โรงน้ำชา! นางวาดฝันถึงกลิ่นหอมของชาชั้นเลิศที่อบอวลไปทั่วทั้งร้าน เสียงดนตรีที่บรรเลงคลอเบา ๆ และผู้คนหลากหลายชนชั้นที่มาพบปะสังสรรค์ แบ่งปันเรื่องราวและอารมณ์ขัน นางอยากจะรังสรรค์สถานที่อันสงบเงียบ ให้ผู้คนได้พักกายใจจากความวุ่นวายภายนอก และนี่คือสิ่งที่ลงตัวที่สุด
เพราะโรงน้ำชามิใช่เพียงสถานที่สำหรับรินชาจิบ หากแต่เป็นศูนย์รวมของผู้คน เมื่อย่างเท้าก้าวเข้าไป กลิ่นหอมกรุ่นของใบชาหลากหลายชนิดคละเคล้ากันเป็นหนึ่งเดียว ลอยอวลอยู่ในอากาศ ชวนให้รัญจวนใจ ทั้งกลิ่นชาเขียวที่สดชื่นดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิ ชาอู่หลงที่หอมหวานละมุนละไมราวกลิ่นดอกไม้ป่า และชาผูเอ๋อร์ที่อบอุ่นลุ่มลึกดุจผืนดินยามฝนพรำ แต่ละกลิ่นบอกเล่าเรื่องราวของผืนแผ่นดินกำเนิดและกรรมวิธีอันพิถีพิถันในการรังสรรค์ เสียงน้ำเดือดปุด ๆ ในกาต้มดินเผา เสียงการรินชาที่แผ่วเบาดุจสายลมพลิ้วไหว และเสียงสนทนาของผู้คนที่จับกลุ่มพูดคุยกันอย่างไม่เร่งรีบ ต่างผสานรวมกันเป็นท่วงทำนองอันไพเราะ เสริมสร้างบรรยากาศแห่งความอบอุ่นและเป็นกันเอง บนโต๊ะไม้เนื้อดี ถ้วยชาดินเผาสีเรียบง่ายวางเรียงราย สะท้อนถึงความเรียบง่ายแต่แฝงด้วยสุนทรียะ
โรงน้ำชาจึงมิใช่เพียงสถานที่สำหรับดื่มด่ำรสชา แต่เป็นดั่งห้องสมุดมีชีวิตที่บันทึกเรื่องราวของผู้คน เป็นเวทีแห่งการพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และถักทอสายใยสัมพันธ์ของผู้คนทุกชนชั้น ตั้งแต่บัณฑิตผู้คงแก่เรียน พ่อค้าผู้มั่งคั่ง ไปจนถึงชาวบ้านธรรมดา ต่างก็มาหาความสงบและแรงบันดาลใจในที่แห่งนี้ กลิ่นอายของโรงน้ำชาจึงมิใช่แค่กลิ่นชาหอมกรุ่น แต่เป็นกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และจิตวิญญาณอันงดงามที่สืบทอดมาแต่บรรพกาล ยังคงอบอวลอยู่ทุกอณูของอากาศ เชิญชวนให้ผู้มาเยือนได้ดื่มด่ำกับมนตราแห่งกาลเวลา สัมผัสถึงความสำคัญอันลึกซึ้งและนี่คือกิจการที่ลงตัวที่สุดในความคิดของหวังอ้ายหลิง กระนั้นจึงไม่รอช้าออกจากจวนของตนเอง เดินมุ่งหน้าไปยังจวนหลัก ด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิ
“ท่านพ่อ ท่านแม่...ข้าต้องการเปิดโรงน้ำชาสักแห่งเจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อร์เอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ทำให้ใต้เท้าหวังและฮูหยินหวังที่นั่งฟังอยู่พลันชะงักไป
