ตอนที่ 13 ปิ่นหยกแทนใจ

หลังกลับมาจากเดินตลาดในวันนั้น เฉินลี่เซียนก็รู้สึกว่าระหว่างนางและสามีหาได้เย็นชาถึงปานนั้นแล้ว นางมักจะรอเขากลับมาจวนหลังตรวจตราร้านค้า ออกไปต้อนรับเขาด้วยขนมบ้าง ด้วยผ้าเย็นบ้าง บางครั้งก็ถึงขั้นทำกำยานผ่อนคลายไปให้เขาด้วย

เฉินลี่เซียนยังจำได้ดีว่าวันนั้นนางยิ้มกว้างเสียจนปวดกราม ในมือถือตะกร้าใส่ถ้วยน้ำแกงไว้ “ท่านพี่ ข้าเอาน้ำแกงมาให้ท่านเจ้าค่ะ อากาศเริ่มเย็นแล้ว ท่านกลับไปที่เรือนดีหรือไม่เจ้าคะ”

“ข้ายังทำงานไม่เสร็จ อากาศเย็นแล้ว เจ้ารีบกลับไปห่มผ้าเถิด”

หลังจากนั้นนางก็ยังไม่ยอมแพ้ นำผ้าปักของตนเองไปให้เขาด้วยท่าทางขวยเขิน “ท่านพี่ ข้าเห็นว่าเข็มขัดของท่านเริ่มจะเก่าแล้วจึงทำเข็มขัดผ้ามาให้ใหม่เจ้าค่ะ ข้าปักดอกเหมยลงไปด้วยหวังว่าท่านเห็นแล้วจะนึกถึงข้ามากขึ้นอีกสักหน่อย หวังว่าท่านจะไม่รังเกียจที่ฝีเข็มย่ำแย่จนเกินไปนัก”

หยางคุนหลงเหลือบสายตามอง เขาเก็บมันกลับไป “เรื่องปักผ้าพวกนี้ก็ให้สาวใช้ทำเถิด นั่งหลังขดหลังแข็งปักเข็มจะไม่ดีต่อสายตาเจ้า”

เฉินลี่เซียนยิ่งไม่ยอมแพ้เข้าไปใหญ่ นางถึงขั้นแอบรื้อฟื้นฝีมือดีดฉินของคุณหนูเฉินผู้นี้อยู่นานสองนาน คืนหนึ่งได้โอกาสจึงตั้งใจบรรเลงให้เขาฟัง มิคาดสามีจะพูดว่า

“เรื่องดีดพิณพวกนี้อย่างไรก็ให้คนอื่นทำเถิด เจ้าเป็นฮูหยินของจวน นอนสบายไปวัน ๆ ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากตำหนิ”

เขาไม่ชอบน้ำแกง ไม่อยากเห็นผ้าปักก็แล้วแต่เขา แต่ถึงอย่างนั้นแม้แต่พิณเขาก็ยังไม่ชอบอีกหรือ หยางคุนหลงผู้นี้จะเอาใจยากเกินไปแล้วหรือไม่!

เฉินลี่เซียนนั่งหงุดหงิดอยู่ในเรือน แม้แต่ตอนที่หลันหลันวิ่งเข้ามาบอกกล่าวว่าหยางคุนหลงกลับมาแล้วนางก็ยังไม่ขยับ เพียงทำสีหน้าปั้นปึ่งคราหนึ่ง แค่นเสียงว่า

“ฮึ ข้าเทียวเอาของไปให้เขามากมายเพียงนี้ ลงแรงไปตั้งเท่าไหร่เขายังไม่เห็นจะหยิบจับอันใดให้ข้าบ้างเลย เช่นนั้นก็นั่งอยู่คนเดียวไปเถอะ!”

