ตอนที่ 9 ลูกจ้างคนใหม่

มาดามเซรีน่าขมวดคิ้วเมื่อโทรศัพท์มือถือของเธอกำลังส่งเสียงกรีดร้องอยู่โดยไม่มีหมายเลขปรากฏบนหน้าจอ เธอตั้งใจจะตัดสายทิ้ง แต่อีกใจก็สงสัยอยากรู้ถึงปลายสายเป็นใคร จึงตัดสินใจกดรับโทรศัพท์หลังจากที่ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง

“ฮัลโหล”

“คุณแม่ครับ ผมเอง”

“อีริคเหรอ”

“ครับ”

“โธ่เอ๊ย แม่นึกว่าใครที่ไหน” มาดามเซรีน่าถอนหายใจออกมาสั้น ๆ

“ว่าแต่นี่เป็นเบอร์ที่เปิดใช้ในเมืองไทยเหรอจ๊ะ”

“เปล่าครับ ผมขอยืมโทรศัพท์คนแถวนี้น่ะ”

“หืม” มาดามเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ เธอทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ขณะที่เกรซเพิ่งจะวางแก้วชาร้อนลงบนโต๊ะเมื่อสักครู่

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าจ๊ะ”

“ผมถูกปล้นน่ะครับ”

“ตายแล้ว” มาดามเซรีน่าที่เพิ่งนั่งลงได้ไม่ถึงห้าวินาทีเด้งตัวขึ้นยืนอีกครั้งด้วยความตกใจ น้ำเสียงของเธอทำให้เกรซชะงักจากการทำความสะอาดห้องรับแขกและหันมามอง มาดามเซรีน่ามองหน้าเธอกลับ สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า”

“แค่บาดเจ็บนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากครับ”

“จับคนร้ายได้หรือเปล่าจ๊ะ” มาดามเซรีน่ายังคงถามด้วยความเป็นห่วง

“ยังเลยครับ แต่ผมกำลังจะไปแจ้งความ”

เสียงของอีริคที่ตอบกลับมา ฟังดูไม่เป็นอะไรอย่างที่เขาบอกจริง ๆ แถมยังดูมีความสุขแกมอยู่เล็กน้อยด้วยซ้ำราวกับว่าไม่ได้รู้สึกว่าการถูกปล้นเป็นเรื่องโชคร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว

“แล้วลูกจะทำยังไงต่อ ให้แม่ส่งคนไปรับที่ไทยไหม”

“คือว่า...” อีริคเงียบไปพักหนึ่งเพื่อใช้เวลาในการเรียบเรียงคำพูดใหม่

“ผมอยากจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักน่ะครับ”

“หือ” มาดามเซรีน่าขมวดคิ้ว “ทำไมล่ะ”

“เรื่องมันยาวน่ะครับ ไว้ผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง ผมคิดว่าผมเจอคนที่ใช่สำหรับผมแล้ว เธอเป็นคนไทย สวยและใจดี”

“จริงเหรอจ๊ะ แค่ลูกไม่เป็นอะไร แม่ก็สบายใจที่สุดแล้ว ยังไงก็ระวังตัวด้วยล่ะ ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วย บอกแม่ได้เสมอเลยนะ”

“ขอบคุณนะครับคุณแม่”

“จ้ะ”

“ผมต้องไปแล้ว รักแม่นะครับ”

“รักลูกเหมือนกันจ้ะ”

สายถูกตัดไปอย่างรวดเร็ว มาดามเซรีน่าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาได้ยินคำบอกรักของเธอหรือเปล่า

“เกรซ”

“คะ?”

“อีริคบอกว่าเจอผู้หญิงที่ชอบแล้วที่นั่น”

“โอ้ เป็นข่าวดีทีเดียวค่ะ” เกรซยิ้ม มือข้างหนึ่งถือผ้าเช็ดแจกันที่ตั้งโชว์อยู่บนโต๊ะกลม

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” มาดามเซรีน่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ช่วงบ่าย ณ จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย

หลังจากที่แจ้งความเสร็จแล้ว อีริคก็กลับมาที่โรงแรมรัชโยกุล โรงแรมระดับห้าดาว โรงแรมที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของจังหวัดภูเก็ต เขาแจ้งให้ทางโรงแรมเก็บห้องไว้ให้เขาจนกว่าจะถึงกำหนดเช็กเอาท์ซึ่งจะครบกำหนดในอีก 2 เดือนข้างหน้า สำหรับค่าห้องพักเขาจ่ายไว้แล้วเต็มจำนวน

