เฉินลี่เซียนไม่ได้เก็บกล่องขนมกลับไป นางจงใจวางมันไว้ต่อหน้าเขา ถึงจะไม่ชอบรสมืออย่างไรก็ให้ความตั้งใจซึมซับเข้าไปในใจเขาเป็นเรื่องดี นางยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ ว่า
“หากท่านพี่ไม่ชอบขนมดอกเหมยเช่นนั้นชอบอาหารคาวหรือไม่เจ้าคะ ข้าเคยเห็นคนเอาเหลียนฮวามาทำเป็นอาหาร ดูน่าทานไม่น้อย หากข้าหาสูตรนั่นได้แล้วจะต้องทำออกมาให้ท่านพี่ชิมแน่นอนเจ้าค่ะ ถึงตอนนั้นก็ขอท่านพี่อย่าได้รังเกียจว่าข้ารสมืออ่อนด้อย เพียงท่านชิมสักคำ ติชมสักหน่อย ข้าก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ”
หยางคุนหลงถูกคำพูดนางปั่นหัวจนมึนงงไปหมด เขาทำอะไรไม่ถูกได้แต่ตอบปากรับคำนางไปทั้งอย่างนั้น
“หากทำแล้วหักโหมร่างกายเกินไปก็ไม่ต้อง อย่างไรจวนเราก็มีแม่ครัวอยู่แล้ว เจ้าสั่งให้นางทำก็ได้ ไม่ต้องลำบากตนเองถึงเพียงนั้น”
“ปรนนิบัติท่านพี่ไหนเลยจะเป็นเรื่องลำบาก” เฉินลี่เซียนกล่าวยิ้ม ๆ ทำทีเหลือบมองของในมือเขา
“ท่านพี่กำลังจะตรวจบัญชีหรือเจ้าคะ เช่นนั้นให้ข้าฝนหมึกให้ท่านดีกว่า”
ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากห้าม หยางคุนหลงก็สัมผัสได้ถึงร่างนุ่มนิ่มที่ขยับกายเข้าใกล้จนท่อนแขนหอมกรุ่นของนางปัดผ่านชายเสื้อเขาไปอย่างหมิ่นเหม่ หยางคุนหลงรู้สึกใจสั่นอยู่บ้าง ตลอดมาถึงแม้จะนอนเตียงเดียวกันมาโดยตลอดแต่เขาและนางต่างคนต่างนอน ไม่เคยยุ่มย่ามกันและกัน เฉินลี่เซียนแม้จะมีท่าทีต้องการร่วมหอในยามกลางวันแต่ในยามกลางคืนนางกลับเขินอายยิ่ง นั่งใบหน้าแดงก่ำมองเขาได้ครู่หนึ่งก็พลิกกายหันหนีแล้ว
ถึงจะมีไออุ่นคลอเคลียระหว่างคืนแต่ก็ไม่เคยมากไปกว่านั้น กระทั่งฝ่ามือของนางหยางคุนหลงยังเคยจับแค่ไม่กี่ครั้ง จะเอาอันใดมาต้านทานความใกล้ชิดนี้ได้
ครั้นได้สติเขาก็นึกอยากปฏิเสธ แต่เฉินลี่เซียนก็ช่างดีนัก นางหยิบเอาแท่งหมึกและจานมาวางรออยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้ถึงขั้นเริ่มฝนหมึกได้บางส่วน หยางคุนหลงจะเอ่ยปากห้ามก็เอ่ยไม่ได้สะดวก สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
เขาหันกลับไปมองสมุดบัญชีของตนเอง มิวายเหลือบสายตามองนางอีกครั้งหนึ่ง “หากเหนื่อยก็ไปตามบ่าวด้านหน้ามาทำ มิต้องฝืนตนเอง”
เฉินลี่เซียนหัวเราะเล็กน้อย “เหตุใดท่านพี่ถึงชอบทำราวกับข้าเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ข้าหาได้เปราะบางถึงเพียงนั้น ยืนฝนหมึกให้ท่านชั่วยามเดียวไม่ถึงกับล้มป่วยหรอกเจ้าค่ะ”
ดวงตาหงส์หลุบลงมองฝ่ามือขาวผ่องของตนเอง อันที่จริงยามนางอยู่สกุลหลี่ย่อมเคยฝนหมึกมาไม่ต่ำกว่าร้อยกว่าพันครั้ง บ้างเป็นพี่หญิงใหญ่ บ้างเป็นพี่ชายใหญ่ บ้างเป็นท่านพ่อ บ้างเป็นท่านแม่ใหญ่ พวกเขาเหล่านั้นล้วนใช้งานนางประหนึ่งสาวใช้หาใช่คุณหนูของจวน นางถึงขั้นเคยยืนฝนหมึกเกือบหกชั่วยามมาแล้ว นับประสาอันใดกับการยืนฝนหมึกข้างสามี
หยางคุนหลงเปิดสมุดบัญชีออกกว้าง ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังนาง อย่างไรร้านค้าพวกนี้ก็เป็นรายได้หลักของจวน อีกไม่นานท่านพ่อก็จะเกษียณและออกไปใช้ชีวิตด้านนอกเมืองหลวงกับท่านแม่ จวนกั๋วกงแห่งนี้ยังต้องมีนางเป็นคนคอยดูแล ให้นางเห็นไว้ก่อนเป็นการเตรียมตัวจึงจะดีที่สุด
เฉินลี่เซียนไม่ได้สนใจตัวเลขในสมุดมากนักกระทั่งนางเห็นร้านค้าร้านหนึ่งบนหัวสมุด ถึงกับอุทานด้วยความตกใจว่า “ท่านพี่ ท่านเป็นเจ้าของร้านเยวี่ยหลานหรือเจ้าคะ?”
