ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ผมได้พบกับผู้หญิงมหัศจรรย์ที่สุดคนหนึ่ง เธอทำให้ผมได้รู้จักกับความรักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเธอก็ทำให้ผมเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกัน
น่าเศร้าใจเพราะในท้ายที่สุดแล้ว ผมกับเธอไม่สามารถครองรักกันได้
เธอได้อยู่กับคนที่เธอรัก ขณะที่ผมกลับต้องโดดเดี่ยว...เช่นเคย
ในวันที่ผมได้รับคำตอบจากเซลีนว่าเธอไม่สามารถให้ผมเป็นคนดูแลเธอกับสองแฝดในฐานะคู่ชีวิต ผมได้แต่ยิ้มและยอมรับการตัดสินใจของเธอ
ผมขอเป็นแค่เพื่อนและพี่ชาย ผมให้คำปรึกษากับการเดินหน้าจีบชายหนุ่มคนอื่นด้วยน้ำเสียงร่าเริงและหน้าชื่นตาบาน แต่ใครจะรู้ว่าข้างในนั้นมันช่างเจ็บปวดดั่งมีเข็มนับพันนับหมื่นเล่มทิ่มแทงอยู่ข้างในอกข้างซ้าย
ผมได้แต่ติดตามเธอผ่านทางโซเซียลมีเดียต่าง ๆ เห็นภาพครอบครัวสุขสันต์ของเธอ ไม่ว่าจะเป็นภาพพิธีแต่งงานอย่างเรียบง่ายที่กรุงเทพฯ คลิปวิดีโอของเธอกับสามีและลูก ๆ ที่กำลังเล่นน้ำในสระว่ายน้ำของโรงแรม หรือภาพเก๋ ๆ กับแคปชั่นสุดเท่ห์ตลอดทริปฮันนีมูนนั่น
เพราะอยากลืมความเจ็บปวดเหล่านั้น ผมจึงทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ จะได้ไม่ต้องมีเวลามาคิดถึงสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ จนโปรเจคที่ผมรับผิดชอบอยู่สำเร็จลงอย่างสวยงาม
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
บริษัท เอส เค เทค จำกัด
ณ ตึกสูงระฟ้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางมหานครที่ไม่เคยหลับไหล มหานครที่เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของโลก
ชายคนหนึ่งยืนคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจขณะกำลังทอดสายตามองพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าอยู่ภายในห้องประชุมที่ไม่มีผู้คนอยู่แล้ว เอกสารบางอย่างยังคงถูกวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะ โปรเจคเตอร์ตัวใหญ่ยังคงฉายให้เห็นภาพโปรเจคสำคัญของบริษัทที่ดูเหมือนจะสำเร็จลุล่วงผ่านไปด้วยดี
“อีริค ยังอยู่เหรอจ๊ะ” เสียงอันแหบพร่าของมาดามเซรีน่าเอ่ยถามลูกชายหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องประชุมและเห็นเขากำลังยืนเหม่อลอยอยู่
อีริคสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับมา
“ครับแม่”
“ดูเหมือนว่าโปรเจคใหญ่กับทางอเมริกาจะผ่านไปได้ด้วยดีเลยนะ” มาดามเซรีน่าเอ่ยขึ้น ขณะที่กำลังมองจอโปรเจคเตอร์ รอยยิ้มเปื้อนใบหน้า
แต่เมื่อเห็นแววตาของลูกชาย เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“เหนื่อยไหม”
“ไม่เหนื่อยครับ”
“แม่ไม่ได้หมายถึงเรื่องงานหรอกนะ”
“...” อีริคเงียบไป
เขามองหน้าผู้เป็นมารดาและขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
มาดามเซรีน่าเดินเข้ามาและใช้มืออันเหี่ยวย่นซึ่งบ่งบอกตามกาลเวลาโอบอุ้มใบหน้าของลูกชายเอาไว้ ไออุ่นจากฝ่ามือของมารดาทำให้ชายวัยสี่สิบกว่าปีรู้สึกอ่อนแอเหมือนสมัยตนเองยังอายุสิบสี่
“เรื่องหัวใจน่ะ” มาดามเซรีน่าถาม
“เหนื่อยไหม”
อีริคไม่ตอบอะไร เขาหันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้มารดาเห็นหยดน้ำตาของเขา แต่ถึงกระนั้น เสียงสะอื้นเบา ๆ ยังหลุดรอดออกมาให้ได้ยินอยู่ดี
เวลาผ่านมานานมากแล้วนับตั้งแต่ตอนนั้น แต่เขาไม่สามารถทำใจลืมเซลีนได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
