก็ใช่ที่

เด็กหญิงตัวน้อยมองใบหน้าของอนุหนึ่งเจียวจิน ผู้หญิงสายธรรมะธรรมโมที่แทบจะท่องพุทโธ ธัมโม สังโฆไม่ครบรอบเมื่อได้ยินคำฝาแฝดหงส์มังกร อย่างไรก็ดี สตรีมากเล่ห์ที่สามารถซ่อนหางไว้ได้อย่างมิดชิดจนครองใจบ่าวไพร่ในบ้านไม่ได้กรีดร้องชักสีหน้าออกมาให้ตัวเองเสียจุดยืน ดอกบัวขาวดอกใหญ่พยายามรักษาภาพลักษณ์เอาไว้อย่างยากเย็นยิ่ง

สตรีผู้บริสุทธิ์แต่ภายนอกตีหน้าเศร้า คีบผ้าเช็ดหน้าในแขนเสื้อซับน้ำตาปรอย “เยว่เอ๋อร์ หยวนเอ๋อร์ยังเด็ก ยังไม่เข้าใจธรรมเนียม ไม่เป็นไร นับจากนี้แม่จะอบรมสั่งสอนพวกเจ้าแทนฮูหยินเอกเองนะ”

“เยว่เอ๋อร์อย่าเข้าใจแม่ผิด แม่ไม่รู้ว่าลูกได้ยินอะไรมา-”

“ท่านป้าว่าข้ากับตี้ตีไม่รู้ความหรือ?” ซีเยว่ถามสวนทันทีที่จบประโยค

“เยว่เอ๋อร์อย่าเข้าใจแม่ผิด แม่ไม่รู้ว่าลูกได้ยินอะไรมา-”

“ท่านป้า พอเถอะ ท่านยิ่งพูดข้ายิ่งดูแย่ ท่านคลอดข้ากับตี้ตีออกมาหรือ ถือดีอย่างไรสั่งสอนลูกผู้อื่น ทำไมไม่เอาเวลาไปสั่งสอนลูกของท่านเล่า? หรือว่าท่านไม่มี?”

“นี่ เพราะแม่ยังมิได้เข้าหอ..”

“อ้อ”

ซีเยว่พยักหน้าหงึกหงัก “เพราะท่านไม่ถูกรักอย่างไรเล่า”

สำนึกไว้นิดนึงก็ดีว่า อนุภรรยาหากไม่เป็นที่รักของผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ไม่ต่างอะไรไปจากกาฝากที่อาศัยกินนอนบ้านเขา ทำไม่ได้แม้แต่ร่วมเรียงเคียงหมอน บุตรธิดาก็ไม่มี ที่พึ่งก็สิ้นไปแล้ว ยังปีกกล้าขาแข็งอยู่อีก หรือจะเรียกว่าไม่เจียมตัวดีล่ะ?

แฝดพี่สบตาส่งสัญญาณแฝดน้อง

..เข้าใจตรงกันนะหมายเลขสอง

แฝดน้องกะพริบตาให้แฝดพี่

..เข้าใจตรงกันแล้วหมายเลขหนึ่ง

คนอื่นอาจไม่เข้าใจแต่เว่ยเฉินลี่ที่เลี้ยงลูกแสบมาแต่เล็กแต่น้อย มีหรือจะไม่รู้ว่าฝาแฝดวางแผนร้ายด้วยกันได้เพียงแค่สบตาชั่วอึดใจ แต่จะโทษผู้ใดได้ แต่เล็กแต่น้อยเด็กทั้งคู่ต้องเรียนรู้วิธีการเอาตัวรอดจากปากเหยี่ยวปากกา จะมีนิสัยร้ายกาจสักหน่อยจะเป็นไรไป

หญิงงามทำเป็นไม่เห็น ปล่อยให้เด็กน้อยดุร้ายเสียให้พอ

ซีหยวนชี้ไม้ชี้มือหน้ามู่ทู่ “บิดา ท่านป้าเหล่านี้เป็นใคร บ้านท่านแท้ ๆ ทำไมปล่อยให้มีคนเสียสติ”

ถูกลูกชายเรียกบิดาทั้งที ซีเฉาหยางหรือจะกล้าทำให้เด็กชายผิดหวัง

“แค่ผู้อาศัย”

“โฮ่ บิดาใจบุญขนาดนี้เชียว”

ฝาแฝดคนน้องวนมาบวกพ่อตัวเองอย่างอดไม่ได้ คาดว่าไม่ว่าจะตอบว่าอะไรก็คงโดนอยู่ดี ความไม่พอใจมันฝังลึกถึงกระดูกดำ ผู้อื่นเลี้ยงดูให้อาศัยในบ้านได้ แต่ทีเลือดเนื้อเชื้อไขและภรรยาร่วมเรียงเคียงหมอนกลับไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น

ซีเฉาหยางได้รับสายตาจิกกัดจากลูกชายหัวใจอาบน้ำตา “หากลูกไม่ชอบ พ่อจะไล่พวกนางออกไป”

“ไล่ได้หรือ?” ซีหยวนเลิกคิ้ว

คนพ่อตอบรับแข็งขันไว้ก่อน “ได้สิ!”

