ตอนที่ 7 สับเปลี่ยนโชคชะตา

หลังจากที่ได้ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์จนเสร็จเรียบร้อย ทุกคนจึงได้มารวมตัวกันที่ลานพิธี เมื่อฮ่องเต้กล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ เทศกาลล่าสัตว์จึงได้เริ่มต้นขึ้น

ในขณะที่เหล่าบุรุษเข้าป่าล่าสัตว์ กลุ่มของฮองเฮา สนมชายาและเหล่าสตรีชนชั้นสูงบางคนที่ไม่ชอบกิจกรรมผาดโผนก็ได้รั้งรออยู่ยังที่พัก ระหว่างนี้ฮองเฮาได้จัดงานเลี้ยงน้ำชาขึ้น เพื่อให้เหล่าสตรีทั้งหลายรู้สึกไม่เบื่อหน่าย แต่กระนั้นก็ยังมีสตรีหลายคนที่เข้าป่าตามเหล่าบุรุษไปล่าสัตว์ หนึ่งในนั้นคือกลุ่มขององค์หญิงสามซึ่งเป็นพระธิดาเพียงพระองค์เดียวของฮองเฮา

เมื่อสตรีหลายนางเห็นองค์หญิงสามเป็นผู้นำกลุ่มสตรีเข้าป่าล่าสัตว์ หลายคนก็ควบอาชาตามนางไป ส่วนมากเพื่อต้องการประจบเอาใจ เพราะองค์หญิงสามเป็นพี่น้องร่วมอุทรกับองค์รัชทายาท หากพวกนางสามารถตีสนิทกับองค์หญิงสามได้ การเข้าถึงองค์รัชทายาทก็คงไม่ใช่เรื่องไกลตัว

ซูเยี่ยนหลิงเห็นว่าสตรีหลายคนติดตามองค์หญิงสามไปแล้ว นางก็เอ่ยคะยั้นคะยอให้ลู่ฟางหนิงตามไปเช่นกัน “ฟางหนิง พวกเราติดตามกลุ่มขององค์หญิงสามไปกันเถิด”

ลู่ฟางหนิงได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธ หากนางติดตามกลุ่มขององค์หญิงสามไป เหตุการณ์เหมือนในชาติก่อนจะเกิดขึ้นได้อย่างไรเล่า นางต้องติดตามกลุ่มของพวกพี่ชายไปสิ

“ข้าว่าพวกเราติดตามกลุ่มของพี่ชายข้าไปจะดีกว่า พวกเขาเป็นคนมีฝีมือ ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะล่าสัตว์ใหญ่ได้ ที่สำคัญก่อนที่ข้าจะเดินทางออกจากจวน ท่านแม่ยังกำชับหนักหนาว่าอย่าห่างจากพวกพี่ชายเด็ดขาด”

ในเมื่อลู่ฟางหนิงเอ่ยเช่นนี้ออกมา ซูเยี่ยนหลิงก็ไม่สามารถคัดค้านอันใดได้อีก หลังจากนั้นพวกนางจึงได้ควบอาชาติดตามกลุ่มของลู่จางหมิ่นกับลู่เหว่ยหรงไป ในขณะเดียวกัน โจวหยางเทียนที่แอบซุ่มดูลู่ฟางหนิงอยู่ห่างๆ ก็ได้ควบอาชาตามนางไปเช่นกัน

ลู่ฟางหนิงรู้อยู่แล้วว่าโจวหยางเทียนแอบติดตามนางมา และรอจังหวะให้ม้าของนางเกิดอาการคลุ้มคลั่ง จากนั้นเขาจะทำตัวเป็นวีรบุรุษเข้ามาช่วยสาวงาม

เอาเถิด… ในเมื่อเขาอุตส่าห์ลงทุนเสียขนาดนี้ นางจะไม่ทำให้ความต้องการของเขาต้องล้มเหลว เพียงแต่ในชาตินี้สาวงามที่เขาช่วยจนเกิดความซาบซึ้งใจจะไม่ใช่นางอีกต่อไป หากแต่จะเป็นซูเยี่ยนหลิงแทน

“เยี่ยนหลิง พวกเรามาเปลี่ยนเสื้อคลุมกันดีกว่า”

เมื่อควบอาชาเข้าป่ามาได้สักพัก และเห็นว่าโจวหยางเทียนไม่ได้อยู่บริเวณนี้ ลู่ฟางหนิงจึงถอดเสื้อคลุมของตนออกแล้วยื่นให้กับซูเยี่ยนหลิง

ซูเยี่ยนหลิงขมวดคิ้วมองเสื้อคลุมของลู่ฟางหนิงแล้วกล่าวว่า “เจ้าจะเปลี่ยนเสื้อคลุมกับข้าไปทำไม?”

