“องค์ชายสามเจิ้งหยงเฉียงก็เสด็จมาเช่นกันเพคะ!”
หวังอ้ายหลิงกัดกรามแน่น แววตาส่อความกังวลเล็กน้อย ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเป็นสายยาว ขณะทอดสายตามองไปยังบุรุษทั้งสองที่กำลังเดินตรงมายังศาลารับรองแขกของจวนตระกูลหวังด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ในทุกก้าวที่รองแม่ทัพหม่ามุ่งตรงเข้ามาหัวใจในอกของหวังอ้ายหลิงก็สั่นสะท้านตามจังหวะก้าวเดิน แต่แปลกตรงที่สายตาของนางกลับเพ่งมองไปยังใบหน้าขององค์ชายสามราวกับต้องมนตร์สะกด
ช่อลดารื้อฟื้นความจำในนิยาย เพราะเธอแทบไม่รู้จักเจิ้งหยงเฉียงด้วยซ้ำ รู้แต่เพียงว่าเขาเป็นองค์ชายสาม ในนิยายที่เธอเคยอ่าน จำได้คลับคล้ายว่าชื่อของเขาถูกกล่าวถึงแค่ตรงกลางเรื่องแล้วก็หายไป ผิดกับหม่าจ้าวหยางที่สร้างเสน่ห์ให้กับเนื้อหาด้วยใบหน้าที่หล่อเหลา ความดุดันและแข็งแกร่ง พ่วงด้วยอาการคลั่งรักจนน่าหงุดหงิด
“ข้ามาถามไถ่อาการของคุณหนูหวัง” บุรุษสูงศักดิ์บอกกล่าวกับนางรับใช้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ก่อนที่จะเดินตรงเข้ามาหาหญิงสาวที่แสร้งยืนเหม่อชมบรรยากาศรายรอบกายอยู่
“คุณหนูหวัง”
“คารวะใต้เท้า” หญิงสูงศักดิ์ยกมือประสานกัน มือขวาอยู่ด้านบน โค้งตัวลงเล็กน้อยทำความเคารพศักดินาของชายหนุ่ม
“ได้ยินว่าเจ้าป่วยหนัก?”หม่าจ้าวหยางเปรยถามอย่างตรงไปตรงมาไร้พิธีรีตอง
คนถูกถามได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ เพราะไม่รู้อารมณ์ว่าเขาอยากได้คำตอบแบบใด แต่ถ้าหากไม่ตอบเขาก็คงเข้าใจไปเองว่าเธอกำลังเล่นละครอีกเป็นแน่
“ข้ามิได้ป่วยเจ้าค่ะ ข่าวลือนั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิดเพียงเท่านั้น”หม่าจ้าวหยางได้ฟังคำตอบพลางก็พยักหน้ารับอย่างช้า ๆ ราวกับรู้อยู่แล้วว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้จากนาง
“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเจ้าก็ดูปกติ ไม่ได้ทรุดโทรมตรงไหน” ชายสูงศักดิ์กล่าวเสียงเรียบ ทว่าแววตาคมประดุจเหยี่ยวขี้ระแวงจับจ้องประเมินหญิงบอบบางตรงหน้าอยู่
“ข้าเองก็ตั้งใจมาดูเช่นกัน ได้ยินว่าคุณหนูหวังล้มป่วยหนัก ข้าก็เลยอยากเห็นกับตาว่าจริงหรือไม่” องค์ชายสามเจิ้งหยงเฉียงเอ่ยเสริมขึ้น
“ข้ามิเป็นอันใดจริง ๆ เพคะ...องค์ชายสาม” หวังอ้ายหลิงกล่าวด้วยวาจาและน้ำเสียงใสซื่อ
พาให้องค์ชายสามอย่างเจิ้งหยงเฉียงเลิกคิ้วมองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ จนทำให้ช่อลดาไม่วายที่จะหายใจแรง
“แปลกยิ่งนัก...”องค์ชายสามผู้ลึกลับเกริ่น สายตาของเขากลับแฝงแววคมกล้า
“แปลกอันใดเพคะ?” หญิงสาวขมวดคิ้วถาม
“ก่อนหน้านี้เจ้าเอาแต่ไล่ตามหม่าจ้าวหยางไม่ลดละ ทั้งยังเรียกร้องความสนใจสารพัดวิธีการแต่ดูตอนนี้สิ เจ้ากลับดูเลี่ยงที่จะพบเขา ราวกับว่าหมดสิ้นเยื่อใยในตัวเขา...” หวังอ้ายหลิงปรายตาลงต่ำหลบสายตา ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ด้วยไม่คิดว่าเขาจะช่างสังเกตเห็นถึงเพียงนี้
“ข้าก็เพียงแค่คิดได้เท่านั้นเจ้าค่ะ” หวังอ้ายหลิงตอบตัดปัญหา
“คิดได้ สิ่งที่คิดได้คือสิ่งใดหรือ?” น้ำเสียงเฉียบชาดดังขึ้นมาจากอีกทาง
“ไม่มีสิ่งใดสำคัญหรอกเจ้าค่ะท่านรองแม่ทัพ ข้าก็เพียงแค่...เข้าใจในบางสิ่งที่ไม่อาจฝืนได้” คนถูกสงสัยหันกลับไปตอบเจ้าของเสียงอย่างทันควัน
หม่าจ้าวหยางเลิกคิ้วอย่างล้อเลียน ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องสตรีตรงหน้าอย่างแน่วแน่ ก่อนที่เจิ้งหยงเฉียงจะเอนตัวเข้าไปใกล้อย่างหยอกล้อ
“อย่างนั้นรึ?”
