ตอนที่ 11 : คุกเข่าร้องขอความเมตตา

บางครั้งเวรกรรมมักมาในรูปแบบดรรชนีทองคำ

ตีดิ้ง!

[ ขอแสดงความยินดี โฮสต์ที่รักปลดล็อกภารกิจหลัก มองทำไมชายคา อยู่ร่วมบ้านกันโลด! ]

[ รายละเอียด ในฐานะพี่สาวและลูกสาวจะปล่อยให้ครอบครัวแยกบ้านอย่างน่าเศร้าไม่ได้ โฮสต์ที่รักจะต้องโน้มน้าวให้เว่ยเฉินลี่พักที่เรือนหลักบ้านตระกูลซีเพื่อประโยชน์สุขของสากลโลก! ]

เจ้าแต้ม..

ไหว้ล่ะ จะออกภารกิจอะไรรบกวนดูหน้าท่านแม่คนงามนิดนึง

ลำพังแค่กลับมาที่บ้านซึ่งฝากฝังความดำมืดไว้ในจิตใจว่าฝืนแล้ว ในวันเดียวกัน ระบบคืนความสุขแก่คู่ยวนยางไร้ศีลธรรมยังปล่อยหลักสูตรเร่งด่วนว่าด้วยการนอนชายคาเดียวกับสามีที่เหม็นขี้หน้าจนอยากจะได้จดหมายหย่าให้หมดสิ้นเวรกรรมกันอีก!

ไหนว่าเป็นระบบมงคล ภารกิจนี้คืออะไรก่อน?

แน่ใจนะว่าไม่ได้เออเร่อ

[ โฮสต์ที่รักระบบสบายดี ]

เจ้าแต้มส่งหน้าต่างดอกไม้บานสะพรั่งกระจุยกระจาย ย้ำเตือนความสำคัญของการทำให้คู่หนุ่มสาวคืนดีกันสีสันสดใส ระบบผู้ทำงานอย่างขยันขันแข็งถูกโฮสต์มองบนเป็นครั้งที่เท่าไหร่ มันเลิกนับไปแล้ว [ โฮสต์ที่รักกรุณาทำภารกิจหลักเพื่อความสงบสุขของแว่นแคว้น ]

[ รางวัล ร่างหงส์มังกรมงคล ดีมาก! ]

ไม่ลืมล่อด้วยของรางวัล

ซีเยว่พรูลมหายใจ ระบบอ้าปากเห็นไปถึงลิ้นไก่ บางทีนะบางที ก่อนจะคิดถึงความสงบสุขของแว่นแคว้นควรจะคิดถึงความสงบสุขในครอบครัวก่อน เด็กหญิงออกตัวออกหน้าขายมารดาให้บิดาหนักขนาดนี้อีกนิดก็จะขึ้นชื่อว่าอกตัญญูแล้ว

บอกมาตามตรงเถอะว่า ที่จริงแล้วระบบคืนความสุขแก่คู่ยวนยางเป็นนามแฝงของระบบแม่สื่อที่ชั่วร้าย!

ระบบร้องไห้ [ โฮสต์ที่รักกรุณาเลิกใส่ร้ายระบบ ]

หงส์น้อยมองเมินเจ้ากรรมนายเวรของตัวเอง อันที่จริงการเกลี้ยกล่อมให้ท่านแม่พำนักพักผ่อนที่นี่ไม่ใช่เรื่องแย่ ความยิ่งใหญ่ของอภิสิทธิ์ในสถานที่ที่อนุภรรยาคนไหนไม่อาจก้าวล่วงได้ดั่งใจ จัดเป็นการประกาศศักดาอีกหนทางหนึ่ง ทั้งยังสะดวกสบายและจำนวนผู้คุ้มกันก็ค่อนข้างปลอดภัยมาก

ใครจะรู้ว่าเมียน้อยอสรพิษจะลงมือทำอะไรเพิ่มอีก

แต่มีข้อดีย่อมมีข้อเสีย การอยู่ในสถานที่ที่มีความทรงจำซึ่งยากจะลืมส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพจิตของหญิงสาวและเด็กวัยกำลังโต ไหนจะบ่าวรับใช้ที่ไม่รู้แน่ชัดว่าผู้ใดหวังดีผู้ใดหวังร้าย เวลาสองปีไม่ใช่น้อย ๆ เกรงว่าซีเฉาหยางคงนึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่าอนุเหล่านั้นกัดเซาะขาเก้าอี้ของฮูหยินเอกไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

