ตอนที่ 8 ท่านไม่รีบแต่ข้ารีบ

หยางคุนหลงเดินกลับเข้าเรือนหลังจากต้องพูดย้ำให้มารดาแน่ใจเป็นรอบที่สามว่าเขาไม่ได้เลี้ยงดูสตรีนางไหนอยู่นอกเรือน ทั้งระหว่างที่เดินทางทำการค้าก็มิได้ข้องแวะกับสตรีนางไหน ไม่เคยเลี้ยงนักแสดงละครและไม่มีทางมีลูกนอกสมรสเป็นอันขาด เขาถึงได้รับการปล่อยตัวดุจดังนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ แต่ถึงอย่างนั้นกว่าจะได้เหยียบย่างออกจากเรือนใหญ่ก็เป็นเวลาเย็นย่ำไปแล้ว

หยางคุนหลงหัวเราะเสียงเบา ภรรยาสาวผู้นั้นเขาประเมินต่ำไปเสียแล้ว มิถึงวันนางก็สามารถทำให้ท่านแม่ที่รักเอ็นดูเขามาตลอดหันไปรักใคร่นางแทนได้ ทั้งยังเรียกเขาที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจไปต่อว่าต่อขานเกือบชั่วยามอีกต่างหาก

เฉินลี่เซียน

สตรีนางนี้ดูเบาไม่ได้เลยจริง ๆ

หลันหลันวิ่งมารายงานตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณชายหยางก้าวเท้าผ่านประตูเรือน ครั้นเขาเดินมาถึงหน้าห้องโถงจึงเห็นเฉินลี่เซียนยืนยิ้มกว้างรออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้างดงามของนางมีความสุขใจฉายชัด ยิ่งทำให้รอยยิ้มและนัยน์ตาของนางงามล้ำยิ่งกว่าเก่า แม้แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมายังรู้สึกนุ่มละมุน

“ท่านพี่ กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”

หยางคุนหลงกระพริบตาปริบ รู้สึกว่าเสน่ห์ของสตรีหลังแต่งงานยิ่งเพิ่มพูนอย่างไม่รู้สาเหตุจริง ๆ “อืม”

“ท่านพี่ อย่าได้โกรธเคืองไปเลยนะเจ้าคะ ข้าเองก็ไม่คิดว่าท่านแม่จะถามถึงความสัมพันธ์ของเราตั้งแต่วันแรกเช่นนี้ อีกอย่าง ข้าเองก็โกหกไม่เก่งจึงบอกท่านแม่ไปตรง ๆ เช่นนั้น”

หยางคุนหลงเหลือบสายตามองใบหน้างดงามของภรรยาครั้งหนึ่ง เห็นนางยังยิ้มแย้มกล่าวเสียงหวานไม่รู้สึกผิดได้ก็นึกอยากเห็นเล่ห์กลครั้งต่อไปของนางจึงยิ่งจงใจทำเป็นไม่สนใจ เขาพยักหน้า เอ่ยปากเสียงเรียบว่า

“ไม่เป็นไร ข้าอธิบายให้ท่านแม่ฟังไปแล้วว่าช่วงนี้ไม่ใช่เวลาที่ดี รอเจ้าแต่งงานได้สักสองสามปีค่อยคิดเรื่องลูกใหม่ ถึงตอนนั้นค่อยเข้าหอก็ได้ ข้าไม่รีบร้อน”

แต่ข้ารีบร้อน!

เฉินลี่เซียนอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเขาจะตอบโต้นางได้เจ็บแสบถึงปานนี้ ดวงตาเฉี่ยวมองตามแผ่นหลังสามีหายไปหลังฉากกั้น ในใจเริ่มรู้สึกยอมไม่ได้ขึ้นมาบ้างแล้ว เฉินลี่เซียนกระทืบเท้าด้วยความขัดใจ นางตั้งเป้าไว้ในหัว ไม่เกินสามเดือน นางจะต้องจับสามีกินลงท้องให้ได้!

