ตอนที่ 1 สังหารผู้คนเพื่อชายคนรัก

ชีวิตนี้ของ ‘ลู่ฟางหนิง’ ล้วนอุทิศให้บุรุษเพียงผู้เดียวนั่นคือรุ่ยอ๋องหรือ ‘โจวหยางเทียน’ องค์ชายใหญ่แห่งแคว้นโจว พวกเขาทั้งสองพบกันครั้งแรกตอนที่ลู่ฟางหนิงอายุสิบห้า

ในเทศกาลล่าสัตว์ปีนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังเข้าป่าล่าสัตว์ จู่ๆ ม้าของลู่ฟางหนิงก็เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา จนทำให้นางพลัดตกจากหลังม้า เมื่อลืมตาตื่นอีกครั้งจึงพบว่าเป็นรุ่ยอ๋องที่เข้ามาช่วยนางเอาไว้ นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสองได้รู้จักกัน

ต่อมาขณะที่ลู่ฟางหนิงกำลังนั่งรถม้าออกจากจวนเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงในพระราชวังกลับมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อรถม้าของนางถูกโจรดักซุ่มทำร้าย ในขณะที่คิดว่าตนเองจะต้องตายภายใต้น้ำมือของโจรชั่ว ชายหนุ่มผู้นั้นก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือนางให้รอดพ้นจากอันตราย

ลู่ฟางหนิงไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ความซาบซึ้งใจของนางที่มีต่อรุ่ยอ๋องแปรเปลี่ยนเป็นความรัก กว่าจะรู้ตัวอีกที มือทั้งสองข้างของนางก็แปดเปื้อนไปด้วยเลือดเนื้อของผู้คนมากมายตามความต้องการของเขาแล้ว

แม้นางจะเป็นเพียงสตรี ทว่ากลับมีฝีมือที่เก่งกาจไม่เป็นสองรองใคร ตอนนางอายุครบยี่สิบสอง นางถูกแต่งตั้งเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกของแคว้นโจว และยังได้รับสมญานามว่า ‘ไร้เงา’ อีกทั้งสกุลลู่ของนางยังกุมอำนาจทางการทหารทั้งหมดเอาไว้ในมือ

หลายปีมานี้ลู่ฟางหนิงเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ล้มตายไปมากมาย เพียงเพราะคนเหล่านั้นมีความเห็นต่างจากโจวหยางเทียน แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองจะมิได้เปิดเผยให้ผู้ใดรู้ แต่ลู่ฟางหนิงก็หาได้สนใจนัก นางยินดีเป็นเงาที่อยู่เบื้องหลังคอยกำจัดผู้คนตามคำสั่งของโจวหยางเทียน อีกทั้งยังหลงมัวเมากับคำว่ารักที่เขาพร่ำบอกนางอยู่ทุกวัน

“ฟางหนิง เจ้าทำเพื่อข้าเป็นครั้งสุดท้ายได้หรือไม่ หากทุกอย่างสิ้นสุดลง ข้าสัญญาว่าจะแต่งงานกับเจ้า พวกเราจะครองรักกันอย่างมีความสุข”

น้ำเสียงอ่อนโยนที่โจวหยางเทียนเอื้อนเอ่ยออกมา ทำให้ลู่ฟางหนิงรู้สึกว่าร่างกายอันแข็งแกร่งของตนกำลังอ่อนระทวยลงเรื่อยๆ ภาพคืนวันอันหวานชื่นที่นางวาดฝันเอาไว้ ในที่สุดก็ใกล้จะเป็นจริงแล้ว ขอเพียงได้อยู่เคียงข้างเขา ต่อให้มือของนางต้องแปดเปื้อนเลือดมากสักเพียงใด นางก็ล้วนยินดีทำเพื่อเขา

“เพื่อท่านอ๋องแล้ว หม่อมฉันทำได้ทุกอย่างเพคะ”

“ฟางหนิง หากพวกเราทำสำเร็จ ตำแหน่งฮองเฮาข้าจะมอบให้เจ้าเพียงผู้เดียว”

