ตอนที่ 10 ความหลังที่เลื่อนลอย

หลายปีก่อน

“นารา” เสียงของนภาดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตูเบา ๆ หลายครั้ง

“ออกมากินข้าวเถอะลูก อย่ามัวแต่อยู่ในห้องเลยนะ” เสียงนั้นดังถึงหูของหญิงสาวที่กำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียง แต่มันไม่ดังเท่ากับเสียงสะอื้นเพราะหัวใจที่แตกสลายของเธอ

ภายในห้องที่มืดสลัวนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าจากความผิดหวังของนาราในวัยยี่สิบสามปี ข้างกายมีรูปใบหนึ่งวางเอาไว้ ในรูปมีชายหญิงสองคนยืนเคียงข้างกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

ผู้หญิงในรูปคือนารา ส่วนใบหน้าของชายหนุ่มหน้าตาดี เจ้าของดวงตาสีฟ้าอ่อนในรูป รอยยิ้มบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขายังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเธอ

“นารา” นภาถือวิสาสะใช้กุญแจสำรองเปิดเข้ามาในห้องของลูกสาว แสงจากข้างนอกห้องสาดส่องเข้ามาด้านใน ทำให้ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตานองหน้า ตาแดงก่ำและปูดโปน

“แม่ ฮือ ๆ” นาราสะอื้นหนักกว่าเดิม

ผู้เป็นแม่ไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปโอบกอดลูกสาวเอาไว้แน่น น้ำตาพานไหลออกมาอีกคน มือลูบผมยาวสลวยอย่างแผ่วเบา หวังปลอบโยนให้ลูกสาวที่กำลังแตกสลายรู้สึกดีขึ้น แต่ก็ได้ไม่มากเท่าที่ควร

“ร้องไห้ออกมาเลยลูก แม่จะอยู่ตรงนี้เอง” นภาเสียงสั่น

“ฮือ ๆ” เสียงสะอื้นยังคงดังไม่หยุด

นารากอดแม่ไว้แน่น ใบหน้าซุกกับอกอุ่น ๆ และปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาแบบนั้น เวลาล่วงเลยไปอย่างช้า ๆ เนิ่นนานพอที่จะทำให้นาราร้องไห้จนเผลอหลับไปในที่สุด

ไอเดน คือชื่อของผู้ชายที่อยู่ในรูปใบนั้น เขาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากประเทศสหรัฐอเมริกา มาเรียนที่มหาวิทยาลัยที่นารากำลังศึกษาอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่งปี ในตอนนั้นนาราเรียนอยู่ชั้นปีสุดท้าย 

ทั้งสองคบหากันเป็นแฟน ทั้งนาราและไอเดนต่างมีความสุขมาก โดยมีทิมคอยเตือนอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ แต่นาราซึ่งโลกกำลังเป็นสีชมพูไม่เคยฟังคำเตือนของทิมเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“นารา ไว้ใจไอเดนได้แค่ไหน อย่าลืมนะ เรียนเสร็จแล้วไอเดนต้องกลับไปอเมริกา” ทิมเอ่ยเตือนนาราในเย็นวันหนึ่งหลังจากที่ให้นาราซ้อนรถจักรยานยนต์มาส่งที่บ้าน

“ทิม นายนี่เป็นอะไรมากเปล่า ไอเดนบอกว่าเมื่อเขากลับไปแล้วเขาจะกลับมารับฉันไปอยู่ด้วยที่อเมริกา ไอเดนไม่ใช่คนโกหก” นาราเอ่ยเสียงเข้มที่เพื่อนสนิทพูดถึงแฟนตนเองในทางที่ไม่ดี

“ฉันแค่เป็นห่วง”

“ขอบใจที่เป็นห่วง ฉันโอเค” นาราบอกชายหนุ่มก่อนเอ่ยขอตัวเข้าบ้าน ทิมได้แต่ถอนหายใจอย่างแรงกับความดื้อของเพื่อนสนิทคนเดียวของเขา แต่ทำไงได้ เขามันแค่เพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่อเท่านั้น

เมื่อไอเดนสำเร็จการศึกษา กลับไปอเมริกา ช่วงแรก ๆ ชายหนุ่มยังติดต่อมาบ้าง แต่หลังจากนั้น ไอเดนก็ค่อย ๆ เงียบหายไป จนไม่ส่งข่าวมาอีกเลย

“นารา” ทิมเรียกเพื่อนสนิทของตนเองที่ตอนนี้กำลังนั่งไร้ชีวิตจิตใจอยู่กลางบ้านชั้นล่าง

“หือ” นาราขานรับอย่างเสียไม่ได้ เธอรู้ว่าชายหนุ่มเป็นห่วงแต่ปากมันก็ไวเหลือเกิน

“จะมาสมน้ำหน้าฉันใช่ไหม” นาราเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเพื่อนสนิทคนเดียวของเธอ