หยางคุนหลงนั่งอยู่ตรงชานเรือน รอบกายนอกจากโคมไฟดวงหนึ่งก็ไร้แสงสว่างอื่นอีก วันนี้เป็นคืนเดือนมืด กระทั่งแสงวิบวับที่เคยเห็นจนชินตาจากดวงดาราพวกนั้นยังไม่เห็นแม้แต่เศษเสี้ยว ข้างตัวเขามีไหสุราไหหนึ่ง เป็นสุราที่เขาแอบเก็บมาจากจวนสกุลเฉินในวันนั้น หยางคุนหลงตั้งแต่รู้ว่ามันเป็นสุราที่เฉินลี่เซียนลงมือหมักด้วยตนเองก็หวงแหนเป็นอย่างยิ่ง อยากจะดื่มลงท้องภายในคราวเดียวแต่ก็เสียดายเกินกว่าจะทำเช่นนั้น สุดท้ายจึงได้แต่คอยจิบทีละนิด หวังไม่ให้มันหมดลง

ดวงตาคู่คมทอประกายอ่อนโยน เขาไม่อยากนั่งอยู่ในห้องนอนใหญ่ด้วยกลัวว่าถ้าหากนางตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วเห็นสายตาของตนจะนึกหวาดกลัว ใครบ้างไม่นึกตกใจหากตื่นขึ้นมาแล้วเห็นบุรุษที่ร่างใหญ่โตกว่าตนเองนั่งมองอยู่

ชั่วขณะนั้นคุณชายหยางที่คนภายนอกร่ำลือว่าเป็นคุณชายหน้าหยกผู้ไร้ความรู้สึกคล้ายมีความอ่อนหวานสายหนึ่งอาบย้อมไปทั่วทั้งร่าง เขาปิดเปลือกตาลง พลันได้ยินเสียงร้องเรียกว่า ‘พี่รองหลง’ ดังอยู่ใกล้ ๆ มันเป็นเสียงของเด็กหญิงผู้หนึ่ง อายุนางห่างจากเขาไม่มาก เพียงสามปีก็เท่านั้น ยามที่นางเงยหน้ากลมคล้ายซาลาเปามองเขาด้วยสายตาที่ราวกับว่าเขาเป็นผืนฟ้ามหาสมุทรของนาง หยางคุนหลงก็พลันนึกอยากอุ้มเด็กน้อยกลับจวนไปเสียเดี๋ยวนั้น

‘ข้าไม่อยากกลับจวน! ข้าจะไปกับพี่รองหลง พี่ใหญ่ท่านปล่อยข้า!’

เมื่อเห็นว่าไม่มีทางได้ดังใจแน่นอนแล้ว เฉินลี่เซียนก็ทรุดกายนั่งลงกับพื้น ร้องไห้เสียงดังก้อง นางใช้ดวงตาฉ่ำน้ำหันมาทางหยางคุนหลง เอ่ยเสียงสั่นเครือ

‘พี่รองหลง ท่านพาข้ากลับจวนไปด้วยไม่ได้หรือ ข้าไม่อยากกลับจวนจริง ๆ นะ’

ตอนนั้นเขาเพิ่งอายุสิบสอง ส่วนนางอายุเก้าขวบ อยู่ในวัยที่เริ่มรู้เรื่องแล้วแต่เฉินลี่เซียนเป็นตายก็ไม่ยอมกลับไปกับเฉินเจิ้ง สุดท้ายเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร รีบกลับมายังจวนสกุลหยาง ขอร้องท่านแม่อย่างที่นางบอกจริง ๆ