บางทีสาวใช้ที่ทำก้มหน้าเจียมเนื้อเจียมตัวอาจจะซ่อนมีดคมไว้ใต้แขนเสื้อก็ได้ใครจะรู้

อันตรายทั้งสองทาง มากน้อยต่างกันไป

ซีเยว่ตวงชั่งความคุ้มค่าจนคิ้วขมวดแน่น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสอดส่องไปทั่วในขณะที่หูผึ่งฟังคำบิดามารดาสนทนา ตอนนี้มันแย่ลงไปอีกเมื่อวาณิชหนุ่มแจ้งว่าเรือนรับรองไม่ว่าง เทพธิดาเลยตั้งใจจะไปพักโรงเตี๊ยม

เฮอ ๆ

“ท่านแม่ ตี้ตี บ้านหลังนี้ใหญ่มาก!” เสียงใสโพล่งขึ้นกลางบทสนทนา จิ้งจอกแพรวพราวใช้ความเป็นเด็กตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อม ทำเป็นไม่ได้ยินที่พ่อแม่พูดกันก่อนหน้านี้ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ซีหยวนไม่เข้าใจที่ผู้ใหญ่พูดกันเท่าไหร่จึงไม่ให้ความสนใจ แต่โดยพื้นฐานแล้วเขาสนับสนุนพี่สาวอย่างเป็นธรรมชาติ

เป็นกำลังทัพที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

“อื้อ ใหญ่มาก เจี่ยเจียชอบบ้านหลังใหญ่หรือขอรับ”

“อื้ออือ ไม่ใช่แค่ใหญ่ แต่ต้องสวยด้วย เจี่ยเจียของหยวนเอ๋อร์จะชอบมาก”

“ถ ถ้าเจี่ยเจียชอบ หยวนเอ๋อร์ก็ชอบ”

ฝาแฝดหงส์มังกรพูดคุยอยู่ในโลกส่วนตัวของกันและกันอย่างน่ารักน่าชัง เด็กหญิงตัวน้อยชักชวนเด็กชายตัวเล็กชี้โน้นนี่นั่นชอบไปหมด น้องชายก็ช่างตามใจพี่สาว พี่ว่าอะไรก็พออกพอใจตาม ไม่ต้องเอ่ยปากสักคำเว่ยเฉินลี่ก็กล้ำกลืนคำที่ว่าจะกลับจวนบรรพบุรุษหรือให้จัดเรือนรับรองหลังอื่นลงคอ

“เอาเถอะ หากลูกชอบก็พักที่เรือนนี้”

“ดียิ่ง!” “ท่านแม่ดีที่สุด!”

ซีเยว่และซีหยวนเคลือบน้ำตาลไว้ที่ปากนุ่มนิ่ม

หญิงงามพึงพอใจกับคำชมของเลือดเนื้อเชื้อไข คหบดีหนุ่มก็ดีใจจนยิ้มแก้มปริ พลังใจในการใช้ชีวิตล้นปรี่เพียงแค่มีความหวังว่าจะได้นอนใต้ชายคาเดียวกันกับลูกเมียที่พลัดพรากนานนับสองปีสักหนึ่งถึงสองคืน

และอาจจะได้นอนห้องข้าง ๆ กัน!

พ่อค้ามีความสุขมากกว่าครั้งเจรจาค้าขายพริกไทยหรือรับสัมปทานเกลือ! ซีเฉาหยางยังคงยืนยันว่าลูกสาวและลูกชายคือแสงทองผ่องอำไพในชีวิตของเขาตั้งแต่อดีต ต่อจากนี้ และตลอดไป

หากซีเยว่ได้ยินความคิดนี้ไม่ต้องสงสัยว่านางจะจัดบิดาไปอยู่ในหมวดหมาโง่คลั่งรัก

โครกคราก..

อย่างไรก็ดี เด็กหญิงไม่มีทักษะอ่านใจและตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว พวกเขาออกจากบ้านบรรพบุรุษมาตั้งแต่ยามสาย เว่ยเฉินลี่ดูแลหงส์น้อยและมังกรน้อยให้ทานข้าวตรงเวลาสม่ำเสมอ ต่อให้เล่นอยู่ที่ไหนพอถึงเวลาก็จะเห็นฝาแฝดจูงมือกันวิ่งกลับบ้าน

ต่อให้มีเงินไม่มาก แต่หญิงงามเชี่ยวชาญการหาขุมทรัพย์มากมายบนภูเขา

อาหารการกินสมบูรณ์พูนสุขทุกมื้อ!

