ตอนที่ 15 คิมหันต์ผลิใบ

แต่ละครั้งที่ได้สัมผัสใบชา อ้ายหลิงรู้สึกราวกับได้สนทนากับเหล่าผู้ปลูกชาที่อุทิศชีวิตให้แก่พืชพรรณอันล้ำค่านี้ นางซึมซับเรื่องราวของแผ่นดินที่ให้กำเนิดชา เรื่องราวของสายลมและแสงแดดที่หล่อเลี้ยงต้นชาให้เติบโต เรื่องราวของมือที่บรรจงเก็บเกี่ยวใบชาทีละใบด้วยความรักและความเคารพ

ทุกใบชาที่นางคัดเลือก ล้วนผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน มิใช่เพียงแค่รสชาติหรือกลิ่นหอม หากแต่ยังรวมไปถึงเรื่องราวเบื้องหลัง ที่มาที่ไป และจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในแต่ละหยดน้ำชา อ้ายหลิงตั้งใจที่จะรวบรวมใบชาที่ดีที่สุด ประณีตที่สุด เพื่อนำมาปรุงแต่งเป็นเครื่องดื่มชั้นเลิศสำหรับแขกเหรื่อของร้าน หวังอ้ายหลิงตัดสินใจให้โรงน้ำชาของนางแบ่งออกเป็นสองชั้นที่โปร่งโล่ง มีแสงส่องถึงอย่างพอดี และด้วยเพราะตัวตึกที่ทอดยาวไปตามแนวแม่น้ำ นางจะให้ช่างฝีมือสร้างระเบียงด้านหลังที่สามารถมองเห็นความงดงามของสายน้ำอันเงียบสงบนี้

ตรงที่ชั้นล่างชั้นล่าง นางออกแบบให้เป็นพื้นที่หลักสำหรับลูกค้า มีโต๊ะและเก้าอี้ไม้เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ แต่ละมุมจัดแต่งให้ดูอบอุ่นให้ความรู้สึกหรูหราแต่ไม่ฉูดฉาด ผนังประดับด้วยภาพวาดพู่กันจีนที่สื่อถึงธรรมชาติ ภาพภูเขา แม่น้ำและดอกเหมยที่ผลิบานท่ามกลางหิมะขาว และมีฉากไม้ฉลุลวดลายกั้นเป็นสัดส่วน ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวแต่ไม่อึดอัด ส่วนบริเวณชั้นสองด้านบน จะเป็นพื้นที่พิเศษสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเงียบสงบ หรือกลุ่มนักปราชญ์และขุนนางที่ต้องการสนทนาเรื่องสำคัญ มีทั้งห้องเดี่ยวและมุมพักผ่อนที่สามารถชมแม่น้ำได้

ตรงมุมหนึ่งของโรงน้ำชาจะมีชั้นวางตำราสำหรับบัณฑิต ที่จะเต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับบทกวีปรัชญา และประวัติศาสตร์ เพื่อให้เหล่าผู้มาใช้บริการที่มาดื่มชาอาจหยิบอ่านเพื่อเพิ่มพูนปัญญา นอกจากนั้น หวังอ้ายหลิงยังให้ความสำคัญกับกลิ่นและเสียง โดยที่ภายในโรงน้ำชา มีกระถางกำยานที่จุดธูปหอมกลิ่นอ่อน ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย และพื้นที่ว่างด้านข้างของโรงน้ำชานั้น จะมีลานเล็ก ๆ ที่จัดเป็น สวนหย่อมและสะพานไม้เล็ก ๆ พาดผ่าน

จากนั้นไม่นานความต้องการก็ปรากฏขึ้นเป็นรูปร่าง หวังอ้ายหลิงยกมือขึ้นทาบอกอย่างชื่นหัวใจ เมื่อได้เห็นแสงตะวันรอนยามบ่ายสาดส่องผ่านบานหน้าต่างไม้ฉลุลาย เกิดเป็นเงาตกทอดบนพื้นกระดานขัดมัน สะท้อนให้เห็นละอองฝุ่นละเอียดที่ล่องลอยระยิบระยับในอากาศ ไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจงประดับตามผนัง เสาไม้เนื้อแข็งสีเข้มตั้งตระหง่านค้ำจุนหลังคาที่มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีชาด บ่งบอกถึงความมั่งคั่งและรสนิยมอันลึกซึ้ง นางพรายยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นความตั้งใจของตนถูกจัดสรรขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง ร้านน้ำชาอันเป็นที่รักของหวังอ้ายหลิงกำลังจะเปิดให้บริการในชื่อ “ชุ่ยอวี้เซวียน” ในไม่ช้านี้

โรงน้ำชาชุ่ยอวี้เซวียน ย่อมมิใช่เพียงร้านน้ำชาทั่วไปเพียงเท่านั้น แต่เป็นสถานที่ที่รวมเอาความงามของศิลปะและวัฒนธรรมของแคว้นหลงเข้าไว้ด้วยกัน และเป็นสถานที่ที่เหล่าบัณฑิต ขุนนางในราชสำนักหรือผู้คนทั่วไปให้ได้มาพบปะสนทนา และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ให้ความบันเทิงอย่างแท้จริง...