ได้ก็แย่

คหบดีใหญ่กลัวใจลูกสาวลูกชายตัวสั่นงันงกแล้ว

เว่ยเฉินลี่ยิ้มอ่อนใจ หญิงสาวรู้หนักรู้เบาเอ่ยปรามฝาแฝดตัวน้อย

“เยว่เอ๋อร์ หยวนเอ๋อร์อย่ารังแกบิดาของพวกเจ้านัก ท่านป้าเหล่านี้เป็นอนุภรรยาในบ้านตระกูลซี นายท่านซีไล่ได้ แต่ถ้าพวกนางไม่มีความผิดจะเป็นที่ติฉิน”

เล่นพอหอมปากหอมคอแล้วก็ควรที่จะหยุด

แต่ถ้าล้ำเส้นมีความผิดขึ้นมาเป็นที่ประจักษ์ ขณะที่นางยังพำนักกับบุตรธิดาอยู่ที่เรือนแห่งนี้ เว่ยเฉินลี่ก็ไม่เอาพวกนางไว้เช่นกัน

หญิงงามไม่คิดจะแย่งสามีคืนมาเพราะไม่มีความจำเป็น แต่แย่งสมบัติของเขามาให้ซีเยว่ซีหยวนก็ไม่เลว

“อนุภรรยา?” ซีเยว่เอียงศีรษะ ยิ้มหวานสนับสนุนแม่ตัวเองสุดใจ “แล้วอนุภรรยาสั่งบ่าวไพร่ไม่ให้เจ้าของบ้านผ่านประตูใหญ่ได้ด้วยหรือ? นางใช้ประตูใหญ่ได้หรือไม่?”

เว่ยเฉินลี่ส่ายศีรษะ “ย่อมไม่ได้”

“อ้าว”

“เว้นแต่บิดาเจ้าอนุญาต นายท่านซี ท่านอนุญาตหรือ?”

พ่อค้าวาณิชส่ายศีรษะเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว “ไม่ ไม่ได้อนุญาตแน่นอน”

ในขณะที่พี่สาวสนับสนุนมารดา น้องชายขี้เขินกลับจับจ้องซ้ำเติมบิดาอย่างเลือดเย็น “คนเรียกนางนายหญิงเจียวจิน บิดา ท่านโกหกหรือเปล่า”

“ไม่แน่นอน!”

ซีเฉาหยางขมวดคิ้วแน่น เขาเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้จากปากลูกชายเป็นครั้งแรก ตำแหน่งนายหญิงตระกูลซีมีไว้เพื่อภรรยารักเพียงผู้เดียวเท่านั้น แม้ฮูหยินผู้เฒ่ายังอยู่ก็ไม่เคยให้ผู้ใดได้แตะต้องตำแหน่งนี้แม้จะเสี่ยงชีวิตก็ตาม ที่ผ่านมาคงกุตำแหน่งตนเองลับหลังเขาและคนของเขามาตลอด

ส่งเสียงทุ้มเรียบนิ่ง “พ่อบ้านหลิว ท่านช่วยข้าจัดการเรื่องนี้ บ่าวไพร่คนใดไม่รู้ความ ไม่รู้ว่านายท่านนายหญิงของตนเองเป็นใครก็ขายออกไปเสีย!”

“รับบัญชา” พ่อบ้านชราผสานมือค้อมตัวลง ดวงตาเย็นเยียบเป็นอย่างยิ่ง

กล้ายกตนขึ้นมาเทียบเคียงกับดวงใจของผู้มีพระคุณ ช่างไม่เจียมตัว

“นายท่าน นายท่าน!” สาวใช้ตัวเล็กสั่นงันงกอยู่กับพื้นท่ามกลางมรสุมคลุ้มคลั่งพรั่งพรูน้ำตาเต็มใบหน้า “นายท่าน! อย่าขายบ่าวออกไป! บ่าวเรียกตามผู้อื่น! บ่าวไม่มีเจตนา!”