มู่ซื่อหัวเราะเสียงเบา สายตามองบุตรชายด้วยความเอื้อเอ็นดู นางกล่าวว่า

‘ต้าหลาง ชายหญิงหากไม่ใช่พี่น้องจะนอนอยู่ด้วยกันได้อย่างไร อีกอย่าง ลี่เซียนก็ไม่เด็กแล้ว นางอายุเก้าขวบอีกหน่อยก็ต้องเริ่มเรียนการดูแลจวน ถึงตอนนั้นเจ้ากับนางก็จะเป็นคนแปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง มิอาจพบหน้าได้โดยง่าย หากยังเป็นเด็ก ๆ ก็แล้วไปเถิด แต่เจ้าเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ความ เหตุใดถึงได้ตกปากรับคำนางเช่นนั้น’

หยางคุนหลงหาคำมาตอบท่านแม่ไม่ได้ว่าทำไมถึงได้รับปากนาง เขากลับไปยังสถานที่นัดพบ เอ่ยบอกกับเฉินลี่เซียนด้วยคำพูดที่จำมาจากท่านแม่ เขายังคิดอยู่ว่าหากพูดออกไปเช่นนี้ นางจะยอมเชื่อฟังและกลับบ้าน แต่นอกจากนางจะไม่เชื่อฟังแล้ว นางยังร้องไห้หนักกว่าเดิม ตะโกนใส่หน้าเขาด้วยสายตาเจ็บช้ำน้ำใจ

‘พี่รองหลงใจร้าย! ข้าจะไม่เล่นกับท่านอีกแล้ว!’

แล้วนางก็ไม่เคยมาหาเขาอีกเลย จวบจนหยางคุนหลงออกเดินทางทำการค้า วันที่เขาไปจากเมืองหลวงก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเฉินลี่เซียน เขาจากไปนานถึงเจ็ดปีเต็ม แม้จะมีจดหมายจากท่านแม่คอยเรียกกลับเมืองหลวงอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยได้กลับไปสักครั้ง หยางคุนหลงรู้ดี คนที่เขารอให้ส่งจดหมายมาตลอดกลับไม่เคยส่งมา

กระทั่งเขาได้ยินข่าวอีกครั้งหนึ่งในตอนที่ทำการค้าอยู่เมืองถังว่าฮ่องเต้ได้พระราชทานสมรสระหว่างเขากับคุณหนูจวนสกุลเฉิน เฉินลั่วแต่ไหนแต่ไรมามีภรรยาเพียงผู้เดียว เขากับอันซื่อมีบุตรสาวเพียงหนึ่ง อย่างไรก็ต้องเป็นนางอย่างแน่นอน หยางคุนหลงดีใจจนรู้สึกคล้ายร่างกายล่องลอยแต่ชั่วขณะที่เขาได้รับรายงานว่าเฉินลี่เซียนกระโดดลงบ่อหลังมีราชโองการสมรสพระราชทาน เขาก็คล้ายกับถูกคนผลักตกลงไปในหุบเหวลึก ไร้หนทางออกทั้งยังทรมานทั่วทั้งสรรพางค์กาย

เขายืนอยู่หน้าจวนสกุลเฉินอยู่เป็นนาน หูได้ยินเสียงร่ำไห้ของฮูหยินอันดังลอดออกมาข้างนอกก็ยิ่งรู้สึกร่างกายเย็นเยียบ หรือนางจะไม่อยากแต่งงานกับเขาถึงเพียงนั้น? เพราะมีความคิดนี้ติดวนอยู่ในหัว ตอนที่เขาถูกจัดฉากให้เจอหน้านางถึงไม่มีสีหน้าดี ๆ ให้พบเห็น กระทั่งคืนวันแต่งงานก็ไม่ได้แตะต้องนางสักนิดเดียว

แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เฉินลี่เซียนถึงได้เก็บเอาเรื่องนี้ไปคิดเล็กคิดน้อยถึงขั้นวางแผนให้ท่านแม่ออกหน้าเสียได้ หยางคุนหลงยกยิ้มบาง เรื่องที่ว่าสามปีอะไรนั่นก็หาใช่เรื่องจริง เขาแค่พูดออกไปส่ง ๆ ก็เท่านั้น อยากรู้เช่นกันว่านางจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