“ท่านอ๋องวางใจเถิดเพคะ ภารกิจในครั้งนี้จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน บัลลังก์นี้จะเป็นของท่านในอีกไม่ช้า”

“ฟางหนิง ข้ารักเจ้ายิ่งนัก”

“หม่อมฉันก็รักท่านอ๋องเช่นกัน”

โจวหยางเทียนเข้าไปโอบกอดร่างของลู่ฟางหนิงเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม ปากก็เอ่ยคำหวานให้นางได้ยินไม่หยุดหย่อน การกระทำเช่นนี้ของเขา ทำให้นางยิ่งหลงรักเขามากจนยากจะถอนตัว

เพื่ออนาคตของโจวหยางเทียน ต่อให้นางต้องสังหารฮ่องเต้แล้วชิงบัลลังก์มา นางก็ล้วนยินดีทำเพื่อเขา ยามนี้ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ด้วยน้ำมือของนางไปแล้ว จึงเหลือเพียงบุรุษคนเดียวเท่านั้นที่นางจะต้องกำจัด นั่นคือ ‘โจวหยางอวี้’ องค์รัชทายาทแห่งแคว้นโจว ผู้เป็นน้องชายของโจวหยางเทียน

“นะ...นางมาแล้ว พวกเรารีบหนีเร็ว!”

เสียงกรีดร้องของเหล่าขันทีและนางกำนัลดังระงมไปทั่วทั้งวังหลวง ยามที่เห็นร่างของลู่ฟางหนิงในชุดเกราะสีดำทมิฬปรากฏตัวขึ้น

หญิงสาวในชุดเกราะสีดำทมิฬผู้นั้นลากกระบี่เปื้อนโลหิตไปตามทางเดินที่ปูด้วยหินอ่อนตรงไปยังตำหนักรัชทายาทอย่างใจเย็น ท่าทางของนางในยามนี้ราวกับพญามัจจุราชที่พร้อมจะพรากลมหายใจของผู้คนไปได้ทุกเมื่อ การปรากฏตัวของนางทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญผวาไม่น้อย ทุกเยื้องย่างที่นางก้าวไป ล้วนเต็มไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน

ยามนี้วังหลวงตกอยู่ในกำมือของนางแล้ว ขอเพียงนางสังหารองค์รัชทายาทได้ ชายคนรักของนางจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ทันที

“องค์รัชทายาท รีบเสด็จหนีเถิดพ่ะย่ะค่ะ นางกำลังตรงมาที่นี่แล้ว” องครักษ์ข้างกายของโจวหยางอวี้รีบเอ่ยบอกด้วยท่าทางร้อนรน เมื่อพบว่าลู่ฟางหนิงกับทหารของนางกำลังตรงมาที่นี่ เพื่อสังหารองค์รัชทายาท

แม้จะรู้ว่านางกำลังมาสังหารตน ทว่าโจวหยางอวี้กลับไม่คิดหลบหนี อีกทั้งยังรอเผชิญหน้ากับนาง โดยหาได้มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

“ฟางหนิง เจ้ามาที่นี่เพื่อสังหารข้าตามคำสั่งของเสด็จพี่ใช่หรือไม่” แม้สีหน้าของโจวหยางอวี้จะนิ่งเรียบยามที่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำเหล่านั้นออกมา หากแต่ลู่ฟางหนิงที่เพิ่งสังหารองครักษ์ข้างกายของเขาไปกลับเห็นว่าแววตาคู่นั้นวูบไหวไปมาด้วยความรู้สึกบางอย่าง

มิใช่แววตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกโกรธแค้นหรือความรู้สึกหวาดกลัว หากแต่เป็นแววตาเหมือนที่นางมองโจวหยางเทียนไม่มีผิดเพี้ยน

หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความฉงน เมื่อพบสีหน้าเช่นนั้นขององค์รัชทายาท ในมือของนางถือกระบี่ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโลหิต แน่นอนว่านางมาที่นี่เพื่อสังหารเขา

