ตอนที่ 8 บุรุษผู้เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน

หวังอ้ายหลิงยืนนิ่งดุจรูปสลักหิน ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมาจากคนทั้งสอง นางกัดริมฝีปากแน่น เผยให้เห็นร่องรอยความขุ่นเคืองและอัปยศอดสูที่ฉายชัดอยู่ทั่วใบหน้า ยามนี้นางรู้สึกราวกับถูกบีบรัดด้วยเชือกที่มองไม่เห็น เส้นเลือดฝอยปูดโปนขึ้นที่ขมับน้อย ๆ บ่งบอกถึงความอัดอั้นตันใจที่ถาโถมเข้ามา ดวงตาที่เคยสุกใสบัดนี้กลับเต็มไปด้วยม่านหมอกของความคลุมเครือ ด้วยไม่อาจตระหนักในคำพูดบาดหูที่นางเคยกล่าวแก่มู่อวี้จูได้เลย

แต่ไม่ว่าอย่างไรยามนี้นางก็ปรารถนาที่จะเอ่ยคำขอโทษเพื่อคลี่คลายสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้ให้ดีขึ้น ถึงแม้ว่าความเย่อหยิ่งทระนงที่ฝังรากลึกอยู่ในกมลสันดานจะไม่ชายชัดเช่นดังตอนที่หวังอ้ายหลิงเป็นตัวของตัวเอง แต่เมื่อช่อลดาและหวังอ้ายหลิงต่างก็ผสานกันเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้นช่อลดาจึงต้องเช็ดล้างในสิ่งที่คุณหนูตระกูลหวังทำเละเทะเอาไว้...

“ข้ารู้ว่าที่ผ่านมา ข้าทำตัวไม่น่ารักต่อเจ้า มันอาจเยอะเสียจนข้าจำอะไรไม่ได้เลย คงเป็นหลายสิ่งที่ไม่ควรกับคุณหนูมู่ แต่ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะไม่ทำให้คุณหนูลำบากใจอีก”หวังอ้ายหลิงปฏิญาณ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้ม

“คุณหนูหวังท่านหมายความว่าอย่างไรกัน?” มู่อวี้จูเอียงคอถามน้ำเสียงอ่อน แววตาเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา

“ข้าตระหนักแล้วว่าความรักนั้นควรเป็นสิ่งงดงาม หาใช่เรื่องที่ต้องแย่งชิงไม่ และหลังจากนี้ข้าจะไม่ข้องเกี่ยวกับท่านรองแม่ทัพหม่าอีก ขอให้พวกท่านทั้งสองสมหวังในรักครั้งนี้เถิด” หวังอ้ายหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย ถึงขนาดหม่าจ้าวหยางขมวดคิ้วแน่น

“คุณหนูหวัง เจ้าเป็นอะไรไป?” บุรุษหนุ่มแค่นเสียงออกมาอย่างเสียไม่ได้

“ข้าก็แค่เลิกทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่อง”หวังอ้ายหลิงตอบกลับไปอย่างเรียบง่าย

จากนั้นเสียงหัวเราะเบา ๆ ที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น หวังอ้ายหลิงหันไปส่งสายตาห้ามปรามเจิ้งหยงเฉียงอีกครั้งจนบุรุษสูงศักดิ์ยอมที่จะหยุดการกระทำเปลี่ยนเป็นแสร้งยกมือป้องปากกระแอมกระไอ

“น่าสนใจยิ่งนัก... คุณหนูหวังอ้ายหลิงเปลี่ยนไป ไม่รักใคร่กับท่านรองแม่ทัพหม่า เช่นนี้แล้ว หากข้าเอ่ยปากขอหมั้นหมายกับเจ้า จะว่าอย่างไร?” องค์ชายสามเอ่ยวาจาติดขำขัน ราวกับหมาหยอกไก่ แต่ทำให้หวังอ้ายหลิงสีหน้าเปลี่ยนสี

“พระองค์ทรงมีอารมณ์ขันนะเพคะ” มู่อวี้จูยกมือซึ่งถือผ้าบางเบาขึ้นป้องปาก สองแก้มเห่อแดงอย่างขวยเขิน แววตาประหม่าราวกับว่าคนถูกขอเป็นตนเองเช่นนั้น