“อืม มีอันใดรึ”
เฉินลี่เซียนส่ายหน้า รู้สึกว่าท่าทางตนเองออกจะเกินไปหน่อยจึงรีบทำท่าทางสำรวมเหมือนดังตอนแรกทันที หยางคุนหลงมองด้วยสายตาเสียดายเล็กน้อย เขาย่อมจะชมชอบนางตอนที่ทำสีหน้าอื่น ๆ นอกเหนือจากการยิ้มอย่างมีมารยาทหรือการยิ้มอย่างเอาใจมากกว่า
“ท่านพี่ ท่านไม่รู้หรือว่าร้านเยวี่ยหลานเป็นร้านค้าอันดับหนึ่งที่เหล่าคุณหนูฮูหยินนึกอยากจะเข้าไปเยี่ยมชมสักครา แต่เพราะร้านเยวี่ยหลานคัดกรองลูกค้าอย่างหนัก บางคนรอคอยมาหลายสิบปีก็ยังไม่ได้เหยียบย่างเข้าไปก็ยังมี”
หยางคุนหลงได้ยินเช่นนี้ก็นึกแปลกใจอยู่บ้าง ร้านเยวี่ยหลานหาใช่ร้านที่ทำกำไรให้เขามากมายถึงปานนั้น เขามีร้านค้ามากมายในมือไหนเลยจะยังมีใจไปสนใจร้านเล็ก ๆ เช่นนั้นได้อีก หยางคุนหลงปล่อยให้หลงจู๊ดูแลร้านมานานหลายปีแล้ว เพียงแค่ส่งบัญชีให้เขาตรวจตราทุกเดือนก็เท่านั้น
เขาหันมองสีหน้าคล้ายผิดหวังของเฉินลี่เซียน ถามออกไปอย่างทนไม่ไหวว่า “เจ้าเองก็ไม่ได้เข้าร้านเยวี่ยหลานหรือ?”
เฉินลี่เซียนนึกย้อนดู ตอนนางอยู่สกุลหลี่ ถึงจะอยู่ห่างไกลจากเมืองถังก็ยังได้ยินชื่อเสียงร้านนี้ไม่น้อย ต่อมาเป็นคุณหนูสกุลเฉิน เปิดกล่องตรวจตราเครื่องประดับถึงได้นึกถึงคำเล่าลือในตอนนั้นว่าร้านเยวี่ยหลานมักจะมีรอยสลักรูปดอกหลีอยู่ด้วย เฉินลี่เซียนเป็นสตรี มีความชมชอบเรื่องพวกนี้ไม่น้อยจึงรื้อดูทั้งวัน สุดท้ายก็ไม่เห็นแม้แต่ต่างหูคู่เล็ก ๆ นางถึงได้รู้ว่าคุณหนูสกุลเฉินผู้นี้ก็ไม่ได้เหยียบย่างเข้าร้านเช่นกัน
เฉินลี่เซียนตอบด้วยความมั่นใจ “ข้าไม่เคยเข้าเจ้าค่ะ คิด ๆ ดูแล้วก็ให้นึกเสียดายนัก เครื่องประดับร้านเยวี่ยหลานฝีมือดีเป็นที่สุด ข้านึกอยากเห็นสักคราก็ยังไม่มีวาสนา ท่านพี่ จะไปไหนหรือเจ้าคะ”
เฉินลี่เซียนมองหยางคุนหลงลุกพรวดพราดด้วยสายตาตกใจ ตอนที่เขาเดินอ้อมด้านหลังนางไปหยิบเสื้อคลุมนางยังนึกว่าเขามีงานด่วนเสียอีก แต่เขากลับหันมาหานาง พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“เจ้าไปร้านเยวี่ยหลานกับข้า ตอนนี้เลย”
เฉินลี่เซียนงุนงงตามไม่ทัน “ท่านพี่? แต่ตอนนี้มันบ่ายคล้อยไปแล้ว ร้านเยวี่ยหลานอาจจะปิดไปแล้วก็เป็นได้”
“ข้าเป็นเจ้าของ จะให้ปิดย่ำรุ่งก็ยังได้” หยางคุนหลงก้าวเท้าอาด ๆ ไปยังหน้าเรือน ตะโกนเสียงดังลั่น “ไปเตรียมรถม้าให้ฮูหยิน!”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?