ครั้นหยางคุนหลงได้ยินถ้อยคำของนางผ่านปากบ่าวชาย นอกจากจะไม่โกรธแล้วเขายังรู้สึกเอ็นดูนางเสียอีก หยางคุนหลงเดินออกจากห้องตำราในเรือนส่วนหน้า ตรงกลับไปยังเรือนฝั่งตะวันตกของตนเอง ในมือถือกล่องไม้จันทร์ไว้ ไม่ให้ใครแตะต้องแม้แต่ปลายเล็บ มีเพียงตนที่ถือเท่านั้นถึงจะวางใจ

เฉินลี่เซียนเห็นเขาเดินเข้ามาก็อิดออดอยู่ครู่หนึ่งก่อนลุกขึ้นยอบกาย “คารวะท่านพี่เจ้าค่ะ ทำงานเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”

“ก็ดี” หยางคุนหลงถือโอกาสนั่งฝั่งตรงข้ามนางเสียเลย

“ขนมวันนี้ของข้าเล่า”

เฉินลี่เซียนอยากจะกรีดร้องนัก นางเอาไปให้เขาก็ทำท่าไม่ใส่ใจ มาวันนี้นางไม่อยากจะใส่ใจเขาบ้างเหตุใดถึงต้องมาทวงของจากนางกัน

“ข้าเหนื่อยเกินไปหน่อยจึงไม่ได้เตรียมไว้ หวังว่าท่านพี่จะไม่ถือสา”

หยางคุนหลงพยักหน้า “อืม ย่อมไม่ถือสา” เขาวางกล่องไม้จันทร์ลงตรงหน้า “หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสาสิ่งนี้เช่นกัน”

หยางคุนหลงจดจารสีหน้าของนางตั้งแต่แปลกใจไปถึงขั้นตกใจสลักลึกลงในกระดูกวาดเขียนไว้ในจิตวิญญาณ ดวงตาเขาเป็นประกายนุ่มลึก สะท้อนภาพคนงามชัดเจนราวกับว่าในใต้หล้านี้มีเพียงนางที่เขาสามารถมองเห็นได้เพียงผู้เดียว เฉินลี่เซียนเพราะมัวแต่สนใจสิ่งของตรงหน้าจึงไม่ทันเห็นแววตาล้ำลึกเช่นนั้น นางเปิดกล่องไม้จันทร์ออกอย่างอดทนไม่ไหว ครั้นเห็นของในกล่องก็พลันนิ่งอึ้งไป

“ท่านพี่ นี่มัน-”

หยางคุนหลงหยิบมันขึ้นถือไว้ เดินอ้อมไปด้านหลัง ค่อย ๆ ปักปิ่นหยกเนื้อเย็นลงไปในกลุ่มผมยาวสลวย เขาใจกล้าถึงขั้นแอบสูดกลิ่นหอมประจำกายนางเสียด้วยซ้ำ

“ตอนเจ้าปักปิ่นข้าไม่ได้ส่งของมาร่วมงาน ตอนนี้มีโอกาสจึงอยากชดเชยให้เจ้า”

หยางคุนหลงมิอาจรั้งอยู่นานได้ เขายังมีเรื่องต้องหารือกับบิดา หลังจากปักปิ่นล้ำค่าลงบนมวยผมงามของภรรยาทั้งยังแอบจดจำกลิ่นหอมของนางไว้ในใจหยางคุนหลงก็ค่อยเดินออกจากเรือนด้วยความยากลำบาก ใจหนึ่งก็อยากจะทิ้งงานไว้เบื้องหลัง กลับไปหยอกล้อนางต่อให้ชุ่มชื่นจิตใจ อีกทางหนึ่งก็รู้สึกว่าจัดการงานให้แล้วเสร็จจึงจะเป็นเรื่องดี เช่นนี้จึงจะได้มีเวลานั่งมองใบหน้างามล้ำนั่นมากขึ้นอีกสักหน่อย

อาจจะเพราะทางเลือกทั้งสองทางต่างเย้ายวนใจมากเกินไป ทำอย่างไรก็มิอาจตัดสินใจได้เด็ดขาด จวบจนเท้าทั้งสองข้างพามาถึงหน้าประตูห้องหนังสือบิดา หยางคุนหลงถึงได้ตัดใจ ก้าวเท้าเข้าไปด้านในโดยไม่ได้หันหลังวิ่งกลับเรือนตะวันตกไปเสียก่อน