ในใจของซูเยี่ยนหลิงล้วนเต็มไปด้วยคำถาม แม้พวกนางจะเป็นสหายสนิทกันมานาน แต่หลังจากที่ลู่ฟางหนิงตื่นขึ้นมาหลังจากที่ป่วย อีกฝ่ายก็คล้ายว่าจะมีท่าทางที่แปลกไปเล็กน้อย การกระทำของนางบางทีก็มองไม่ออกว่านางคิดจะทำอะไรกันแน่

“ข้าก็แค่อยากขอเปลี่ยนเสื้อคลุมกับเจ้าไม่ได้หรืออย่างไร ไหนเจ้าบอกว่าพวกเราเป็นสหายสนิทกัน เพียงแค่เสื้อคลุมตัวเดียวเจ้าก็ไม่ยอมเปลี่ยนกับข้าอย่างนั้นหรือ”

คำพูดเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดที่ซูเยี่ยนหลิงมักพูดกับนางอยู่บ่อยครั้ง อีกฝ่ายมักจะเอาคำว่า ‘สหายสนิท’ มาเอ่ยกับนางทุกครั้งยามที่อยากได้หรือแลกเปลี่ยนอะไรกับนาง พอนางใช้วิธีการเดียวกัน ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะมีท่าทางไม่พอใจ

ซูเยี่ยนหลิงแม้จะไม่พอใจที่จู่ๆ ลู่ฟางหนิงก็มาขอเปลี่ยนเสื้อคลุมกับนาง เพราะนางอุตส่าห์บรรจงเลือกเสื้อคลุมตัวนี้มาเป็นอย่างดี แต่กระนั้นนางก็ยอมแลกเปลี่ยนกับอีกฝ่าย เพราะอย่างไรนางก็ยังต้องทำดีกับลู่ฟางหนิง เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ทำให้นางดูโดดเด่นในสายตาของคนอื่น

“ก็ได้ พวกเราเป็นสหายสนิทกัน เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะเป็นอันใดไป”

ลู่ฟางหนิงรับเสื้อคลุมของซูเยี่ยนหลิงมาสวมใส่ ก่อนที่ดวงตาจะฉายแววเย็นชาออกมาวูบหนึ่ง หลังจากที่พวกนางได้แลกเปลี่ยนเสื้อคลุมกันเสร็จสิ้น และคิดว่าจะตามไปล่าฝูงกวางกับกลุ่มของลู่จางหมิ่นและลู่เหว่ยหรงที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกนางอยู่เท่าใดนัก จู่ๆ ม้าของซูเยี่ยนหลิงก็เกิดอาการแปลกๆ ขึ้น

“หนิงหนิง ม้าของข้าเป็นอันใดไปก็ไม่รู้”

ลู่ฟางหนิงรู้อยู่แล้วว่าสมุนไพรในถุงหอมที่ซูเยี่ยนหลิงคล้องเอาไว้กำลังออกฤทธิ์ แต่กระนั้นนางก็ยังตีหน้าซื่อ ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าว่าม้าของเจ้าก็ไม่ได้เป็นอันใดนะ เจ้ากังวลไปเองหรือเปล่า”

“ข้าไม่ได้กังวล ข้ามั่นใจว่าม้าของข้ามันแปลกไปจริงๆ ข้าจะลงจากหลังม้า เจ้าช่วยข้าที” ซูเยี่ยนหลิงเริ่มใจคอไม่ดี แม้นางจะเคยร่ำเรียนการขี่ม้ามาบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับเชี่ยวชาญนัก หากว่าในตอนนี้ม้าของนางเกิดเป็นอันใดขึ้นมา นางก็ไม่รู้ว่าจะสามารถควบคุมมันได้อย่างไร

“ได้ ข้าจะช่วยให้เจ้าลงจากหลังม้าเอง”

ลู่ฟางหนิงกระโดดลงจากหลังม้าของตน ก่อนจะตรงไปยังม้าของซูเยี่ยนหลิงที่เริ่มมีอาการแปลกขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเมื่อมาถึงม้าของอีกฝ่าย แทนที่จะยื่นมือออกไปช่วย ลู่ฟางหนิงกลับตบหลังม้าจนม้าเกิดอาการตื่นกลัวแล้ววิ่งเตลิดเปิดเปิงเข้าไปในป่า

“ว๊าย! ช่วยข้าด้วย!”

