หยางคุนหลงเพิ่งกลับมาจากการตรวจร้านค้าในเมืองหลวง ร้านใหญ่ที่ให้กำไรมากของเขาเป็นร้านผ้าและหอสุรา แน่นอนว่าต้องเปิดลับ ๆ ภายใต้ชื่อคนอื่น ตอนที่ออกไปตรวจตราจึงต้องปลอมตัวเข้าไปและทำเสมือนว่าตนเองเป็นลูกค้าผู้หนึ่งหาใช่เจ้าของกิจการ
เขาวางเสื้อคลุมสีดำลงบนโต๊ะด้านข้างมือ ตอนที่หยิบสมุดบัญชีมาถือไว้ บ่าวชายที่เขาส่งไปสอดแนมภรรยาก็ค้อมหลังเข้ามา หยางคุนหลงหมดความสนใจกับของในมือทันที เขาโยนมันไปไว้อีกทาง ดวงตามีแววรอคอยราง ๆ
“ว่ามา”
ตลอดเดือนมานี้ไม่ว่าจะวิธีไหนที่บ่งบอกว่าอยากเข้าหออย่างอ้อม ๆ ภรรยาเขาล้วนทำมาหมดทั้งสิ้นแล้ว หยางคุนหลงทั้งขำทั้งฉุนอยากจะจับนางมาตีให้หายซนเสียบ้างแต่ก็ตัดใจทำไม่ลง เขารู้สึกคล้ายกับระยะห่างระหว่างทั้งสองค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ วันคืนที่ดีเช่นนี้เป็นสิ่งที่เขารอคอยมาตลอด แล้วจะตัดใจทำลายมันได้อย่างไรกัน
บ่าวชายโน้มตัวลงต่ำ เอ่ยเสียงเบา
“วันนี้ฮูหยินตื่นมาไม่เห็นท่านก็พูดบ่นกับหลันหลันสาวใช้ข้างกายนางไม่น้อยขอรับ หาว่าท่านเป็นพวกไม่เข้าใจสตรี ทั้งยังหาว่าท่านตาบอดมองไม่เห็นสิ่งที่นางอยากจะสื่อ ตอนกลางวันฮูหยินเอนหลังพักผ่อนไปได้ครู่หนึ่งก็รีบไปที่เรือนใหญ่ ข้าไม่ได้ยินว่าฮูหยินน้อยและฮูหยินใหญ่พูดคุยอันใดกันแต่หลังจากออกมานางเดินไปที่สวน เดินวนอยู่ครู่หนึ่งก็สั่งให้บ่าวไพร่เก็บดอกเหมยขอรับ”
หยางคุนหลงแปลกใจอยู่บ้างจริง ๆ ไม่ใช่ว่าตลอดมานางชอบดอกโบตั๋นหรอกหรือ
“ดอกเหมย?”
“ขอรับ ฮูหยินเก็บเสร็จก็รีบไปที่ห้องครัว ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่เกือบชั่วยามก็มีคนวิ่งไปแจ้งว่าท่านกลับมาจากด้านนอกแล้ว มาดว่าเป็นคนที่ฮูหยินสั่งไว้ให้ไปคอยเฝ้าหน้าประตูขอรับ ตอนนี้ฮูหยินกำลังไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ เสร็จแล้วจึงจะมาหาคุณชายขอรับ”
หยางคุนหลงจากความแปลกใจแปรเปลี่ยนเป็นความไม่ชอบใจขึ้นมาแล้ว หากนางลงครัวด้วยตนเองแล้วโดนมีดพวกนั้นบาดขึ้นมาจะทำอย่างไร พวกบ่าวคนครัวก็ไม่รู้จักห้ามนางเลยหรือ ล้วนแล้วแต่ใช้การไม่ได้จริง ๆ
“เดี๋ยวนางจะมาแล้ว เจ้าก็หลบออกไปอย่าให้นางเห็นเจ้าเป็นอันขาด จำเอาไว้ อย่าให้ใครจับได้ว่าเจ้าเป็นคนของข้า”
“ขอรับ คุณชาย”
บ่าวคนนั้นแท้จริงแล้วเป็นองครักษ์ที่เขาชุบเลี้ยงไว้ เป็นหนึ่งในมือดีของหยางคุนหลง แต่เพราะกลัวภรรยาจะมีอันตรายจึงส่งไปไว้ข้างกายนางเพื่อป้องกันเหตุต่าง ๆ ฉากหน้าเป็นบ่าวใช้แรงงานในเรือน ด้านหลังยังคอยระมัดระวังให้เฉินลี่เซียนอยู่ตลอด เช่นนี้หยางคุนหลงถึงจะวางใจ
บ่าวชายคนนั้นกลับไปได้ไม่เท่าไหร่หยางคุนหลงก็ได้ยินเสียงคนเดินมาแต่ไกล เขารีบคว้าเอาสมุดบัญชีที่โยนไปด้านข้างเมื่อครู่ขึ้นถือ ตอนที่เฉินลี่เซียนเดินเข้ามาก็เห็นสามีตนเองนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ตัวใหญ่ สีหน้าเคร่งเครียดเป็นที่สุด นางยกยิ้มกว้าง หันไปรับกล่องขนมที่หลันหลันยกมาถือไว้เอง ก้าวเท้าเข้าไปด้านในด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