“ม มะ ไม่ได้เพคะ!!” คุณหนูตระกูลร้องเสียงหลงออกมาอย่างเสียอาการ

“หากเจ้าไม่สมัครใจรักใคร่กับรองแม่ทัพแล้ว ข้าย่อมที่จะมีสิทธิ์ที่จะเอ่ยทาบทามเจ้าเป็นนางกำนัลของข้า...” องค์ชายสามกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“ขออภัยองค์ชายสามเพคะ ยามนี้ข้ายังไม่พร้อมที่จะสนใจในเรื่องเหล่านี้เพคะ”นางกล่าวปฏิเสธพลางทอดสายตามองอีกฝั่งที่เฝ้ามองอยู่

แต่ทั้งที่โดนคุณหนูหวังปฏิเสธ แต่องค์ชายสามกลับไม่ได้มีท่าทีเสียหน้า หรือหมดความมั่นใจแต่อย่างใด สีหน้าของเขายังคงสดใสราวกับท้องฟ้าอันไร้เมฆในฤดูใบไม้ร่วง ราวกับว่าไม่มีเรื่องใดเลยในชีวิตที่ผ่านมาของเขาจะน่าวิตกกังวล

นับแต่คืนงานเฉลิมฉลองครบรอบการขึ้นเป็นประมุขสกุลหวัง ทุกสรรพสิ่งในจวนตระกูลหวังมิอาจสงบได้ดังเดิม หวังอ้ายหลิง...คุณหนูใหญ่ผู้เลื่องชื่อเรื่องความร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ประดุจอสรพิษ ตอนนี้กลับแปรเปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือ

บางคนลอบซุบซิบกันลับหลังว่านางต้องคุณไสยมนตร์ดำ ด้วยเพราะหวังอ้ายหลิงนั้นมีศัตรูอยู่ทุกสารทิศ นางขยันสร้างความเกลียดชังทุกเมื่อเชื่อวัน บ้างก็ว่านางป่วยไข้จนสติฟั่นเฟือน จิตใจไม่เป็นของตนเองดังแต่ก่อน ทว่า... ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่า ภายในร่างของคุณหนูใหญ่หวังอ้ายหลิง ผู้ที่ได้ฉายาว่าเป็นหญิงงามร้ายกาจแห่งแคว้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาจากปีคริสต์ศักราช 2026 ผู้หนึ่ง ซึ่งพลัดหลงกาลเวลามาสวมร่างนี้โดยมิได้ตั้งใจ

ดวงตาคู่งามที่เคยฉายแววเย่อหยิ่งและเด็ดขาด บัดนี้กลับมีประกายแห่งความงุนงงและสับสน หากแต่ยังคงแฝงไว้ด้วยความเฉลียวฉลาดที่แตกต่างออกไปจากเดิม กิริยาท่าทางที่เคยกรีดกรายเป็นธรรมชาติเฉกเช่นหญิงชนชั้นสูง ก็กลับกลายเป็นความเก้ ๆ กัง ๆ คล้ายไม่คุ้นชินกับอาภรณ์หรูหราและเครื่องประดับที่รัดรึง คำพูดคำจาที่เคยเชือดเฉือน บัดนี้กลับเรียบง่ายและบางคราวก็ดูประหลาดในโสตประสาทของผู้คนรอบข้าง หวังอ้ายหลิงที่เคยโอ้อวดถึงความมั่งคั่งและอำนาจ บัดนี้กลับสนใจในเรื่องเล็กน้อยรอบตัว อย่างดอกไม้ริมทาง หรือวิถีชีวิตของบ่าวไพร่ธรรมดา ๆ นั่นทำให้ผู้คนที่เฝ้าสังเกตการณ์ต่างพากันคิดไปต่าง ๆ นานา บ้างก็สงสัยระคนหวาดระแวง บ้างก็เริ่มเห็นใจในความแปลกประหลาดที่มิได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร บางก็ครุ่นคิดว่านางอาจกำลังสร้างตัวตนเพื่อสืบสานแผนการใหม่ ๆ

ทว่า สิ่งเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่คือเค้าโครงใบหน้างามหมดจด ที่ไม่ว่าจะอยู่ในร่างของหญิงร้ายกาจคนเดิม หรือหญิงสาวจากอนาคต รัศมีแห่งความงดงามนั้นก็ยังคงเจิดจรัส ไม่ได้หมองมัวลงไปแม้แต่น้อย เพียงแต่แววตาที่สะท้อนออกมานั้น เปลี่ยนจากความหยิ่งทะนง เป็นความเปราะบางที่ซ่อนเร้นเอาไว้ ที่พร้อมจะพลิกเปลี่ยนหน้ากระดาษที่ควบคุมชีวิตของหวังอ้ายหลิง

“คุณหนู...ท่านเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ?” เสี่ยวหรูกระซิบ เมื่อเห็นผู้เป็นนายของตนนิ่งเงียบไปเป็นนานสองนาน

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