ซีหยวนกุมท้องที่ส่งเสียงร้อง “ท่านแม่ เราจะกลับไปกินซุปกระต่ายที่บ้านหรือไม่ขอรับ”

ซีเยว่ลูบพุงกะทิที่เหมือนจะยุบหายไปนิดหน่อย “ซุปกระต่าย”

บิดามารดารู้โดยสัญชาตญาณว่าถึงเวลาต้องให้อาหารฝาแฝดที่หิวโหย

ด้วยเหตุประการฉะนี้ ถึงแม้ไม่ยินดีแต่ก็ต้องยินยอมร่วมรับสำรับเที่ยงพร้อมหน้าพร้อมตา กรุณางดถามหาบรรยากาศหวานชื่น มีบิดาเพียงคนเดียวที่คลี่ยิ้มราวกับคนบ้าในขณะดูแลฮูหยินและลูกรัก ชายหนุ่มจดจำสิ่งที่ภรรยาและฝาแฝดชอบหรือไม่ชอบได้ขึ้นใจ ตะเกียบขยับคีบปรนนิบัติครอบครัวไม่เคยมีอาหารไม่ชอบให้ระคายลิ้น

“ลี่ลี่เจ้าชอบปลา พี่แกะให้”

“เยว่เอ๋อร์หมูตุ๋นของโปรดของลูก”

“หยวนเอ๋อร์หนังเป็ดไม่เหนียวเลย พ่อให้ในครัวทอดจนกรอบเพื่อลูก”

สารพัดจะเอาใจ

ผลคือ เว่ยเฉินลี่ยังคงมึนตึงกับซีเฉาหยาง ซีหยวนเองแม้จะมีความสุขก็ยังทำใจแข็งไม่สนใจบิดา มีเพียงซีเฉาหยางและซีเยว่เท่านั้นที่พยักหน้าพึงพอใจผลลัพธ์ที่ไม่ดีแต่ก็ไม่แย่จนเกินไปตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย

อย่างน้อยก็ไม่มีทีท่ารังเกียจเดียดฉันท์

ใช้เวลาร่วมโต๊ะอาหารจากเที่ยงลากยาวถึงบ่าย อาหารในเมืองแต่ละจานถึงจะไม่อร่อยเท่าฝีมือมารดาแต่ฝาแฝดชอบลิ้มลองสิ่งใหม่เป็นอย่างยิ่ง ซีเยว่และซีหยวนหนังท้องตึงแล้วอารมณ์ดีที่สุด โดยเฉพาะวิญญาณปากมันแผลบที่มาจากเมืองแห่งการกินสบายกายสบายใจยิ่งนัก

ไหน ๆ แล้วก็เปิดโปรโมชันใจดีไม่รอให้ระบบแจกภารกิจเด้งตัวเองออกไปเดินเล่นย่อยอาหาร เปิดโอกาสให้คู่รักได้พูดคุยตามลำพัง

“ท่านแม่เจ้าคะ เยว่เอ๋อร์พาตี้ตีไปเดินเล่นกับท่านปู่พ่อบ้านนะเจ้าคะ!”

อย่าลืมลากน้องชายไปด้วย

ไม่ทันได้รับคำอนุญาต ร่างเด็กสมบูรณ์ทั้งสองหน่วยก็พากันวิ่งดุ๊กดิ๊กจูงมือหลิวเค่อกันคนละข้าง พ่อบ้านชรารู้สึกรื่นรมย์กับสัมผัสนุ่มนิ่มไม่ทักท้วงหรือเหลียวหลังไปทำหน้าที่บ่าวที่ดีของนายท่านสักเสี้ยวนึกคิดเดียว

“จริง ๆ เชียว” เว่ยเฉินลี่ส่ายศีรษะ ตั้งใจจะเดินตามออกไป

ติดเสียแต่สามีเคยรักรั้งไว้ด้วยเสียงเว้าวอน “ลี่ลี่ คุยกับพี่สักหน่อยได้หรือไม่”

“...”