ชายผู้กุมเศรษฐกิจเกือบทั้งแคว้นเมินเฉย “คาบคำสั่งไม่รู้ที่สูงต่ำ ตบปากก่อนค่อยขายออกไป”

ไม่กำจัดจำนวนครั้ง ตบกี่ทีก็ได้แล้วแต่คนจะตบ

ท่านลุงท่านอาผู้คุ้มกันเล็งอยู่แล้วเข้ามาลากนางออกไปพร้อมด้วยเสียงกรีดร้องขอความเมตตา น่าเศร้าที่เจ้านายที่นางซื่อสัตย์หนักหนาไม่เอ่ยปากเพื่อนางสักคำเพราะกลัวภัยจะถึงตัวเช่นเดียวกัน ประเด็นคือ จะเก็บปากเก็บคำไปก็เท่านั้น

ตามที่ซีเยว่กล่าว สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับอนุคือ ความโปรดปรานของสามี..

“อนุหนึ่งเจียวจินเหิมเกริม มีใจไม่บริสุทธิ์คิดเทียบบารมีฮูหยินเอกเว่ยเฉินลี่ ไร้คุณธรรม ตัดเบี้ยหวัดหนึ่งปี คุกเข่าสำนึกผิดหน้าโถงใหญ่หนึ่งคืน หากมีครั้งต่อไป ลงโทษขับไล่สถานเดียว”

ซึ่งนางไม่มี

ครานี้น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนางจริง ๆ แล้ว “นายท่าน!”

โชคดีของเจียวจินที่ยังไม่กระด้างกระเดื่องพอที่จะเถียงคอเป็นเอ็นกับผู้มีอำนาจสูงสุดของบ้าน ดังนั้น วันนี้จึงยังไม่มีอนุผู้ใดถูกไล่ออกให้เป็นมงคลหัวของซีเยว่ อยากจะแปะประเดิมสักคนหนึ่งเหมือนกันแต่จะดีกว่าหากเป็นหลังงานฝังหญิงย่า

ครอบครัวนางยังผูกติดกับสกุลซีอีกนาน อย่าให้มีชื่อเสื่อมเสียให้รำคาญดีกว่า

แต่ถ้ามีเหยื่อมาหย่อนให้ถึงปาก เรื่องอะไรจะไม่งับ

“คิก”

เสียงหัวเราะคิกคักใสกังวานน่าฟังดังมาจากร่างของหญิงสาวผู้มีทรวดทรงองค์เอวล้นเหลือ อนุห้าฟางหรู สาวงามซึ่งถูกไถ่ตัวออกมาจากหอศิลป์ สวยยวนใจ เชี่ยวชาญศิลปะหลากแขนง เทียบกับอนุทั้งหมดเป้าหมายในสายตาของนางมีเพียงซีเฉาหยาง ไม่เคยแตะต้องเว่ยเฉินลี่หรือฝาแฝด ความแค้นที่มีต่อกันยกเว้นความเหม็นหน้ามีเป็นศูนย์ เสียดายเพียงแต่อาจจะสมองน้อยตามผู้อื่นไม่ทันไปสักหน่อย

ซีเยว่ยิ้มแย้มตักเตือนอย่างเป็นมิตร “อนุห้า ท่านป่วยหรือข้าได้ยินเสียงหวาน ๆ ของท่าน ใส่เสื้อผ้าให้มิดชิดสักหน่อย หาไม่แล้วท่านจะป่วยเหมือนกับอนุสี่เอาได้”

งดอวดเนื้อนมหน่อยค่ะแม่ อีกนิดก็จะตั้งชี้หน้าอยู่แล้ว

แยกแยะนิดนึงระหว่างเซ็กซี่กับอนาจาร

ฟางหรูกรีดนิ้วไปตามหน้าอกเอิบอิ่ม “อินลู่นางขี้โรค ไม่เหมือนข้าหรอกเจ้าค่ะคุณหนู ข้าทั้งแข็งแรงและกระปรี้กระเปร่า ร้อนรุ่มทุกเมื่อเชื่อวัน คิกคิก”

ไม่ใช่เพียงซีเยว่ที่ทนไม่ไหว เว่ยเฉินลี่ปิดตาบุตรชายตัวเองไปแล้ว

“ดีจริง เข้าเหมันต์แล้วยังร้อนรุ่ม เดือนนี้คงไม่ต้องส่งเสื้อผ้าหรือถ่านไปที่เรือนอนุห้าแล้วกระมัง!”