“องค์รัชทายาท แม้หม่อมฉันกับพระองค์มิเคยมีความแค้นต่อกัน แต่เพื่อท่านอ๋องแล้ว ต่อให้มือของหม่อมฉันต้องแปดเปื้อนเลือดสักกี่พันกี่หมื่นหยด หม่อมฉันก็ล้วนยินดีทำเพื่อเขา พระองค์เข้าใจหม่อมฉันใช่หรือไม่”

“ไม่เป็นไร ข้าล้วนเข้าใจเจตนาของเจ้าดี หลังจากที่ข้าตายไปแล้ว เจ้าจะยินดีใช่หรือไม่”

ลู่ฟางหนิงไม่เข้าใจคำพูดของโจวหยางอวี้เลยสักนิด ในเมื่อเขารู้อยู่แล้วว่านางมาที่นี่เพื่อสังหารเขา ทว่าเขากลับไม่คิดหาทางป้องกันหรือว่าหลบหนีไปจากที่นี่

เขายอมให้นางสังหารง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ...

“แน่นอนว่าหลังจากที่พระองค์ตายไปแล้ว หม่อมฉันย่อมรู้สึกยินดี เพราะบัลลังก์นี้จะตกเป็นของท่านอ๋อง บุรุษที่หม่อมฉันรักทันที”

“เจ้ารักเขามากขนาดนั้นเลยหรือ...”

“ในใจของหม่อมฉัน มีเพียงท่านอ๋องผู้เดียวเท่านั้น”

เมื่อได้ยินคำพูดอันหนักแน่นของสตรีตรงหน้า โจวหยางอวี้จึงเผยสีหน้าราวกับเจ็บปวดออกมาครู่หนึ่ง ทว่าไม่นานก็จางหายไป

ลู่ฟางหนิงแม้จะมีความสงสัยกับท่าทางและคำพูดขององค์รัชทายาทมากเพียงใด แต่เพื่อภารกิจสุดท้าย นางจำต้องถือกระบี่เข้าไปใกล้กับเขาเพื่อสังหารเขาตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมา

ทว่าก่อนที่นางจะทันได้ใช้ปลายแหลมคมของกระบี่เชือดเฉือนลงไปเพื่อตัดศีรษะของโจวหยางอวี้ เขากลับเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาเสียก่อน

“เจ้าไม่จำเป็นต้องให้มือของเจ้าแปดเปื้อนเลือดของข้าหรอก เพราะข้ายินดีจะมอบชีวิตนี้ให้กับเจ้า แต่ข้าขอร้องเจ้าเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น หลังจากที่ข้าตายไปแล้ว เจ้าอย่าได้สังหารผู้คนเพื่อพี่ชายของข้าอีกเลย เพราะข้าไม่อยากเห็นคนที่ข้ารักต้องกลายเป็นคนชั่วช้าในสายตาของคนอื่น”

คนที่เขารักอย่างนั้นหรือ?

ลู่ฟางหนิงได้ยินคำพูดนั้นก็รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ องค์รัชทายาทกำลังจะบอกอะไรกับนางกันแน่ ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยถามอันใดออกไป เขาก็เอ่ยขึ้นมาอีกประโยค

“ฟางหนิง...ข้ารักเจ้ายิ่งนัก แม้ชาตินี้จะไร้วาสนาได้ครองคู่ แต่ถ้าหากชาติหน้ามีจริง ข้าขอให้พวกเราเกิดมาคู่กันสักคราเถิด”

หลังสิ้นคำพูดนั้น โจวหยางอวี้จึงยกมีดสั้นขึ้นมาปลิดชีพตนเองทันที แม้ลำคอจะถูกเชือดเฉือนไปแล้ว ทว่าสายตาของเขากลับไม่เคยละไปจากดวงหน้าของนางแม้เพียงเสี้ยวลมหายใจ หากชาติหน้ามีจริง คนที่ลู่ฟางหนิงรัก ขอเป็นเขาได้หรือไม่...

“ทะ...ทำไม?”

ลู่ฟางหนิงได้แต่นิ่งอึ้งกับการกระทำขององค์รัชทายาท ในหัวของนางเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แม้นางจะทำภารกิจครั้งสุดท้ายสำเร็จ แต่เป็นเพราะเหตุใดในใจของนางถึงไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิด

โพสต์ข้อความ