“หาก หากไม่รบกวน”

บุรุษที่น่าตายเขายังคงเหมือนเดิม “ข้ามีเวลาไม่มาก”

ซีเฉาหยางมองดูคนงามนั่งลงที่เดิมอย่างระมัดระวัง พ่อค้าช่างพูดช่างเจรจามีถ้อยคำมากมายวนเวียนในศีรษะเต็มไปหมดแต่ไม่รู้จะริเริ่มตรงที่ใด ทว่าอย่างน้อยเขาก็รู้ว่าคำพูดที่ดีที่สุดในตอนนี้คืออะไร “ลี่ลี่ พี่ขอโทษ ขอโทษที่ทำผิดต่อเจ้าและลูกอย่างไม่น่าให้อภัย พี่รู้ว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำไม่อาจชดเชยความเจ็บปวด แต่ได้โปรดฟังพี่อธิบาย”

เว่ยเฉินลี่สูดลมหายใจ “ข้าฟังอยู่”

“พี่รู้ว่ามันอาจจะน่าเหลือเชื่อ..” ซีเฉาหยางเริ่มเล่าเรียงเรื่องราวประหนึ่งนิทานมหัศจรรย์

ย้อนกลับไปครั้งฮูหยินผู้เฒ่ารังแกบุตรฝาแฝดครั้งแรก ซีเฉาหยางมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะห้ามปรามมารดาและขับไล่นักพรตจอมปลอมออกจากจวน บุรุษร่างสูงใหญ่ไปเยือนที่เรือนไม้ของของหญิงวัยกลางคนกลางดึก ทว่าแทนที่จะได้พบมารดาที่เขารักกลับค้นพบฆาตกร

ซีเฉาหยางมองเห็นมารดาใช้มือควักหัวใจนักพรตเฒ่ากับตา

นางหัวเราะเสียงแหลมสูงเล่าขานความลิงโลดที่นางได้รับยามที่มีฝาแฝดหงส์มังกรสายเลือดเดียวกับนางลืมตาดูโลก พร่ำเพ้อราวกับสตรีวิปลาสถึงความงามนิรันดร์ ลิ้มรสโลหิตในมือแล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่าไม่อร่อยเท่าเลือดของสามีนามซีห่าวของนาง

บิดาผู้จากไปก่อนวัยอันควรของซีเฉาหยาง

ตัวคหบดีหนุ่มในเวลานั้นนิ่งงันหัวใจแทบหยุดเต้น โชคดีที่อันหลันเกือบจะบ้าคลั่งไปแล้วขณะกำลังกลืนกินเลือดเนื้อของศพทีละเล็กทีละน้อยจึงไม่สังเกตเห็นประตูที่ถูกแง้มออกและสายตาหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจของลูกชาย

ผู้นำตระกูลซีเสียศูนย์ กว่าจะดึงสติกลับมาก็เป็นเมื่อครั้งที่มารดาลงมือกับฝาแฝดครั้งที่สอง

ซีเฉาหยางกล้ำกลืนความหวาดกลัว วันหนึ่งเขาแอบเข้าไปในเรือนฮูหยินผู้เฒ่าค้นพบตำราโบราณเล่มหนึ่งซุกซ่อนอยู่ในหีบโบราณคร่ำคร่า ภายในนั้นบรรจุขั้นตอนพิธีกรรมความงามอมตะด้วยตัวอักษรจากน้ำหมึกเก่าซีดจาง และร่องรอยขีดฆ่าจากน้ำหมึกที่ใหม่กว่า นอกจากนั้นยังมีกระดาษเนื้อดีลายมืออันหลันที่เขียนเล่าที่มาและความเป็นไปของสิ่งที่นางได้รวบรวม

นางใช้เวลานับสี่สิบปีเพื่อรวบรวมองค์ประกอบเหล่านั้น ก่อนซีเฉาหยางเกิดนั้นขาดเพียงหัวใจของบุรุษผู้รักนางเท่าชีวิต และเลือดเนื้อของฝาแฝดหงส์มังกรเชื้อสายเดียวกัน

เพื่อเก็บองค์ประกอบให้ครบ อันหลันจึงแต่งงานกับซีห่าว หลังจากนั้นจึงสังหารสามีผู้เปี่ยมรักเพื่อควักหัวใจเขาไปอย่างเงียบ ๆ กลายเป็นแม่หม้ายเลี้ยงเดี่ยวผู้เฝ้ารอให้มีฝาแฝดหงส์มังกรกำเนิดขึ้นในวงศ์ตระกูล วันที่ซีเยว่และซีหยวนลืมตาดูโลกเป็นวันที่นางยินดีที่สุดในชีวิต เพราะนั่นหมายถึงความฝันของนางใกล้จะสำเร็จเต็มที น่าเสียดายที่ข้อกำหนดในพิธีกรรมระบุไว้อย่างชัดเจนว่าฝาแฝดจะต้องสิ้นใจด้วยอุบัติเหตุหรือวิธีทางธรรมชาติ ห้ามมิให้มีการวางยาหรือจงใจสังหารด้วยตนเอง