“อ๊ะ! เปล่านะ!”

อนุหนึ่งถูกท่านพ่อเชคเมทเรียบร้อย อนุห้าก็ถูกท่านแม่อุดปากเก็บหน้าอกหน้าใจของตนเองลงเสื้อไปแทบไม่ทัน เหลือเพียงอนุหมายเลขสองถึงสี่ ที่ยังคงสงวนท่าทีไม่มีปากมีเสียง แต่อย่างว่านะ คนตั้งใจจะหาเรื่อง แค่กลืนน้ำลายก็หาเรื่องได้

สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง นับประสาอะไรกับอนุเหล่านี้

ซีเยว่ทำหน้างอคอหัก กระตุกหางม้าในมือ

“ท่านพ่อ! เยว่เอ๋อร์โกรธท่านมาก!!”

แรงเท่ามดของลูกสาวไม่ทำให้ผู้บ่มเพาะเจ็บได้ ซีเฉาหยางตกใจมากกว่า ตนเองยังไม่ทันทำอะไรเด็กน้อยในอ้อมกอดก็องค์ลงขึ้นมากะทันหันเสียแล้ว คหบดีใหญ่ละล่ำละลักเสียงอ่อน ไม่คิดรักษาภาพลักษณ์แม้แต่น้อย

“เยว่ เยว่เอ๋อร์ลูกโกรธอะไรพ่อ บอกพ่อได้ไหม”

“ท่านเอาของของเยว่เอ๋อร์กับหยวนเอ๋อร์ให้พวกนางหรือ!?”

“ลูกรัก พ่อของเจ้าไม่มีวันทำเช่นนั้น”

“แล้วทำไมไข่มุกของเยว่เอ๋อร์ไปอยู่กับนาง! ไข่มุกของเยว่เอ๋อร์ เยว่เอ๋อร์จำได้ทุกเม็ด!” ซีเยว่ชี้นิ้วป้อมไปที่อนุสอง โกรธเกรี้ยวแก้มพองลม

บอกก่อนว่านางไม่ได้ปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องจริงที่ว่าตัวนางตอนเด็ก ๆ มักได้รับไข่มุกเม็ดงามเช่นเดียวกับซีหยวนที่จะได้อัญมณีเม็ดเท่ากำปั้นเป็นของขวัญปลอบใจจากท่านพ่อเสมอ แม้จะเป็นสัญลักษณ์ว่าพวกเขาต้องพบเจอเรื่องเลวร้าย แต่ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาหวงแหนจนต้องใส่กล่องไม้ซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดีเช่นกัน

ที่สำคัญคือ ที่บอกว่าจำได้นั้นไม่มีความหมายเกินจริง ไข่มุกที่ซีเยว่ได้รับมักจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว งดงามไม่เหมือนใคร เช่นเดียวกับไข่มุกสีชมพูรูปหัวใจบนคอของอนุสอง

อย่าว่าแต่ทั้งเมืองเลย ทั้งแคว้นนี้ก็เป็นหนึ่งไม่มีสอง

อนุสองฮุ่ยน่า ฉลาดเฉลียว สงบปากสงบคำ แต่งตัวเรียบง่าย ความงามถือว่าด้อยที่สุดในหมู่อนุด้วยกัน ทว่าเก่งกาจเรื่องบัญชีการเงิน อยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ากอบกุมสมบัติเอาไว้มากมาย ลูกสาวตระกูลพ่อค้าระดับกลางนับว่ามีความโลภอยู่ในกมลสันดานไม่น้อยเลย

กระนั้น วันนี้จัดว่าสะเพร่าไปหน่อย

“แล้วก็นั่น พลอยสีทองของหยวนเอ๋อร์! ท่านแม่ตั้งใจจะเก็บไว้ประดับกวานของตี้ตี! ท่านปล่อยให้นางเอาไปทำเข็มขัดได้อย่างไร!” โวยวายเสร็จก็ชี้นิ้วไปที่อนุสามหน้าดำหน้าแดง

อนุสามเฉินกุ้ยเหมย งดงามราวกับราชินีแห่งดอกไม้เหนืออนุทั้งหมด ในด้านของความงามจัดว่าเกือบจะเทียบเท่าความงามของท่านแม่เว่ยเฉินลี่ได้ ต่างกันเพียงแต่นิสัยของนางเผ็ดร้อนและหยิ่งยโสมากเกินไป ไม่รู้เพราะเกิดในตระกูลผู้ดีหรืออย่างไรถึงได้ชื่นชอบแต่งกายจัดจ้านและอัญมณีสีเหลืองกับเครื่องทองมากเป็นพิเศษ มากถึงขั้นที่ว่าจะเป็นจะตายหากไม่ได้นำมาประทับตราดอกกุหลาบเป็นของนาง