“เป็นบุตรีของขุนนางกลับอยากทำกิจการอย่างนั้นรึ ช่างสมกับเป็นบุตรีของมารดาเจ้าเสียจริง” ใต้เท้าหวังกล่าวพร้อมกับหัวเราะชอบใจ
“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะท่านพ่อ ว่าโดยปกติสตรีสูงศักดิ์มิควรเกี่ยวข้องกับเรื่องค้าขาย ทว่าหากทำให้ถูกต้อง ก็หาได้เป็นเรื่องเสียหายไม่เจ้าค่ะ” หวังอ้ายหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น
“เหตุใด หลิงเอ๋อร์ลูกแม่จึงอยากเปิดโรงน้ำชาเล่า?” ฮูหยินหวังเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน
หวังอ้ายหลิงส่งยิ้มอ่อนอย่างออดอ้อนให้ผู้เป็นแม่ ก่อนจะกล่าวอย่างมั่นใจ
“ลูกหลงใหลกลิ่นชาเจ้าค่ะ เวลาได้กลิ่นแล้วสบายใจ ตัวของลูกแทบเบาหวิวเหมือนละอองเกสรเลยล่ะเจ้าค่ะ” อ้ายหลิงไม่พูดเปล่า แววตาของนางเต็มไปด้วยประกายวาววับแห่งความหลงใหล
“เมื่อเจ้าแน่วแน่เช่นนี้ ก็มิใช่เรื่องเสียหาย หากเจ้ามีความสามารถและรอบคอบ พ่อกับแม่จะสนับสนุนเจ้าเอง” ใต้เท้าหวังพยักหน้าเบา ๆ
“แม่ก็จะช่วยดูแลเบื้องหลัง แต่เจ้าต้องตั้งใจทำให้ดี เข้าใจหรือไม่?” ฮูหยินหวังมองบุตรีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู ยื่นมือเรียวมาลูบศีรษะของนาง
“โอกาสครั้งนี้ลูกจะไม่ทำให้ท่านพ่อและท่านแม่ผิดหวังเจ้าค่ะ!” หวังอ้ายหลิงได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะค้อมศีรษะลงคารวะทั้งคู่
หลังจากได้รับอนุญาตจากท่านพ่อ หวังอ้ายหลิง คุณหนูผู้เลอโฉมแห่งสกุลหวัง ก็มิรอช้า นางเอ่ยปากชวนเสี่ยวหรู สาวใช้คู่ใจผู้ซื่อสัตย์ ออกจากจวนแต่เช้าตรู่ เพื่อเสาะแสวงหาทำเลค้าขายอันเหมาะสมตามที่นางหมายมั่นปั้นมือไว้
สองนรีต่างชนชั้น พากันรอนแรมไปตามถนนหนทางในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ ผู้คนพลุกพล่าน เสียงจอแจเซ็งแซ่ไม่ขาดสาย รถม้าเกวียนเทียมเรียงราย ผู้คนเดินเบียดเสียดกันไปมา บ้างก็แวะเวียนจับจ่ายซื้อของ บ้างก็หยุดพักรับประทานอาหาร ทว่าทำเลหลายแห่งที่หวังอ้ายหลิงพิจารณา ล้วนแต่ยังไม่ถูกใจนางเท่าใดนัก
จนกระทั่งยามบ่ายคล้อย แสงอาทิตย์เริ่มอ่อนแรงลง ไม่ต่างจากเสี่ยวหรูและคุณหนูสกุลหวังที่อ่อนล้าจากการเสาะแสวงหาทำเลถูกใจ และในเวลานั้นเอง เสียงดังโครกก็ดังขึ้น ทำให้หวังอ้ายหลิงรีบหันมองคนที่เดินเคียงข้าง
“เสี่ยวหรู เสียงท้องเจ้า!”