อีริคเก็บพาสปอร์ตและของมีค่าส่วนที่เหลือจากการถูกปล้นไว้ที่ตู้นิรภัยในโรงแรมเขาเอาแค่เสื้อผ้าทั้งหมดกับของมีค่าเล็กน้อยใส่ลงในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่

ก่อนออกจากโรงแรม อีริคให้อีเมล์ของเขาไว้กับทางโรงแรมในกรณีที่ต้องการติดต่อเขา

หลายชั่วโมงก่อน

“คุณจะอยู่ที่นี่สักพักเหรอคะ”

นาราดูตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ อีริคก็เอ่ยขอออกมาแบบนั้น เช่นเดียวกับนภาที่ตกใจไม่แพ้กัน เธอหยุดหั่นหมูและเงยหน้าขึ้นมามองทั้งสองคนที่กำลังนั่งคุยกันที่โต๊ะ

“ครับ” อีริคพยักหน้า แววตาจริงจัง

“หลังจากที่ผมไปแจ้งความแล้ว กว่าจะตามหาตัวคนร้ายคงต้องใช้เวลา อีกอย่าง ผมไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียว”

“...”

“เพราะแบบนั้น จะว่าอะไรหรือเปล่าครับ ถ้าผมจะขอพักอยู่ที่นี่ไปก่อน”

“คือว่า...”

“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ เรื่องค่าใช้จ่าย ผมจะจ่ายให้ครบเมื่อทุกอย่างจบลง”

“มันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ” นารายิ้ม หัวใจของเธอเต้นแรงจนเลือดสูบฉีดขึ้นมาบนใบหน้าหวาน ร่างเล็กสบตากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มือสองข้างกุมเอาไว้ด้วยกันแสดงออกถึงความประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

“ที่บ้านของฉันมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น”

“เด็กคนนั้นก็เป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอครับ” อีริคชี้นิ้วไปที่กล้าหาญที่กำลังนั่งระบายสีลงบนสมุดวาดภาพอยู่

“ก็ใช่ค่ะ แต่เขายังเด็กอยู่เลย”

“คิดซะว่าผมเป็นเด็กเหมือนกันกับเขาสิครับ” อีริคยิ้มกว้าง

“จะให้คิดแบบนั้นได้ยังไงล่ะคะ คุณดูโตกว่าฉันตั้งเยอะแน่ะ”

“เหมือนผมแก่แล้วเลยครับ”

“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณแบบนั้น” นารารีบโบกมือปฏิเสธเพราะกลัวว่าอีริคจะไม่พอใจ แต่เขากลับยิ้มกว้างกว่าเดิมเหมือนกับชอบใจมากกว่าด้วยซ้ำที่แกล้งแหย่เธอได้

ร่างเล็กรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะไม่กล้าสบตาเขานานมากเกินไป

หัวใจเต้นแรงเกินไปแล้ว เธอคิดในใจ

“ผมล้อเล่นนะครับ”

“ฉันกังวลแทบแย่แน่ะ” นาราหัวเราะ เธอโล่งอกขึ้นมาทันที

“กลัวว่าคุณจะไม่พอใจ”

“งั้น...ให้ผมพักอยู่ที่นี่สักพักนะครับ” อีริคใช้จังหวะนั้นเอ่ยปากขอนาราอีกครั้ง

หญิงสาวใช้เวลาคิดอีกพักใหญ่ ๆ จนกระทั่งนภาตัดสินใจเดินเข้ามาแทรกบทสนทนาของทั้งคู่ ท่าทางของเธอดูเหมือนกับอารมณ์ไม่ดีอยู่ตลอดเวลา

“ฉันให้พ่อหนุ่มอยู่ก็ได้”

“แม่” นารารีบยกมือขึ้นมาปรามแม่ไว้ก่อน แต่ดูเหมือนจะช้าไปเสียแล้ว

“จริงเหรอครับ”

“จริงสิ ฉันกับลูกก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำขนาดนั้นหรอก แต่มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อย”

“คิดเงินเท่าไหร่ บอกผมได้เลยครับ”

“ถึงเราจะไม่ร่ำรวยเหมือนกับพ่อหนุ่ม แต่เรื่องเงินไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอกนะ” นภาตอบอีริคด้วยเสียงแข็งที่แฝงไปด้วยความใจดี แต่ก็ทำเอาอีริคถึงกับนั่งตัวเกร็งเลยทีเดียว

“ถ้างั้น...”

