ตอนที่ 12 ข่าวลืออันใหม่

ท้ายที่สุดแล้วเฉินลี่เซียนก็ไม่แน่ใจว่าทำไมคำพูดเรื่อยเปื่อยของนางถึงทำให้เขาดูโกรธเสียปานนั้น หยางคุนหลงนั่งอยู่ในรถม้า เปลือกตาปิดลงแต่ไม่อาจปกปิดกลิ่นอายกดดันสายหนึ่งที่อาบย้อมไปทั่วร่างของเขาได้เลย เฉินลี่เซียนขยับตัวอยู่ในรถม้าอย่างอึดอัด นางไม่ชินกับหยางคุนหลงที่เป็นเช่นนี้จริง ๆ

เพราะเห็นเขาปิดตานางจึงไม่อยากเอ่ยปากรบกวน แต่เป็นหยางคุนหลงที่พูดขึ้นมาก่อนว่า “หลังจากข้าไป-”

เขาพูดมาถึงตรงนี้ก็หยุดชะงักไปอีกครั้ง ดวงตาคู่คมคล้ายมีประกายลุ่มลึกวาบผ่านแต่ก็เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น เฉินลี่เซียนยังคิดว่าตนเองตาฝาดเสียด้วยซ้ำ หยางคุนหลงปรับท่าทางให้ดูผ่อนคลายกว่าเดิมอีกสักหน่อย เขาเปิดปากอีกครั้งหนึ่ง

“เจ้าไม่เคยไปร้านเยวี่ยหลานจริง ๆ หรือ”

“เรื่องพวกนี้จะหลอกท่านพี่ไปทำไมเจ้าคะ อันที่จริงไปหรือไม่ไปก็ไม่มีอันใดต่าง ถึงไปแล้วอยากได้ข้าก็คงไม่ซื้ออยู่ดี”

“ทำไมเล่า”

เฉินลี่เซียนมองค้อนเขาเล็กน้อย นางค่อย ๆ เล่าออกมา “ท่านพี่ ท่านจากเมืองหลวงไปตั้งเจ็ดปี เรื่องราวมากมายก็เกิดขึ้นแล้ว บ้างก็ยังมีทางแก้บ้างก็ไร้หนทาง ตอนที่ท่านพ่อยังเป็นอาจารย์ใหญ่ในสำนักศึกษาหลวงก็มักจะเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ ไม่ว่าใครจะหาทางยัดเยียดหรือติดสินบนให้ท่านพ่อก็ยิ่งไม่ยอมรับ ถึงท่านแม่จะเป็นบุตรสาวของหนิงอ๋อง แต่เพราะต้องแต่งเข้ามาในเมืองหลวงจึงไม่อาจนำสินเจ้าสาวติดตัวมามากเกินไป หาไม่แล้วจะเป็นหนามตำสายตาของฮ่องเต้เอาได้”

“อีกอย่าง ท่านพี่เป็นกุนซือในกองทัพ แม้จะเรียกว่าเป็นกุนซือคนสำคัญแต่ตำแหน่งของเขายังอยู่ขั้นห้า แม้จะกล่าวว่าอนาคตไร้ขีดจำกัดแต่ก็ต้องระมัดระวังตัวยิ่ง เรื่องเงินจึงจำเป็นต้องจดให้มีที่มาที่ไปชัดเจน หาไม่แล้วก็ไม่รู้ว่าวันใดจะถูกคนตลบหลัง”

“ชีวิตข้าในจวนแม้ไม่ลำบากแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายถึงปานนั้น ต่อให้ข้าเหยียบประตูร้านเยวี่ยหลานได้ ก็คงไม่มีปัญญาซื้ออยู่ดีเจ้าค่ะ”

หยางคุนหลงมองสีหน้าสบายอกสบายใจยามเล่าเรื่องพวกนั้นของนางด้วยความเจ็บปวดใจ เขาจากไปนานเพียงนั้น เห็นนางไม่ส่งจดหมายเขาก็ไม่เคยส่งกลับมาถามไถ่ ไหนเลยจะรู้ว่านางมีชีวิตเป็นอยู่เช่นไร เขาเห็นนางมีเนื้อหนัง เสื้อผ้าอาภรณ์ดูมีราคามิน้อยก็ยังนึกว่าจวนสกุลเฉินมิได้ขัดสนอันใด หากนางไม่พูด เขาก็ไม่มีทางรู้

อาจจะเพราะรู้สึกผิดที่ทำให้นางต้องรื้อฟื้นความหลังและความรู้สึกอยากชดเชยในช่วงเวลาที่เขาหายไป เมื่อมาถึงร้านเยวี่ยหลานหยางคุนหลงจึงประคองนางลงจากรถม้าคันใหญ่ติดตราจวนหยางกั๋วกงไว้อย่างทะนุถนอม เขาตั้งใจให้ภาพเหล่านี้กระจายไปในหมู่คนปากมากเหล่านั้น ฮูหยินของข้า มีร้านไหนที่นางอยากเข้าแล้วเข้าไม่ได้บ้าง ฮูหยินจวนหยางกั๋วกง ต่อให้เป็นวังหลวง หากนางต้องการจะเข้า นางก็ย่อมต้องได้เข้า!

