ตอนที่ 11 บอกเลิก

ดวงตาคู่สวยมองตรงไปยังโทรศัพท์ที่สั่นไหว วีรภพพยายามติดต่อเธอนับสิบสาย แต่หญิงสาวกับเลือกที่จะตัดการติดต่อจากเขา สโรชาย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโดของตัวเอง ขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง เหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่าง

จิตใจของเธอว้าวุ่นสับสน ใจหนึ่งก็รู้สึกผิดกับวีรภพ แต่ลึก ๆ แล้วเธอก็ยังลืมวีรภัทรไม่ได้

และเธอรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับชายหนุ่มเท่าไหร่นัก ในขณะที่เขารักเธอหมดหัวใจแต่กลับไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วในใจของเธอนั้นยังมีใครบางคนซุกซ่อนอยู่

หญิงสาวไม่อยากเห็นแก่ตัว วีรภพเป็นคนดีควรได้พบเจอคนที่ดีกว่าเธอ

สโรชาใช้เวลาทำใจอยู่นานหลายวัน เธอยอมรับว่าความรู้สึกนี้ถลำลึกไปมากจนยากจะถอดถอน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถคบหากับน้องชายของอดีตคนรักได้

เธอไม่อยากเป็นต้นเหตุให้สองพี่น้องต้องบาดหมางกัน

หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน หญิงสาวตัดสินใจติดต่อกลับไปหาแฟนหนุ่ม วีรภพทั้งดีใจระคนแปลกใจ นับตั้งแต่วันที่เขานั้นพาเธอไปพบพ่อกับแม่ หญิงสาวก็ไม่เหมือนเดิม

คล้ายกับว่าเธอนั้นกลัวอะไรบางอย่าง และพยายามตีตัวออกห่างจากเขา

“หายไปไหนมา รู้ไหมว่าเป็นห่วงมากแค่ไหน”

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวยิ่งรู้สึกผิด มองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจแล้ว สโรชาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอนั้นไม่ควรรั้งผู้ชายคนนี้ไว้ในชีวิต

เพราะหากเธอทำเช่นนั้นเท่ากับว่าเธอเป็นคนเห็นแก่ตัว

“ชามีเรื่องจะคุยกับคุณ”

น้ำเสียงเธอเรียบนิ่งแต่แผ่วเบา หญิงสาวอยากใช้ช่วงเวลานี้เพื่อกักเก็บความสุขให้ได้มากที่สุด ก่อนที่เธอและวีรภพจะไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกันอีก

หญิงสาวชวนชายหนุ่มไปทานอาหารที่ร้านโปรดด้วยกัน แม้เธอจะพยายามทำตัวปกติมากเพียงใดแต่ถึงอย่างนั้นวีรภพก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง

สโรชาจับจูงชายหนุ่มก่อนดึงเขาเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้า หญิงสาวหยิบเสื้อเชิ้ตขึ้นมาหนึ่งตัวก่อนจะทาบลงบนร่างอีกฝ่าย

“ดูดีมากเลยค่ะ แต่เอาสีนี้ดีกว่า”

เธอแขวนเสื้อตัวเดิมเก็บไว้ที่ราว ก่อนจะหยิบเสื้อสีเข้มกว่าออกมา ทั้งสองเข้าไปในห้องลองเสื้อ สโรชากระพริบตาถี่ ๆ หลายครั้ง เพื่อไล่หยาดน้ำที่ก่อตัวขึ้น

“มีอะไรอยากจะพูดหรือเปล่าชา”

ชายหนุ่มตัดสินใจเอ่ยถามออกมาตามตรง แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าเพราะยังไม่ถึงเวลา เธออยากตักตวงความสุขให้ได้มากที่สุด อยากมอบความทรงจำดี ๆ ให้กับชายคนรักก่อนที่เธอนั้นจะตัดสินใจจบความสัมพันธ์กับเขา

“มีค่ะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

หญิงสาวว่าอย่างนั้นก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง เธอปลดกระดุมเสื้อชายหนุ่มก่อนจะสวมเสื้อตัวใหม่ให้แก่เขา

“ดูดีมากเลยค่ะ เอาตัวนี้เลยละกัน”

ว่าแล้วหญิงสาวก็ถือเสื้อไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน ก่อนจะยื่นถุงกระดาษให้ชายหนุ่ม

“สุขสันต์วันเกิดนะคะ”

อีกเพียงสองวันก็จะเป็นวันเกิดของชายหนุ่มแล้ว หญิงสาวจึงอยากที่จะซื้อของขวัญสักชิ้นให้กับเขา ก่อนหน้านี้เธอได้ยินเขาบ่นเกี่ยวกับเรื่องเสื้อ จึงตั้งใจซื้อให้ เพราะเชื่อว่าชายหนุ่มนั้นจะนำไปใช้ประโยชน์ได้

“เดี๋ยวพี่คืนเงินให้นะ”

“คืนทำไมคะ ชาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด”

หญิงสาวเอ่ย ก่อนจะดึงชายหนุ่มเข้าไปในร้านขายขนมหวาน ที่นี่มีทั้งลูกกวาดและเยลลี่หนุบหนับ สโรชาจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เธอเคยกอดถังเยลลี่จนหลับไป ทั้งตอนนั้นยังกินลูกกวาดมากจนฟันผุหมดทั้งปาก

“ลองชิมอันนี้ดูนะคะ อร่อยมาก”

