แต่หม่าจ้าวหยางกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาหรี่ตาจับสังเกตคล้ายกับกำลังประเมินสถานการณ์ในสนามรบอันซับซ้อน
“ข้าชักเป็นห่วงแล้วเสียแล้ว อาการของเจ้าไม่น่าจะเพียงแค่พักผ่อนน้อยเกินไป ข้าว่า...จำต้องให้หมอหลวงตรวจร่างกายของเจ้าดูสักหน่อย”
น้ำเสียงเข้มแข็งตรงไปตรงมาของคุณชายหม่านั้นดูเหมือนซุกซ่อนความสงสัยเอาไว้ การกระทำของเขาดูเหมือนอยากฉีกหน้าคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าเสียมากกว่าเป็นห่วง คงไม่มีใครอยากใส่ใจบุปผาร้ายกาจอย่างคุณหนูสกุลหวังนอกเสียจากบุพการีของนาง
“อ้ายหลิง!”
ช่อลดาหันตามเสียงของหญิงวัยกลางคนที่ดังปานจะขาดใจมาแต่ไกล นางน่าจะเป็นฮูหยินหวังผู้เป็นมารดาของหวังอ้ายหลิงเป็นแน่ จึงได้มีจริตห่วงใยอย่างไร้ประดิษฐ์
“ข้ารู้สึกเวียนศีรษะเหลือเกินเจ้าค่ะ...ท่านแม่” ช่อลดาทำเสียงอ่อน ก่อนจะแสร้งทำเป็นหมดสติไปตามแผน!
“ลูกแม่!”
“คุณหนู!!”
ผู้คนที่ส่งเสียงแตกตื่นดังไปทั่วบริเวณเหมือนกับผู้ชมในโรงละครโรงใหญ่ พวกเขาต่างก็รู้ถึงตื้นลึกหนาบางของตัวละครแต่ละตัว แต่พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่า จะได้รับชมอะไรเมื่อเข้ามาเกี่ยวพันในการโรงละครชีวิตบทนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับนักแสดงที่ต้องด้นสดอย่างช่อลดา ที่ตอนนี้ได้แต่เล่นบทหลับตา พยายามควบคุมลมหายใจให้สม่ำเสมอ โดยที่หลงลืมไปว่าแท้จริงแล้วหวังอ้ายหลิงไม่ใช่หญิงสาวไร้ศักดินา นางคือบุตรีเพียงหนึ่งเดียวของผู้ตรวจการหวังดังนั้นการหมดสติของนางจึงนำพาเรื่องที่ไม่คาดคิดมาสู่โดยไม่ได้ตั้งใจ
“นี่เจ้า...รีบมาพาลูกข้าออกไปสิ!!” ผู้เป็นแม่ออกปากสั่งสาวใช้
นางรับใช้กระวีกระวาดสาวเท้าว่องไวเข้ามาถึงตัวคุณหนูของตน ทันใดนั้นในเวลานั้นเองน้ำเสียงเย็นชาดังก็ขึ้น
“เดี๋ยวก่อน...” หวังอ้ายหลิงจึงปรือเปลือกตามองเจ้าของแววตานิ่งลึกที่ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้จนเงาของเขาทอดทับลงมาบนเปลือกตาของนาง
‘หม่าจ้าวหยาง’ ช่อลดาครุ่นคิด พลันก็แอบหงุดหงิดอยู่ในใจ
“ฮูหยินหวัง ข้าว่าส่งตัวคุณหนูหวังให้หมอหลวงตรวจดูเถิด” หม่าจ้าวหยางเอ่ยขึ้นด้วยสุ้มเสียงเคร่งขรึม
“ท่านรองแม่ทัพ หมายถึงหมอหลวงเช่นนั้นหรือเจ้าคะ?” ฮูหยินหวังแสดงสีหน้าลำบากใจ
ช่อลดาไม่คิดว่าหม่าฟู่เจี้ยงจะมีความคิดที่จะทำให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างหวังอ้ายหลิงได้อับอายถึงเพียงนี้ เพราะหากหมอหลวงมาตรวจและพบว่าไม่เป็นความจริง นางคงถูกประจานต่อหน้าทุกคนเป็นแน่!
“หากเป็นลมธรรมดา ข้าว่าไม่น่าจะต้องถึงหมอหลวงกระมังเจ้าคะ?” มู่อวี้จูออกความเห็น แววตาของนางช่างใสซื่อและเต็มไปด้วยความห่วงใย
“ท่านรองแม่ทัพหม่า ข้าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของตระกูลหวัง หากฮูหยินเห็นว่าไม่ร้ายแรง ก็ให้หมอประจำตระกูลดูแลอาการของแม่นางอ้ายหลิงเถิด” เจิ้งหยงเฉียงที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแสดงความคิดเห็น
ช่อลดาได้แต่รู้สึกขอบคุณในใจ ที่ช่วยให้เธอได้รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกา จนสาวใช้พยุงตัวนางออกมาจากงานเลี้ยงได้อย่างปลอดภัย
หวังอ้ายหลิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเมื่อมาถึงจวน แม้ว่าช่อลดาจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก ก็สัมผัสได้ถึงความสบายใจ จมูกของเธอสัมผัสกับกลิ่นไอดินอ่อน ๆ ของใบไม้ที่ร่วงหล่นลอยมาตามลม ชวนให้จิตใจสงบ บรรยากาศยามเช้าในฤดูใบไม้ร่วงต่างห้วงเวลาช่างงดงามราวภาพวาดพู่กันจีนโบราณ ที่สะท้อนถึงสัจธรรมแห่งชีวิตและความเปลี่ยนแปลงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
และนี่คือพื้นที่ปลอดภัยของหวังอ้ายหลิง ที่ที่จะไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายเธอได้เมื่อนางอยู่ที่นี่ ในทางกลับกันช่อลดาก็สามารถรั้งไม่ให้หวังอ้ายหลิงทำร้ายใครอื่นได้ เมื่ออยู่เงียบ ๆ สงบ ๆ ในจวนของตัวเอง กระนั้น...นี่แหละคือหนทางออกในการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข และรอดพ้นจากสายตาของเหล่าผู้คนจนกว่าเรื่องราววุ่นวายในนิยายจะจบลงด้วยดี
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?