“เปล่า แกก็รู้ว่าฉันไม่เคยคิดอย่างนั้น” ทิมลากเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามนารา

“ฉันนี่มันโง่เน๊อะ” นาราถาม น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“เรื่องของความรักมันไม่มีคำว่าโง่หรือฉลาดหรอกนะ” ทิมกล่าวปลอบใจเพื่อน

เพราะฉันมันคงโง่ไม่ต่างจากเธอที่ยังรักเธอมากถึงเพียงนี้ ทิมคิดในใจ

“แกซึมและร้องไห้อย่างนี้มาหลายวันแล้วนะ ไม่สงสารป้านภาเหรอ แม่แกคงเจ็บไม่ต่างจากแกหรอกนะ” ทิมกล่าวเตือนสติ

“ฉันรู้ แต่ขอเวลาทำใจอีกนิด ไม่นานหรอก ตอนนี้แผลมันยังสด เลือดยังไหลซิบ ๆ อยู่เลย ขอบใจนะทิม ที่ไม่เคยทิ้งฉัน ฉันสัญญาว่าจะกลับมาเข็มแข็งให้ไวที่สุด ขอบใจที่อยู่ข้างๆ ฉันเสมอ” นาราเอ่ยขอบคุณด้วยความจริงใจ

ชายหนุ่มคนนี้ คนที่แสนดี คนที่อยู่เคียงข้างเธอเสมอมา แต่เรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าทิมคิดเกินเลยกับเธอเกินคำว่าเพื่อนมาตั้งนานแล้ว

“นารา อย่าลืมนะ ฉันยังอยู่ตรงนี้ ฉันจะเป็นไหล่ให้แกได้พักเสมอ ฉันว่าแกน่าจะไปสมัครงานนะ ทำงานยุ่ง ๆ แกอาจจะลืมเรื่องร้าย ๆ ได้ไว ฉันกะว่าจะไปสมัครเป็นไกด์ที่บริษัทเปิดใหม่ตรงที่เราเห็นตอนนั้นน่ะ แกสนใจไหม”

“ก็ดีนะ ฉันอาจจะลืมเรื่องบ้า ๆ นี้ได้ไวขึ้น งั้นพรุ่งนี้แกมารับฉันก็แล้วกัน” นาราบอกชายหนุ่มก่อนที่จะหากระดาษมาเช็ดน้ำมูกและพยายามที่จะหยุดร้องไห้

“ได้ สักสิบโมงเช้านะ”

“อือ ตอนนี้แกกลับไปได้แล้ว ฉันไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”

“ได้ ๆ งั้นฉันไปนะ” ทิมลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์กลับไป

นาราเสียใจเรื่องไอเดนได้ไม่นาน นลิน พี่สาวคนเดียวของเธอก็กลับมาบ้านในสภาพท้องโตใกล้คลอด

นาราที่กำลังพยายามทำงานเป็นบ้าเป็นหลังเพื่อให้ลืมไอเดน ได้งานเป็นมัคคุเทศน์ให้กับบริษัททัวร์แห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต กลับต้องออกจากงานมาขายอาหารตามสั่งอยู่ที่บ้านกับแม่ เพื่อจะได้มีเวลาเลี้ยงดูกล้าหาญ หลานชายของเธอ

ส่วนนลิน พี่สาวของเธอ หลังจากคลอดกล้าหาญได้ไม่ถึงสามเดือน นลินบอกกับครอบครัวจะไปหางานทำและจะส่งเงินกลับมาบ้าน นลินส่งเงินกลับมาได้แค่สามเดือน หลังจากนั้นอย่าว่าแต่เงินเลย แม้แต่ข่าวคราว นาราก็ไม่เคยได้ข่าวพี่สาวอีกเลย

“นารา โกรธนลินไหม” นภาถามลูกสาวคนเล็กขึ้นในวันหนึ่งหลังจากที่เก็บร้านเรียบร้อย นางได้กล่อมให้หลานชายหลับ ก่อนเดินลงจากบ้านมาหาลูกสาวคนเล็ก

“หนูไม่อยากโกหกหรอกนะจ๊ะ มันก็มีบ้างที่โกรธ แต่ไม่ใช่เพราะต้องมาทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูกล้าหาญ แต่ที่หนูโกรธพี่นลินเพราะกล้าหาญสมควรจะเติบโตขึ้นมาด้วยความรักความอบอุ่นของแม่ที่แท้จริง

แต่ตอนนี้หนูกลับขอบคุณพี่นลินด้วยซ้ำที่มอบของขวัญที่แสนวิเศษนี้ให้ หนูไม่รู้ว่าเพราะอะไรพี่นลินถึงหายไปเฉย ๆ แต่ก็หวังว่าพี่นลินจะกลับมา กลับมาเพื่อกล้าหาญ ลูกชายของตัวเอง”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