ว่ากันว่าช่วงเวลาที่คนจะอ่อนไหวที่สุด คือช่วงพระอาทิตย์ตกดิน เพราะบรรยากาศของมันเป็นปัจจัยเร้าอารมณ์ให้คนอ่อนไหวมากขึ้น เราจึงได้เห็นฉากโรแมนติก หรือแม้กระทั่งฉากเศร้าเคล้าน้ำตาที่อยู่ในภาพยนตร์หรือละคร เป็นช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินเสียส่วนใหญ่
ใครจะคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับผมจริง ๆ ล่ะ อีริคคิดในใจ
“แม่ครับ” อีริคเอ่ยขึ้นเมื่อทำใจให้สงบลงได้บ้างแล้ว เขาหันหน้ากลับไปทางมารดาที่ยังคงยืนเคียงข้างเขาอยู่
“หือ”
“ผมขอลาพักร้อนได้ไหมครับ”
“ได้อยู่แล้วจ้ะ” มาดามเซรีน่าลูบแขนลูกชายก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปบีบต้นแขนของเขาอย่างเบามือ
“ลูกทำงานอย่างหนักมาตลอดหลายเดือน แม่เห็นด้วยว่าถึงเวลาที่ลูกควรจะพักผ่อนบ้าง”
“ครับ”
“อย่าพักผ่อนแค่กายล่ะ” มาดามเซรีน่ายิ้มกว้าง
“พักผ่อนใจด้วย”
“ครับแม่”
“แม่ขอกอดลูกหน่อยได้ไหม”
“ได้สิครับ” อีริคในร่างสูงโปร่ง โน้มตัวลงไปกอดมารดาด้วยความรักใคร่ เธอเอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังลูกชายเบา ๆ หวังให้เขารู้สึกดีขึ้น แม้จะไม่มากเท่าไหร่ แต่เชื่อว่ามันคงช่วยเขาได้มากเลยทีเดียว
อย่าได้แตกสลายไปมากกว่านี้เลยนะ ลูกแม่ มาดามเซรีน่าคิดในใจ
หลายวันต่อมา
อีริคก้มลงมองตั๋วเครื่องบินเฟิร์สคลาสรวมถึงหนังสือเดินทางเล่มสีแดงในมือของเขาพร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ขณะนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็น เขาซึ่งยืนอยู่ในสนามบินฮีทโธรว์ที่คึกคักและเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ทว่าเขากลับรู้สึกโดดเดี่ยวกว่าที่คิด ในระหว่างที่รอเวลาขึ้นเครื่อง ทำให้หวนกระหวัดนึกไปถึงบทสนทนาที่เกิดขึ้นเมื่อหลายชั่วโมงก่อนที่เขาจะมายืนอยู่ตรงนี้
“แน่ใจใช่ไหมว่าอยากไปคนเดียว ให้ลูกน้องไปเป็นเพื่อนสักคนไหม” มาดามเซรีน่าเอ่ยถาม เมื่อลูกชายตัดสินใจไปพักร้อนเพียงลำพัง
“ครับ” อีริคพยักหน้าแล้วยิ้มให้กับผู้เป็นแม่
“ผมอยากอยู่ตามลำพังมากกว่า”
“ถ้าลูกตัดสินใจแบบนั้น แม่จะไม่ถามซ้ำ”
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจ”
“จ้ะ” มาดามเซรีน่าคว้าตัวลูกชายมากอดไว้อีกครั้ง
“เดินทางดี ๆ นะจ๊ะ”
“ครับแม่” อีริคตอบรับ ก่อนจะผละจากอ้อมกอดของผู้เป็นมารดา เขาเดินไปขึ้นรถยนต์ที่ไรอัน คนขับรถของที่บ้านเปิดประตูรอไว้ก่อนแล้ว มาดามเซรีน่ามองตามรถยนต์คันนั้นจนลับสายตาไปในที่สุด
“คุณอีริคจะอยู่ตัวคนเดียวได้จริงเหรอคะ มาดาม” เกรซ ผู้ดูแลคนใหม่ของมาดามเซรีน่าเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“อีริคของฉันอายุสี่สิบกว่าแล้วนะเกรซ ถึงเวลาที่เขาจะต้องอยู่ตัวคนเดียวได้แล้ว” มาดามเซรีน่ายิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันหลังและเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น โดยมีเกรซเดินตามหลังไปติด ๆ
ขณะที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น เสียงประกาศจากพนักงานเกี่ยวกับเที่ยวบินที่กำลังจะขึ้นบินในอีกไม่ช้าดังขึ้น หนึ่งในนั้นมีเที่ยวบินของอีริคด้วย เขาจึงสลัดความคิดทั้งหมดทิ้งไว้เบื้องหลังและรีบลากกระเป๋าเดินทางไปยังประตูทางออกสำหรับขึ้นเครื่องหมายเลขตามที่ได้ยินประกาศเรียกโดยพลัน
หวังว่าการพักร้อนครั้งนี้ จะทำให้ลืมเซลีนได้เสียที
อีริคบอกกับตัวเอง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?