“ช่วยเราสองคนแม่ลูกทำงานที่ร้าน”

“แม่ พูดอะไรน่ะ”

“ทำได้ไหม พ่อหนุ่ม” นภาไม่ฟังคำปรามของลูกสาว เธอจ้องหน้าอีริคเขม็ง ส่งผลให้อีกฝ่ายรู้สึกกลัวเกรงเธอไม่น้อย เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่และพยายามยิ้มสู้

“ได้ครับ” อีริคพยักหน้า

“คุณอีริค!”

“ผมจะช่วยทำงานที่ร้านเป็นการตอบแทนครับ”

“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ค่ะ” นารารีบแทรกขึ้นมา

“อย่าปฏิเสธการตอบแทนของผมเลยนะครับ”

“แต่ว่า...”

“เอาน่า นารา งานที่ร้านก็ใช่ว่าจะยากเย็นซะที่ไหน ตัวใหญ่ ๆ แบบนี้คงทำงานได้ไม่มีปัญหาหรอก จริงไหม” นภารีบพูดขัดขึ้นมาก่อนเพราะรู้จักนิสัยขี้เกรงใจของลูกสาวเป็นอย่างดี ขณะที่นาราได้แต่ยืนเงียบและถอนหายใจออกมา พร้อมกับมองหน้าอีริคเหมือนกับพยายามบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เขาคิดแน่ ๆ

“ครับ” อีริคพยักหน้าแล้วยิ้ม

“ดีมาก” นภายิ้มกว้างพอ ๆ กับอีริค

“งั้นมาเริ่มงานกันเลย พ่อหนุ่ม”

“ตอนนี้เลยเหรอครับ”

“ไม่ใช่ตอนนี้แล้วจะตอนไหนล่ะ”

“ผมต้องไปแจ้งความเรื่องเมื่อคืนก่อนน่ะครับ” อีริคยิ้มแห้ง

นภาชะงักเล็กน้อยก่อนหันไปมองนาราอย่างต้องการคำตอบ เธอพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับที่อีริคพูดเมื่อสักครู่นี้

“ก็ได้ แต่ไม่ใช่ว่าไปแจ้งความแล้วหายลับไปเลยนะ” นภาว่า “ไม่ใช่ว่ากลัวจนไม่กล้ากลับมาล่ะ”

“กลับมาแน่นอนครับ”

“นารา หมูกับกุ้งหมดแล้ว เดี๋ยวไม่มีขายตอนเย็น ลูกแวะไปซื้อที่ตลาดหน่อย ก่อนไปตลาดแวะพาพ่อฝรั่งไปส่งที่สถานีตำรวจด้วยนะ พ่อหนุ่มกลับมาที่ร้านถูกไหม นาราน่าจะไปนาน” นภาบอกลูกสาว แล้วเลยหันหน้าไปถามชายหนุ่ม

“กลับมาถูกครับ ที่นี่หาง่าย” อีริคบอก

“แม่ เดี๋ยวฉันไปส่งคุณอีริคไปแจ้งความก่อนแล้วค่อยไปตลาดก็ได้” นาราเอ่ยแย้งแม่ของตนเอง

“ได้ไง เดี๋ยวร้านเปิดแล้วคนเข้าเยอะ สถานีตำรวจกับที่นี่ก็ไม่ไกลกันมาก โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วคงทำเองได้มั้ง ใช่ไหมพ่อหนุ่ม” นภายังถือความคิดตนเป็นใหญ่

“ใช่ครับ นาราคุณไปซื้อของเถอะ ผมไปเองได้”

“เห็นไหม ไปเถอะ เดี๋ยวแม่ดูร้านกับกล้าหาญให้เอง รีบไปรีบกลับละ” นภาหันไปบอกนารา เธออ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรออกมา จากนั้นร่างเล็กก็ถอดผ้ากันเปื้อนออกและเดินขึ้นไปชั้นบนที่เป็นห้องพักของเธอเพื่อเปลี่ยนชุดสำหรับออกไปข้างนอก

อีริครอเธอไม่นานนัก หญิงสาวจึงเดินลงมาพร้อมกับชุดที่เปลี่ยนใหม่ ผมยังคงมัดเป็นดังโงะเหมือนเดิม แต่ในสายตาอีริคแล้ว เธอดูมีเสน่ห์ ไม่เหมือนกับผู้หญิงที่เขาเคยเจอที่ไหนมาก่อน