หวังอ้ายหลิงกลั้นหายใจรีบขยับตัวออกห่างองค์ชายขี้เล่นเต็มไปด้วยอารมณ์ขันในทันที
“ข้าย่อมหมายความเช่นนั้นเจ้าค่ะ ยามนี้ข้าเพียงแต่คิดได้แล้วว่าแต่ละคนล้วนมีเส้นทางของตนเอง และข้าก็ควรต้องมีทางเดินที่เหมาะสมของตนเองเท่านั้น” คนถูกสงสัยชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา
หม่าจ้าวหยางขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าหล่อเหลาได้รูปของเขาเคลือบแฝงความประหลาดใจชวนให้คุณหนูตระกูลหวังอึดอัดไม่น้อย
“เช่นนั้นหรือ?” ชายหนุ่มเพ่งตาจับสังเกต
“เวลาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเจ้าค่ะ...” หญิงสาวรีบตอบกลับทันควัน
“หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็นับว่าเป็นเรื่องดี...”น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นของหม่าจ้าวหยางส่อให้รู้ว่า เขาจะไม่เลิกราเพียงเท่านี้
ช่อลดาพยายามจับต้นสายปลายเหตุของนิยายอันเป็นสาเหตุหลักของความไม่เชื่อใจของชายทั้งสองนี้ที่มีต่อหวังอ้ายหลิงได้อย่างเลือนราง เพราะมันคือนิยายที่เธออ่านไม่จบ เธอคงต้องใช้ตรรกะของนักอ่านระดับเทพ เดาทางเนื้อหาที่จะเป็นต่อไป ตัวละครทั้งสองตัวนี้ถูกสร้างขึ้นมาให้สงสัยหวังอ้ายหลิงในกระบวนการปฏิบัติของทางความคิดของผู้เขียน แต่เธอไม่ใช่หวังอ้ายหลิง ตัวนิยายที่ถูกปั้นแต่ขึ้นมาให้ร้ายกาจ แต่เธอคือช่อลดา มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ ที่เคยเผชิญกับความร้ายกาจของมนุษย์ด้วยกันมานักต่อนัก ดังนั้นเธอจะใช้ความสามารถที่เคยเป็นมนุษย์ เดาเรื่องราวนี้ไปให้จนถึงสุดทาง
“ช่างน่าสนใจยิ่งนัก...”องค์ชายสามยิ้มพึมพำ ก่อนที่จะทวีพลังเสียงดังขึ้นเพื่อให้ผู้คนในวงสนทนาได้ยิน
“ข้าเพียงแต่รู้สึกว่า...
และในเวลานั้นเสียงที่เกิดขึ้นจากการออกแรงผลักประตูอย่างแรงก็ดังขึ้น สาวรับใช้ที่หย่อนยานเรื่องมารยาทก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“คุณหนู! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอีกแล้วเจ้าค่ะ”เสี่ยวหรูรีบรายงาน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมืองแล้วเจ้าค่ะ!” เสี่ยวหรูรีบแจ้งด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ข่าวลือ?” ผู้เป็นนายทวนคำ สีหน้าเต็มไปด้วยสงสัยด้วยภายในใจเต็มไปด้วยความรำคาญ
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?