ในหน้านั้นเต็มไปด้วยลายมือบิดเบี้ยวที่ก่นด่าสวรรค์ที่ลำเอียงมอบพรมากมายให้กับเด็กทั้งสอง

นั่นคือความจริงภายใต้ความอ่อนเยาว์ของนางมารผู้หนึ่ง

ซีเฉาหยางทั้งเสียใจทั้งสมเพชตนเอง

ทว่าบนแผ่นดินผานกู่ ผู้บำเพ็ญเซียนและมารอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ลำพังมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถสู้รบปรบมือกับผู้ฝึกยุทธ์ได้ เปลือกนอกจำใจจะต้องโอนอ่อนให้แก่มารดาเพื่อความปลอดภัยของครอบครัว ลับหลังลอบส่งยอดฝีมือของตนออกไปเพื่อปกป้องภรรยาและลูกน้อยเต็มกำลัง แต่ไม่ว่าเท่าไหร่ก็ไม่เคยเพียงพอ เจ็บปวดทุกครั้งยามเว่ยเฉินลี่มองด้วยความผิดหวังและตัดพ้อ ยามนั้นสบโอกาสจึงส่งพวกเขาไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อนชั่วคราว

คนเล่ายอมรับความขี้ขลาดและโง่เขลาที่ไม่กล้าบอกภรรยาโดยดุษฎี

เว่ยเฉินลี่ทอดสายตาอ่อนมองชายที่นางรักเต็มดวงใจครู่หนึ่ง

“ข้าเสียใจกับท่าน”

แต่ต่อให้คายทั้งหมดออกมาแล้วอย่างไร ใช่ นางสงสารและเห็นใจเขา แต่พวกมันไม่ได้ทำให้นางเจ็บปวดน้อยลงหรือหันกลับไปรักเขาดังเดิม เว่ยเฉินลี่เพียงรับฟังเหตุผลอย่างผู้มีปัญญา หญิงสาวถามกลับด้วยน้ำเสียงชืดชาไม่ใส่ใจว่าเขาจะเล่าให้นางฟังทำไม

“ข้าต้องขอบคุณท่านหรือไม่ ท่านปกป้องเราแม่ลูกให้เจ็บช้ำถึงเพียงนี้”

ซีเฉาหยางกำมือแน่นบนตัก “ไม่ ลี่ลี่ เป็นพี่ที่ผิดเองทั้งหมด พี่..”

เทพธิดาของเขาถูกแล้ว

นางไม่จำเป็นเลยต้องรับฟังหรือยกโทษให้เขาที่ทำร้ายใจนางและลูกฝาแฝดเพราะเหตุผลเหล่านี้

“เจ้าไม่ต้องยกโทษให้พี่ แค่ แค่..”

“...”

พ่อค้าผู้มั่งคั่งสั่นเทาทั้งร่างกาย ความกลัวเกาะกุมจิตใจมากกว่าครั้งไหน กลายเป็นเพียงบุรุษธรรมดาผู้หนึ่งซึ่งละทิ้งทุกสิ่งอย่างคุกเข่าลงต่อหน้าหญิงที่ตนเองรักเพื่อร้องขอความเมตตาอย่างหมดหนทาง “ลี่ลี่ ได้โปรดอยู่ที่นี่ ให้คนโง่ผู้นี้ได้ชดใช้”

“...”

“ลี่ลี่..”

สตรีผู้ถูกขอร้องดวงตาแดงเรื่อ คลี่รอยยิ้มซึ่งบาดลึกลงไปในความทรงจำผู้มอง “ยามผลักไสเราแม่ลูก ท่านเอ่ยเพียงหนึ่งคำ ยามนี้คิดจะนำกลับมาท่านเอ่ยอีกหนึ่งคำ”

“...”

“ท่านพี่ ที่แท้ท่านคิดว่าเรื่องราวง่ายดายถึงเพียงนั้น?”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