แม้แต่เซลีนก็ตาม

“คุณอีริคคะ” เสียงของนาราเรียกให้เขาตื่นจากภวังค์

“ค...ครับ”

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“ม...ไม่เป็นไรครับ”

“ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”

“ครับ”

อีริคพยักหน้า จากนั้นนาราจึงเดินนำหน้าออกจากร้านเพื่อไปโบกแท็กซี่ก่อนที่ร่างสูงจะเดินตามไป ไม่นานนัก รถแท็กซี่ที่ทั้งสองคนนั่งโดยสารไปก็แล่นออกจากบริเวณร้าน

นภามองตามรถคันนั้นไปพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความกังวล

“คุณยายครับ แม่ไปไหนเหรอครับ” กล้าหาญเอ่ยถามขึ้นมา

“ไปทำธุระจ้ะ”

“กับคุณลุงคนนั้นเหรอครับ”

“ใช่จ้ะ”

นภาตอบก่อนจะเดินไปนั่งกับหลานชายตัวแสบ ทั้งสองระบายสีด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ในใจของหญิงวัยกลางคนยังคงอัดแน่นไปด้วยความกังวลบางอย่างที่เธอไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง

ตกดึก

นารากำลังนั่งคิดบัญชีรายรับรายจ่ายของวันนี้อยู่ที่โต๊ะตัวประจำ รอบกายของเธอเต็มไปด้วยความว่างเปล่าเพราะหน้าร้านปิดไปได้สักพักใหญ่ ๆ ก่อนที่นภาจะเดินมาหาพร้อมกับลากเก้าอี้ไปนั่งข้าง ๆ ลูกสาว

“พ่อหนุ่มล่ะ” เธอเอ่ยถาม

“ขึ้นไปอาบน้ำแล้วจ้ะ”

“ทำงานเก่งใช้ได้เลยนะ เห็นเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน แม่ก็นึกว่าเป็นพวกผู้ดีที่ทำอะไรไม่เป็น” นภาพูดถึงอีริคด้วยคำชื่นชม นาราที่กำลังง่วนกับเครื่องคิดเลขเผลอยิ้มออกมา

“แม่อย่าใช้งานเขาหนักนักสิ หนูเห็นนะว่าแม่ใช้งานเขาไม่พักเลย”

“มาอยู่บ้านเราทั้งที ต้องใช้งานให้มันคุ้ม ๆ หน่อยสิ”

“เดี๋ยวเขาจะว่าเราใช้แรงงานเขาหนักเกินไปได้นะ ถ้าเขาไปฟ้องกรมแรงงานขึ้นมา มีหวังร้านเราโดนปิดแน่”

นาราพูดติดตลก แต่นภากลับไม่หัวเราะตาม เธอลอบมองหน้าลูกสาว แววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลใจปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง บทสนทนาระหว่างสองแม่ลูกเงียบลงไปสักพัก

“แล้วนาราล่ะ”

“ฉันทำไมเหรอจ๊ะ”

“คิดยังไงกับพ่อหนุ่ม”

“...”

นาราชะงักไป นิ้วที่กำลังจะกดปุ่มบนเครื่องคิดเลขค้างอยู่บนอากาศนานหลายวินาที เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผู้เป็นแม่ รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปแล้ว

“ลูกชอบพ่อหนุ่มเค้าหรือเปล่า”

“ทำไมจู่ ๆ แม่ถึงถามแบบนั้นออกมาล่ะจ๊ะ”

นาราแสร้งหัวเราะและก้มหน้าหลบตานภา เธอไม่อยากจะโกหกมารดาและไม่อยากจะโกหกใจตัวเองเหมือนกัน ครั้นจะบอกว่าไม่ชอบเลยก็คงไม่ใช่ แต่ชอบไหมเธอก็ไม่รู้ใจตัวเอง

“แม่แค่ถามเผื่อไว้น่ะ”

“...”

“เพราะแม่ไม่อยากลูกของแม่ต้องเจ็บปวดอีก”

“...” นารานิ่งเงียบไป

เธอไม่มีกะจิตกะใจจะคิดเลขแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมามองนภาอีกครั้ง คราวนี้แววตาของเธอมีความรู้สึกที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้แฝงอยู่ในนั้น

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