จำได้ว่า อนุสามเคยเอ่ยปากขออำพันเม็ดใหญ่เม็ดนั้นจากท่านพ่อของนางตอนที่มอบให้กับซีหยวนมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่คิดว่าจะยังไม่เลิกหมายตา พอเจ้าของไม่อยู่ก็ไปเอามาเป็นของตัวเอง

แย่หน่อยที่นางเอาใจใส่ค่าความงามมากกว่าค่าความฉลาด

อำพันซึ่งบรรจุขนนกสีขาวไว้อย่างสวยงามภายในนั้นหายากยิ่งกว่าไข่มุกสีชมพูรูปหัวใจเสียอีก

ซีเยว่หายใจฟึดฟัด “ท่านจงใจใช่หรือไม่! เยว่เอ๋อร์โกรธท่านพ่อมาก!!”

“เยว่เอ๋อร์ไม่ต้องเป็นกังวล พ่อไม่ปล่อยของของเจ้าให้คนอื่นเอาไป” คหบดีที่วุ่นวายกับการจัดการมารดาของตนเองจนหลงลืมเฝ้าดูสตรีเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ โกรธจนเส้นเลือดผุดขึ้นที่ขมับ มือใหญ่ลูบศีรษะปลอบลูกสาวที่แทบจะพองเป็นโคมลอยขึ้นฟ้า

ตวัดดวงตาดุไปหาอนุ คราวนี้ถึงกับขึ้นเสียงดังเหลือจะอด

“เหอะ! อนุข้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก!!”

“นายท่าน นี่เป็นของที่ฮูหยินผู้เฒ่ามอบให้” ฮุ่ยน่าเร่งค้อมศีรษะลง แก้ไขความเข้าใจเสียใหม่

เด็กหญิงตัวน้อยแสยะยิ้ม “อนุสองจะบอกว่าท่านย่าขโมยของหลานตัวเองหรือ?”

“...”

เงียบไว้ก็ดีแล้ว ไม่น่ารนหาที่เลย

“บ้านตระกูลซีไม่เลี้ยงหัวขโมย ครั้งนี้ละเว้นโทษ จงนำทรัพย์ทั้งหมดที่พวกเจ้าหยิบฉวยไปส่งคืนก่อนพระอาทิตย์ขึ้น หากพบเจอว่ามีสิ่งใดหายไปทีหลัง ไม่จำเป็นต้องพูดคุย พวกเจ้าจะถูกส่งให้สำนักยุติธรรมตัดสินโทษ” ซีเฉาหยางเอ่ยเสียงเรียบ หลังจากตวาดออกไปคำหนึ่งแล้ว ท่านพ่อผู้นี้กลับนิ่งมากจนน่ากลัว แผ่อำนาจบารมีของนายท่านใหญ่ควรคู่แก่การชื่นชมอย่างยิ่ง

โกรธจริงไม่ติงนัง

ซีเยว่ไม่ตำหนิที่ไม่มีบทลงโทษที่รุนแรงหนักหน่วงเช่นการขับไล่อนุออกจากบ้าน ยังไงวันนี้ก็เป็นวันแรกที่นางกับครอบครัวกลับมา ซ้ำยังมีงานศพฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่เสร็จสิ้น จะดีกว่าถ้ามีเรื่องแค่พอให้เป็นที่จดจำ

แผลงฤทธิ์ให้ดูว่าใครใหญ่ใครรอง

สนามจริงไว้ค่อยลงวัดกันหลังจากฝังร่างเหี่ยว ๆ ลงหลุม

อ่อ ลืมไป “อนุสี่ ข้าเป็นห่วงท่านนะ ท่านใส่เสื้อผ้าให้หนาหน่อยเถอะ หน้าท่านซีดมาก ข้ากลัวว่าหน้าท่านจะซีดมากกว่าฮูหยินย่าหรือเปล่า? อืม ท่านไม่ควรใส่เสื้อผ้าบาง ๆ คนไม่รู้เขาจะคิดว่าท่านพ่อดูแลผู้อาศัยไม่ดี หรือไม่ก็ว่าท่านว่าแกล้งป่วยเอาได้”

เล่นงานทีก็ต้องเล่นงานให้ครบ หนักเบาลดหลั่นกันไป

ไม่งั้นคนเขาจะหาว่าลำเอียง!

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