หญิงสาวหันมาเอ่ยกับชายหนุ่ม ก่อนจะคีบขนมหวานหลากสีวางลงในถาด แม้จะหมดเงินไปเกือบหนึ่งพันบาท แต่หญิงสาวก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย

เธอชวนแฟนหนุ่มมานั่งเล่นที่ลานกว้างกลางห้าง ก่อนจะล้วงหยิบขนมให้อีกฝ่ายชิมทีละชิ้น

“เป็นยังไงคะอร่อยไหม”

ชายหนุ่มพยักหน้า เขาไม่คิดว่าเยลลี่หน้าตาธรรมดาจะมีรสชาติหอมหวานขนาดนี้ หากไม่ใช่เพราะคำชักชวนของหญิงสาว คงยากมากที่คนอย่างเขาจะหยิบขนมเหล่านี้เข้าปาก ชายหนุ่มมองว่ามันเป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความคิดของชายหนุ่มนั้นจะเปลี่ยนไปทีละนิด

เขาเพิ่งเข้าใจคำว่ารสชาติแห่งความสุขก็วันนี้

“ไม่เคยรู้เลยว่าจะอร่อยขนาดนี้”

“แล้วตอนเด็ก ๆ ไม่เคยกินขนมแบบนี้เลยเหรอคะ”

หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ชายหนุ่มนิ่งไปสักพักก่อนพยักหน้า มันอาจจะดูตลกสำหรับใครบางคน แต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า

เขาเติบโตมาในโรงพยาบาล เพราะเมื่อครั้งยังเด็กมีโรคมากมายรุมเร้า ทำให้ต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลจนแทบจะกลายเป็นบ้านหลังที่สอง

วีรภพถูกสั่งห้ามไม่ให้ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เขาจึงได้แต่มองคนอื่นลิ้มรสชาติของความเป็นเด็ก ในขณะที่ตัวเขานั้นไม่มีสิทธิ์แตะต้อง

“ทำไมล่ะคะ”

“ผมสุขภาพไม่ค่อยดี เลยไม่เคยได้กินขนมแบบเด็กคนอื่น”

ความรู้สึกผิดแล่นขึ้นมาในใจหญิงสาว ทั้งที่เขาเคยเผชิญกับความทุกข์สาหัสแต่กลับไม่เคยเล่าให้เธอฟัง หญิงสาวเริ่มลังเลว่าควรจะบอกเลิกเขาดีหรือไม่

“ชีวิตวัยเด็กของผมไม่ค่อยมีความสุขนักหรอก แต่ตอนนี้ผมมีความสุขมากเลยนะ ที่มีชาอยู่เคียงข้าง”

ได้ยินเช่นนั้นหัวใจหญิงสาวก็กระตุกวูบ เธอแทบจะร้องไห้ออกมาโชคดีที่ยังอดกลั้นไว้ได้

“บางทีการมีชา อาจไม่ใช่ความสุขอย่างที่คุณเข้าใจก็ได้”

หญิงสาวเอ่ยขึ้น เธอไม่ควรสงสารชายหนุ่มจนทำร้ายเขาไปมากกว่านี้

ถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะปล่อยวีรภพไป

“ทำไมถึงพูดแบบนั้น”

ชายหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยดีนักเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว รู้สึกว่าเธอนั้นกำลังจะไปจากเขา วีรภาพมีสีหน้าไม่สบายใจ ยิ่งเมื่อเห็นหญิงสาวขยับตัวออกห่างเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี

“ชาว่าเราสองคนไปกันไม่ได้หรอกค่ะ”

ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มชะงักนิ่งไปสักพักก่อนจะพยายามรั้งหญิงสาว

“อย่าคิดแบบนั้นสิ ตราบใดที่เรารักกัน…”

“แค่ความรักมันไม่พอค่ะ”

หญิงสาวเอ่ยขัดขึ้น เธอรักวีรภพมาก มากกว่าที่เคยรู้สึกกับวีรภัทรเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะใจของเธอมันไม่รักดี ไม่ยอมลืมคนเก่าเสียที เธอจึงรู้สึกผิดและไม่อยากทำร้ายชายหนุ่มไปมากกว่านี้

“เราเลิกกันเถอะค่ะ”

“ไม่! ผมไม่เลิก ผมทำอะไรผิดเหรอชา”

ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ ที่ผ่านมาเขาดูแลเธอเป็นอย่างดี ไม่เคยคิดนอกใจ ไม่เคยแม้แต่จะทำให้เธอนั้นต้องเสียความรู้สึก

แต่จู่ ๆ หญิงสาวกลับคิดจะไปจากชีวิตเขากระทันหัน

“ไม่ผิดเลยค่ะ ชาต่างหากที่ผิด”

หญิงสาวว่าอย่างนั้น ทุกอย่างเป็นความผิดเธอเอง หากเธอเอะใจสักนิดว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน ป่านนี้เรื่องระหว่างเธอกับวีรภพคงจบไปแล้ว คงไม่ต้องรอให้ทุกอย่างถลำลึกมาจนถึงขั้นนี้

“ในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมก็ไม่ยอมเลิกเด็ดขาด”

ชายหนุ่มเอ่ยด้วยใบหน้าขึงเครียด เขาไม่ต้องการที่จะเสียหญิงสาวไป อีกทั้งเหตุผลของเธอนั้นมันก็ไร้สาระเกินกว่าที่เขาจะยอมรับได้

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