อีกฟากหนึ่ง ภายในห้องอุ่นด้านใน เฉินลี่เซียนยังคงมองเงาสะท้อนผ่านคันฉ่องบานใหญ่

สตรีนางนั้นใบหน้างามแฉล้ม ดวงหน้าเรียวรีเล็กปานฝ่ามือ ดวงตาหงส์เชิดขึ้นอย่างพอเหมาะพอเจาะ มิได้สูงไปจนดูเย้ายวนมากเกินควร มิได้คล้อยต่ำเสียจนมองดูแล้วมิจำเริญตา จมูกนางโค้งมนรับกันดีกับเรียวคิ้วเข้มประหนึ่งยอดฝีมือบรรจงวาด ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดอ้าเผยอเล็กน้อย ดูแล้วเป็นโฉมงามผู้หนึ่ง แม้ไม่ถึงขั้นล่มเมืองจมแคว้น แต่ก็มิอาจทำให้ผู้มองละสายตาได้โดยง่าย

บนมวยผมสูงมีปิ่นทองปักอยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อมีปิ่นเล่มนั้นจากสามีปักลงไปตรงกลาง ความงามของนางกลับถูกยกระดับกลายเป็นเหนือสามัญ เพียงกรีดตามองก็พาให้คนใจอ่อนระทวย อยากหยิบยกดวงใจให้นางเลือกดูใจจะขาด

เฉินลี่เซียนรู้ดีว่าร่างนี้งดงาม แต่ไม่เคยนึกว่าจะงดงามได้ถึงเพียงนี้ ฝ่ามือบอบบางยกขึ้นแตะลงบนปิ่นหยกเนื้อเย็นอย่างเผลอไผล นางหวนย้อนมองสีหน้าสามีในความทรงจำ ตอนนั้นเขาจะรู้สึกเช่นไรหนอ กล่าวคำหวานป้อยอ กล่าวชัดเจนว่าอยากชดเชยเรื่องในอดีต เช่นนั้นแล้วเขาคิดอย่างไรกับนางกันแน่ พอใจหรือไม่พอใจ อยากแตะต้องหรืออยากหมางเมิน

เฉินลี่เซียนถูกการกระทำของเขาปั่นหัวเสียจนสมองแทบไหม้ มาถึงตรงนี้ก็ไม่รู้แล้วว่าควรแสดงท่าทางอย่างไรกับสามีดี นางควรจะหน้าหนาให้ท่าเขาต่อ หรือจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวรอเขาเริ่มดีเล่า?

แพขนตาขยับไหว เปลือกตากระพริบติดกันสามสี่ครั้ง เงาสะท้อนถูกตัดครั้งแล้วครั้งเล่า ชั่วขณะที่สติหลุดลอยไปไกล เฉินลี่เซียนก็ยื่นมือคว้าจับมันไว้ ดึงกลับมาหาตัวได้อีกครั้งหนึ่ง นางแบะปาก ทำท่าเหมือนไม่สนใจปิ่นหยกนักหนา แต่มือที่ยังดึงออกกลับประคองด้วยความทะนุถนอมยิ่ง ด้วยกลัวว่าหากลงแรงมากเกินไป ของที่เปราะบางถึงเพียงนี้จะแหลกสลายเอา

ก่อนลุกยังมิวายพูดทิ้งท้ายว่า “เหอะ ของแค่นี้อย่าคิดว่าข้าจะใจอ่อนหลงลืมเรื่องราวที่ท่านจงใจหมางเมินข้า ฝันไปเสียเถอะ”

เมื่อหยางคุนหลงกลับมาถึงเรือนในยามดึกดื่นค่อนคืน ภรรยาที่เขาคิดว่าน่าจะหายจากอาการปั้นปึ่งและคงรอการกลับมาของเขาอย่างใจจดใจจ่อนั่นเข้านอนไปเสียแล้ว ทั้งยังมิได้จุดโคมรอเขากลับมาเสียด้วย ใบหน้าหล่อเหลาแข็งค้าง กระทั่งรอยยิ้มอ่อนจางมุมปากยังตกลง สีหน้า หยางคุนหลงก้ำกึ่งระหว่างคำว่าโง่งมและสับสนจนคิดสิ่งใดไม่ออก

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