เรื่องราวของคุณหนูหวังอ้ายหลิง ไม่เคยหลุดจากสายตาของผู้คนในเมืองหลวงอย่างแท้จริง แม้ว่าครั้งหนึ่งชื่อเสียงของนางจะปรากฏในลักษณะที่ไม่น่าพึงพอใจนัก แต่อย่างไรก็ตาม ระยะหลังมานี้ ข่าวลือที่ว่าคุณหนูหวัง ผู้เคยเป็นสตรีที่หาความดีมิได้ ได้หันเหไปสู่ทางที่ดีขึ้นเสียแล้ว

ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของหวังอ้ายหลิงเป็นที่โจษจันไปทั่วหล้า มิใช่ด้วยเกียรติยศ หากแต่เป็นรอยมลทินที่นางฝากไว้แก่สกุลหวังอันสูงศักดิ์ ผู้คนต่างหัวร่อเยาะหยัน สาปส่งว่าเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงชั่วคราว ดุจดอกไม้ริมทางที่แย้มบานเพียงครู่ยามเพื่อดึงดูดสายตา แล้วก็ร่วงโรยไปตามแรงลม คำปรามาสนับร้อยพันหลั่งไหลประดุจสายน้ำเชี่ยว บ้างก็กล่าวว่านางกระทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจจากโลกภายนอก บ้างก็ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงผิวเผินเพื่อหลีกหนีจากสายตาที่จับจ้องและตัดสินนางมาเนิ่นนาน

แต่เมื่อกาลเวลาผันผ่านไป ดุจสายน้ำที่รินไหลไม่หยุดหย่อน ความสงสัยที่เคยเกาะกุมจิตใจผู้คนกลับเริ่มเลือนหายไปทีละน้อย ดุจหมอกควันที่ต้องแสงอรุณ ภาพลักษณ์ของนางที่เคยแปดเปื้อน กลับถูกล้างชำระด้วยการกระทำอันจริงแท้และมั่นคง ดุจเพชรที่ถูกเจียระไน เปล่งประกายความงดงามที่แท้จริงออกมาให้ประจักษ์แก่สายตาแต่ถึงกระนั้น แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในตัวคุณหนูหวังอ้ายหลิงผู้นี้ แต่ผู้คนในเมืองหลวงยังคงจับตามองการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหลังจากที่นางเริ่มปรากฏตัวบ่อยครั้งในบริเวณฝั่งทิศตะวันตกของตลาดเมืองหลวง

เมื่อข่าวลือเริ่มกลายเป็นความจริงที่ยากจะปฏิเสธ เมื่อการปรับปรุงเริ่มปรากฏชัดเจน ผู้คนในตลาดก็เริ่มจับตามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางข่าวลือที่แตกกระจายไปทั่ว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการจับตามองจากศัตรูที่เคยมีในอดีต อีกทั้งการตั้งโรงน้ำชาด้วยฝีมือของสตรีนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย การตัดสินใจของคุณหนูหวังอ้ายหลิง ย่อมหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ไม่อาจมองข้ามได้

ด้วยเหตุนี้ข่าวลือเกี่ยวกับโรงน้ำชาแห่งนี้ จึงยิ่งกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนในเมืองหลวงเกิดความตื่นตัวอย่างเงียบ ๆ พวกเขาต่างเริ่มตั้งข้อกังขามากมายขึ้นอีกครั้ง

แม้แต่รองแม่ทัพผู้เกรียงไกรหม่าจ้าวหยางเองก็เริ่มจับจ้องทุกย่างก้าวของหวังอ้ายหลิงอย่างลับ ๆ ราวกับเงาที่ติดตามจันทราในราตรีเพื่อคลี่คลายความแคลงใจของเขา ทุกฝีก้าวของนางล้วนอยู่ในสายตาอันคมกริบของเขา ไม่ว่านางจะเยื้องกรายไปยังตลาด หรือปรากฏกายในโรงน้ำชาอันคึกคัก เพียงชั่วอึดใจ สายลับผู้ภักดีของหม่าจ้าวหยางก็ส่งรายงานสถานการณ์มาถึงเขาอย่างไม่ขาดสาย รายละเอียดทุกประการ ตั้งแต่สีหน้า แววตา ไปจนถึงคำพูดที่นางเอื้อนเอ่ย ล้วนถูกบันทึกไว้อย่างถี่ถ้วน ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นจากความสอดส่องของเขาไปได้

เช่นเดียวกับองค์ชายสามเจิ้งหยงเฉียงที่ยังคงมีความเคลือบแคลงในการกระทำของหวังอ้ายหลิง พระองค์รู้สึกแปลกใจไม่น้อยในการเปลี่ยนแปลงตัวเองในลักษณะที่ไม่เคยมีใครคาดคิดของนางซึ่ง เป็นสิ่งที่พระองค์อยากใส่ใจมากเป็นพิเศษ จึงได้พินิจพิเคราะห์ทุกอย่างอย่างถี่ถ้วน ในการเปลี่ยนแปลงไปของหวังอ้ายหลิง ที่ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่เคลือบแฝงการกระทำเอาไว้

มิเพียงรองแม่ทัพม้าผู้เดียวที่เฝ้าจับจ้องความเคลื่อนไหวของหวังอ้ายหลิง องค์ชายสามเองก็ทรงติดตามพฤติกรรมของนางอย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน ทั้งสองต่างก็กังขาในเหตุผลเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงอันน่าพิศวงของนาง ไม่ว่าจะเป็นอุปนิสัยใจคอหรือความคิดอ่าน ล้วนผิดแผกไปจากเดิมราวกับมิใช่คนผู้นั้น องค์ชายสามจึงมีรับสั่งให้นักสะกดรอยฝีมือฉกาจติดตามนางไปทุกย่างก้าว ไม่ว่าจะนางจะไปที่ใด กระทำสิ่งใด ล้วนต้องมีรายงานถวายพระองค์อย่างละเอียดถี่ถ้วน ราวกับว่าหวังอ้ายหลิงคือนักโทษการเมืองคนสำคัญ หรืออาชญากรร้ายกาจที่ต้องจับตาดูทุกขณะจิต

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