ซูเยี่ยนหลิงหมอบตัวลงเกาะคอม้าไว้ในขณะที่ม้าของนางห้อตะบึงเข้าไปในป่า นางกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจจนทำให้โจวหยางเทียนที่เพิ่งติดตามมาได้ยินอย่างชัดเจน

ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก เพราะคิดว่าแผนการของตนสำเร็จแล้ว เขารีบควบอาชาเข้าป่าตามไปทันที เมื่อควบอาชาเข้าไปใกล้ เขาก็เห็นว่าสตรีนางนั้นสวมใส่ชุดคลุมที่ดูคุ้นตา ในใจคิดว่าอย่างไรนางต้องเป็นลู่ฟางหนิงแน่ๆ มุมปากที่ยกยิ้มอยู่แล้วยิ่งหยักโค้งมากขึ้นกว่าเดิมด้วยความพึงพอใจ

“ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย!”

ในขณะที่ร่างของสตรีบนหลังม้ากำลังจะร่วงหล่นลงมา โจวหยางเทียนก็ควบอาชาไปประกบแล้วรีบช้อนร่างของนางเข้ามาไว้ภายในอ้อมแขนของตนทันที

“เป็นอันใดมากหรือไม่ คุณหนูลู่…” ยังไม่ทันจะได้เอ่ยจบประโยคดี โจวหยางเทียนก็ต้องเบิกตาค้าง เมื่อพบว่าสตรีนางนั้นหาใช่ลู่ฟางหนิง แต่กลับกลายเป็นซูเยี่ยนหลิง สตรีที่เขาใช้เป็นสะพานเพื่อเข้าหาลู่ฟางหนิงแทน

เหตุใดถึงเป็นนางไปได้…

ยามนี้ในใจของโจวหยางเทียนทั้งสับสนทั้งโมโหที่แผนการของตนไม่สำเร็จ ทว่าซูเยี่ยนหลิงที่เพิ่งหายจากอาการตกใจและได้ลืมตาขึ้นมาเห็นว่าเป็นโจวหยางเทียนที่เข้ามาช่วยนางเอาไว้จากอันตราย นางก็ยิ่งซาบซึ้งในน้ำใจของเขามากขึ้นกว่าเดิม

“ท่านอ๋อง…”

เสียงเรียกของสตรีในอ้อมแขนทำให้โจวหยางเทียนต้องรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าของตนให้กลับมาอ่อนโยนดังเดิม แม้แผนการในครั้งนี้ของเขาจะไม่สำเร็จ แต่เขาจะให้ใครกระชากหน้ากากที่เขาเพียรสร้างเอาไว้มาหลายปีไม่ได้เด็ดขาด

“คุณหนูซู ท่านเป็นอันใดมากหรือไม่?” แม้คำกล่าวนี้โจวหยางเทียนจะเตรียมมาไว้สำหรับลู่ฟางหนิง แต่ในเมื่อสตรีที่อยู่ภายในอ้อมแขนของเขายามนี้คือซูเยี่ยนหลิง เขาจำต้องเอาคำนี้ออกมาใช้กับนางด้วยความไม่เต็มใจ

ซูเยี่ยนหลิงได้ยินคำถามนั้นก็แย้มรอยยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้า “หม่อมฉันไม่เป็นอันใดมากเพคะ เพียงแค่ตกใจเล็กน้อยเท่านั้น ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงเป็นห่วง”

โจวหยางเทียนประคองร่างของนางให้ยืนขึ้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลู่ฟางหนิงควบอาชามาถึงพอดี นางกระโดดลงจากหลังม้าแล้วทำทีเข้าไปดูอาการของซูเยี่ยนหลิงด้วยความห่วงใย

“เยี่ยนหลิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“ข้าไม่เป็นอันใดมาก โชคดีที่ท่านอ๋องมาช่วยไว้ได้ทัน”

คำกล่าวนี้แม้จะเป็นความจริง แต่ในใจลึกๆ ของซูเยี่ยนหลิงอยากจะโอ้อวดมากกว่าว่าบุรุษที่ช่วยนางเอาไว้คือรุ่ยอ๋อง ลู่ฟางหนิงก้มหน้าขอบคุณรุ่ยอ๋องที่ช่วยสหายของตนเอาไว้ หากแต่ภายใต้ดวงหน้างดงามนั้นกลับปรากฏรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา

แผนการสับเปลี่ยนโชคชะตาของนางในครั้งนี้สำเร็จแล้ว

โพสต์ข้อความ