สาวรับใช้เหลือบตามองผู้เป็นนายด้วยสีหน้าเขินอายครั้งหนึ่ง ก่อนที่เสียงโครกจะดังขึ้นอีกครั้ง
“คราวนี้เสียงท้องของข้าบ้าง” หวังอ้ายหลิงวางฝ่ามือลงบนท้อง ก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“ไปหาอะไรกินกันเถอะ” ผู้เป็นนายชักชวน
ทั้งสองจึงเดินมาถึงยังบริเวณริมท่าน้ำใหญ่ของเมือง หาร้านที่ส่งกลิ่นหอมจนอดใจไม่ไหว จนพบเข้ากับร้านหนึ่ผู้คนยิ่งคึกคักกว่าที่ใด ๆ ทั้งสองจึงเข้าไปฝากท้องที่นั่น
ในขณะที่ทั้งสองตัดสินใจรับประทานอาหารที่ร้านที่ส่งกลิ่นหอมที่สุด สายตาของหวังอ้ายหลิงก็กวาดมองไปยังทัศนียภาพภายนอก เห็นเรือน้อยใหญ่เทียบท่าเรียงรายมิได้ขาดสาย บรรทุกสินค้าจากแดนไกลมาวางขาย บ้างก็เป็นชาวประมงนำปลาสดใหม่มาขึ้นจากเรือ บ้างก็เป็นพ่อค้าเร่พายเรือขายของกิน เสียงแม่ค้าพ่อค้าตะโกนเรียกลูกค้าดังระงม บ้างก็มีงิ้วออกโรงแสดงกลางแจ้ง ผู้คนต่างห้อมล้อมชมกันอย่างสนุกสนาน
สายตาของหวังอ้ายหลิงกวาดมองไปรอบบริเวณอย่างพินิจพิเคราะห์ พลันนางก็เหลือบไปเห็นเรือนไม้หลังหนึ่งตั้งอยู่โดดเด่นติดริมฝั่งท่าน้ำ ทำเลที่ตั้งของมันช่างเหมาะเจาะนัก ด้วยอยู่ไม่ไกลจากสะพานข้ามคลอง และอยู่ตรงหัวมุมพอดี ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างต้องผ่านหน้าร้านแห่งนี้เป็นแน่แท้ ตัวร้านกว้างขวางพอประมาณ แม้จะดูเก่าไปบ้าง แต่ก็สามารถปรับปรุงให้งดงามได้ไม่ยาก หากได้ทำกิจการใด ๆ ในทำเลนี้ ย่อมต้องเป็นที่ต้องตาผู้คน และมีโอกาสรุ่งเรืองเป็นแน่ หวังอ้ายหลิงแย้มยิ้มอย่างพึงพอใจ
“พวกเราได้ทำเลแล้วแหละเสี่ยวหรู!”
เสี่ยวหรูเงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองตามที่นิ้วมือของผู้เป็นนายชี้ออกไป เห็นตึกไม้เก่าคร่ำคร่าแต่บริเวณนั้นมีผู้คนสัญจรไม่ขาดสาย ไม่อยู่ในมุมอับลับตาคน จึงได้พยักหน้าเห็นดีเห็นงามกับหวังอ้ายหลิง
ไม่นานตึกไม้เก่าคร่ำคร่าก็ถูกปรับปรุงให้ดูเหมือนใหม่ เสียงทุบตอกไม้ดังระงมบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลง หากแต่ใจของนางมิได้จดจ่ออยู่เพียงแค่โครงสร้างอันจะปรากฏใหม่เพียงอย่างเดียว แต่มุ่งมั่นใคร่ครวญถึงหัวใจสำคัญของร้าน นั่นคือ “ใบชา” ทุกเช้าจรดค่ำ นางคลุกคลีอยู่กับตำราโบราณว่าด้วยชา สายตาจับจ้องตัวอักษรอันวิจิตรบรรจง จดจำชื่อชาเลิศรสจากแดนไกล ชาหลงจิ่งจากหางโจว ชาผู่เอ๋อร์จากยูนนาน ชาอูหลงจากฟูเจี้ยน ล้วนแล้วแต่ผ่านตาและประทับในความทรงจำของนาง ไม่เพียงแต่ตำรา อ้ายหลิงยังมิได้ละเลยการสัมผัสของจริง นางบรรจงรินน้ำร้อนลงบนใบชาหลากหลายชนิด กลิ่นหอมกรุ่นของชาเขียวอันสดชื่น ชาขาวที่หอมละมุน ชาดำที่เข้มข้น ดุจดั่งเสียงกระซิบจากธรรมชาติที่เชื้อเชิญให้นางดำดิ่งสู่ห้วงแห่งรสสัมผัส นางจิบชาอย่างละเมียดละไม ลิ้มรสความฝาดขมที่ปลายลิ้น ความหอมหวานที่อบอวลในลำคอ และความผ่อนคลายที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?