หลงจู๊ของร้านแท้จริงแล้วเป็นสตรีนางหนึ่ง ใบหน้าแม้จะเรียกไม่ได้งดงามแต่ร่างกายของนางกลับเย้ายวนยิ่ง ครั้นได้ยินว่าคุณชายหยางพาฮูหยินมาที่ร้านก็รีบทิ้งลูกค้าในมือ เดินออกมาต้อนรับทันที แม่นางเหยาบิดริมฝีปากยกยิ้ม เอ่ยเสียงอ่อนหวาน

“ยินดีต้อนรับนายท่านและนายหญิงเจ้าค่ะ ข้ามิรู้มาก่อนว่าวันนี้นายท่านตั้งใจจะมาเยี่ยมชม หากเป็นเช่นนั้นข้าจะต้องให้เด็ก ๆ ปิดร้านรอการมาเยือนของทั้งสองอย่างแน่นอน”

ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ผู้ใดบ้างจะไม่รู้สึกลำพองใจ แต่หยางคุนหลงเพียงกวาดสายตาขึ้นลงครั้งหนึ่ง จากนั้นถามอย่างไม่ไว้หน้าว่า “เมื่อสี่ปีก่อนร้านเยวี่ยหลานเกิดปัญหาภายใน ข้าส่งหลงจู๊เจามาดูแล เหตุไฉนถึงเป็นเจ้า”

สตรีนางนั้นใบหน้าแข็งค้าง นางขยับปากทว่าไร้เสียงหลุดรอด หยางคุนหลงมองแค่นี้ก็รู้แล้วว่ามีคนตั้งใจปกปิดอย่างแน่นอน เพียงโบกมือครั้งหนึ่ง สตรีนางนั้นก็ถูกลากออกไป หยางคุนหลงหันไปทางเฉินลี่เซียนตบฝ่ามือนางเบา ๆ ค่อยเอ่ยปากปลอบโยน

“ต่อจากนี้เจ้าอยากมาร้านเยวี่ยหลานก็มาได้ทุกเมื่อ อยากได้สิ่งใดก็หยิบกลับไปได้เลยไม่ต้องรอดูสีหน้าผู้ใดทั้งนั้น เข้าใจหรือไม่”

เฉินลี่เซียนพยักหน้ารับด้วยความงุนงง “เข้าใจเจ้าค่ะ”

หยางคุนหลงยิ้มแย้มเป็นครั้งแรกในรอบเดือน เขาทอดเสียงอ่อน ประคองร่างบอบบางเข้าไปด้านในอย่างไม่อาจตัดใจปล่อยมือ

“ไปเถิด เลือกปิ่นที่เจ้าชอบสักสองสามอัน หากไม่พอจะหยิบไปสักสิบอันก็ยังได้”

ข่าวใหญ่ของวันนี้ย่อมต้องเป็นคุณชายจวนหยางกั๋วกงหรือหยางซื่อจื่อพาฮูหยินออกมาเลือกซื้อเครื่องประดับด้วยตนเอง เท่านั้นยังไม่พอ คนในตลาดยังเล่าลือต่อไปว่าเพราะแม่นางเหยาผู้ดูแลร้านเคยดูถูกฮูหยินไว้ในสมัยก่อน วันนี้ถึงได้โดนหยางซื่อจื่อคิดบัญชี ไล่นางออกทั้งยังจับส่งไปยังจวนว่าการด้วยตนเอง ข้อหายักยอกทรัพย์นายจ้าง

หลายคนถึงขั้นตะลึงพรึงเพริด คุณชายหยางผู้นั้นมิใช่คุณชายหน้าหยกไร้หัวใจหรอกหรือ เขาเดินทางยาวนานถึงเจ็ดปี ก่อร่างสร้างตัวจนกลายเป็นคุณชายผู้ร่ำรวยอันดับหนึ่งของเมืองหลวงไปแล้ว แม้จะมีคุณหนูมากมายยอมเสี่ยงออกไปพบเจอเขานอกเมืองหลวง ทั้งบังเอิญก็ดี สร้างสถานการณ์ก็ช่าง ยังไม่มีใครคว้าหัวใจเขามาได้สักคน

ไหนเลยจะคาดคิดว่าเพียงได้รับสมรสพระราชทาน หยางซื่อจื่อที่เคยเอ้อระเหยอยู่ด้านนอกถึงกับรีบกลับมายังเมืองหลวง เข้างานแต่งงานโดยไม่อิดออด ถึงจะพูดว่าเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ประทานให้ แต่ใครบ้างจะไม่รู้ว่าหยางกั๋วกงตั้งแต่เด็กก็เคยวิ่งเล่นหยอกล้อกับฮ่องเต้มาก่อน ใจกล้าถึงขั้นตอนนั้นใช้ให้ฮ่องเต้ที่ยังเป็นองค์ชายน้อยรับบทเป็นม้าส่วนตนเองเป็นผู้กล้าเสียด้วยซ้ำ หากหยางซื่อจื่อไม่พึงใจ แค่เขาส่ายหน้าฮ่องเต้ย่อมต้องยกเลิกงานแต่งนี้อย่างแน่นอน

กลุ่มคนที่ยืนรุมล้อมพลันรู้สึกว่าเรื่องนี้มีคำตอบที่ง่ายแสนง่าย ก็ฮูหยินสกุลเฉินผู้นั้นเป็นคนที่หยางซื่อจื่อชอบพอมาตั้งแต่เด็กอย่างไรเล่า!

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