เสียงกล่องไม้กระทบโต๊ะดังแผ่วเบา เฉินลี่เซียนปรับสีหน้าให้ดูอ่อนหวานอย่างถึงที่สุด นางหลุบสายตาลงต่ำทำท่าทางเอียงอาย
“ท่านพี่ ข้าเห็นท่านกลับมาเหนื่อย ๆ ก็กลัวว่าจะโหมงานหนักจนเป็นผลเสียกับร่างกาย วันนี้จึงตั้งใจทำขนมมาให้ท่านลองชิม ข้ายังอ่อนด้อยเรื่องพวกนี้อยู่มาก หวังว่าท่านจะไม่ถือสานะเจ้าคะ”
“อืม”
เพราะเฉินลี่เซียนต้องการแสดงท่าทางของภรรยาผู้อ่อนหวานว่าง่ายให้เขาดูจึงไม่ได้เงยหน้าขึ้นทำให้ไม่เห็นสายตาพราวระยับของสามีที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง หยางคุนหลงสะกดกลั้นเสียงหัวเราะลงท้อง เขาเอื้อมมือไปหยิบกล่องไม้จันทร์หอมมาเปิดออกกว้างอย่างทนไม่ไหว
ขนมลายดอกเหมยถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงาม แม้แต่กลิ่นหอมก็ยังฟุ้งกำจายลอยวนอยู่ปลายจมูกแผ่วเบาพาให้คนรู้สึกอยากลิ้มลองไม่น้อย หยางคุนหลงประหลาดใจจนถึงขั้นตกตะลึงไปแล้ว
มิพบหน้ากันไม่กี่ปี นางถึงขั้นมีฝีมือด้านครัวถึงเพียงนี้?
เขาหยิบขนมขึ้นมากัดคำหนึ่ง ความหอมหวานที่ตลบอบอวลไปทั่วทั้งโพรงปากทำให้เขาผ่อนคลายได้มากจริง ๆ อย่างที่นางว่า แม้ในใจจะชื่นชมมากสักเท่าไหร่แต่หยางคุนหลงก็ยังคงต้องเก็บอาการ เขาวางกล่องขนมกลับที่เดิม พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า
“ขนมดี เพียงแต่ข้าไม่ชอบของหวานสักเท่าไหร่ วันข้างหน้าก็ไม่ต้องลำบากเจ้าหรอก”
เฉินลี่เซียนที่ตอนแรกยังนึกว่าลูกไม้นี้ของตนเองจะต้องถูกใจเขาแน่นอน มิคาดคิดว่าคนชิมไปเพียงคำเดียวก็พูดอย่างไม่ไว้หน้ากันเช่นนั้น นางบีบฝ่ามือเข้าหากันแน่น ถลึงตาอย่างกรุ่นโกรธ
เจ้าคนน่าตายผู้นี้นี่!
เฉินลี่เซียนอยากจะกู่ร้องประกาศก้องถึงความไม่เป็นธรรมที่นางได้รับ นางก็แค่อยากจะเข้าห้องหอ อยากจะเอาใจสามีก็เท่านั้น แล้วดูเขาทำกับนาง! ฝ่ามือบอบบางบีบเข้าหากันแน่นทำได้เพียงอดกลั้นมันไว้ส่วนลึกของจิตใจ ริมฝีปากยังต้องแย้มยิ้มให้เขา
“ข้านึกอยู่แล้วว่ารสปากของท่านพี่จะต้องสูงส่งพอควร หากคราวนี้ไม่ถูกปาก เช่นนั้นข้าจะกลับไปปรับปรุงให้ดียิ่งกว่าเดิมนะเจ้าคะ”
หยางคุนหลงเหลือบสายตามองใบหน้างดงามเล็กน้อย เห็นมันทั้งแดงก่ำทั้งอดกลั้นก็นึกขันอยู่ในใจ นางคงอยากจะด่าว่าเขาเรื่องมากสิท่า แต่ที่บอกไปก็หวังให้นางล้มเลิกการเข้าครัว เรื่องอันตรายอย่างหยิบจับมีดพวกนั้นไม่ได้ต้องให้นางทำจะดีที่สุด แต่ดูแล้วนางคงไม่คิดจะล้มเลิกเป็นแน่ คงได้แต่ส่งคนไปเฝ้านางเพิ่มแล้ว
หยางคุนหลงในใจคิดไปเรื่อยเปื่อยทว่าปากยังเอ่ยตอบ
“แล้วแต่เจ้าเถอะ”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?