ดวงตาคู่สวยมองตรงไปยังโทรศัพท์ที่สั่นไหว วีรภพพยายามติดต่อเธอนับสิบสาย แต่หญิงสาวกับเลือกที่จะตัดการติดต่อจากเขา สโรชาย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโดของตัวเอง ขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง เหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่าง
จิตใจของเธอว้าวุ่นสับสน ใจหนึ่งก็รู้สึกผิดกับวีรภพ แต่ลึก ๆ แล้วเธอก็ยังลืมวีรภัทรไม่ได้
และเธอรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับชายหนุ่มเท่าไหร่นัก ในขณะที่เขารักเธอหมดหัวใจแต่กลับไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วในใจของเธอนั้นยังมีใครบางคนซุกซ่อนอยู่
หญิงสาวไม่อยากเห็นแก่ตัว วีรภพเป็นคนดีควรได้พบเจอคนที่ดีกว่าเธอ
สโรชาใช้เวลาทำใจอยู่นานหลายวัน เธอยอมรับว่าความรู้สึกนี้ถลำลึกไปมากจนยากจะถอดถอน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถคบหากับน้องชายของอดีตคนรักได้
เธอไม่อยากเป็นต้นเหตุให้สองพี่น้องต้องบาดหมางกัน
หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน หญิงสาวตัดสินใจติดต่อกลับไปหาแฟนหนุ่ม วีรภพทั้งดีใจระคนแปลกใจ นับตั้งแต่วันที่เขานั้นพาเธอไปพบพ่อกับแม่ หญิงสาวก็ไม่เหมือนเดิม
คล้ายกับว่าเธอนั้นกลัวอะไรบางอย่าง และพยายามตีตัวออกห่างจากเขา
“หายไปไหนมา รู้ไหมว่าเป็นห่วงมากแค่ไหน”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวยิ่งรู้สึกผิด มองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจแล้ว สโรชาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอนั้นไม่ควรรั้งผู้ชายคนนี้ไว้ในชีวิต
เพราะหากเธอทำเช่นนั้นเท่ากับว่าเธอเป็นคนเห็นแก่ตัว
“ชามีเรื่องจะคุยกับคุณ”
น้ำเสียงเธอเรียบนิ่งแต่แผ่วเบา หญิงสาวอยากใช้ช่วงเวลานี้เพื่อกักเก็บความสุขให้ได้มากที่สุด ก่อนที่เธอและวีรภพจะไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกันอีก
หญิงสาวชวนชายหนุ่มไปทานอาหารที่ร้านโปรดด้วยกัน แม้เธอจะพยายามทำตัวปกติมากเพียงใดแต่ถึงอย่างนั้นวีรภพก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง
สโรชาจับจูงชายหนุ่มก่อนดึงเขาเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้า หญิงสาวหยิบเสื้อเชิ้ตขึ้นมาหนึ่งตัวก่อนจะทาบลงบนร่างอีกฝ่าย
“ดูดีมากเลยค่ะ แต่เอาสีนี้ดีกว่า”
เธอแขวนเสื้อตัวเดิมเก็บไว้ที่ราว ก่อนจะหยิบเสื้อสีเข้มกว่าออกมา ทั้งสองเข้าไปในห้องลองเสื้อ สโรชากระพริบตาถี่ ๆ หลายครั้ง เพื่อไล่หยาดน้ำที่ก่อตัวขึ้น
“มีอะไรอยากจะพูดหรือเปล่าชา”
ชายหนุ่มตัดสินใจเอ่ยถามออกมาตามตรง แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าเพราะยังไม่ถึงเวลา เธออยากตักตวงความสุขให้ได้มากที่สุด อยากมอบความทรงจำดี ๆ ให้กับชายคนรักก่อนที่เธอนั้นจะตัดสินใจจบความสัมพันธ์กับเขา
“มีค่ะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
หญิงสาวว่าอย่างนั้นก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง เธอปลดกระดุมเสื้อชายหนุ่มก่อนจะสวมเสื้อตัวใหม่ให้แก่เขา
“ดูดีมากเลยค่ะ เอาตัวนี้เลยละกัน”
ว่าแล้วหญิงสาวก็ถือเสื้อไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน ก่อนจะยื่นถุงกระดาษให้ชายหนุ่ม
“สุขสันต์วันเกิดนะคะ”
อีกเพียงสองวันก็จะเป็นวันเกิดของชายหนุ่มแล้ว หญิงสาวจึงอยากที่จะซื้อของขวัญสักชิ้นให้กับเขา ก่อนหน้านี้เธอได้ยินเขาบ่นเกี่ยวกับเรื่องเสื้อ จึงตั้งใจซื้อให้ เพราะเชื่อว่าชายหนุ่มนั้นจะนำไปใช้ประโยชน์ได้
“เดี๋ยวพี่คืนเงินให้นะ”
“คืนทำไมคะ ชาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด”
หญิงสาวเอ่ย ก่อนจะดึงชายหนุ่มเข้าไปในร้านขายขนมหวาน ที่นี่มีทั้งลูกกวาดและเยลลี่หนุบหนับ สโรชาจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เธอเคยกอดถังเยลลี่จนหลับไป ทั้งตอนนั้นยังกินลูกกวาดมากจนฟันผุหมดทั้งปาก
“ลองชิมอันนี้ดูนะคะ อร่อยมาก”
หญิงสาวหันมาเอ่ยกับชายหนุ่ม ก่อนจะคีบขนมหวานหลากสีวางลงในถาด แม้จะหมดเงินไปเกือบหนึ่งพันบาท แต่หญิงสาวก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย
เธอชวนแฟนหนุ่มมานั่งเล่นที่ลานกว้างกลางห้าง ก่อนจะล้วงหยิบขนมให้อีกฝ่ายชิมทีละชิ้น
“เป็นยังไงคะอร่อยไหม”
ชายหนุ่มพยักหน้า เขาไม่คิดว่าเยลลี่หน้าตาธรรมดาจะมีรสชาติหอมหวานขนาดนี้ หากไม่ใช่เพราะคำชักชวนของหญิงสาว คงยากมากที่คนอย่างเขาจะหยิบขนมเหล่านี้เข้าปาก ชายหนุ่มมองว่ามันเป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความคิดของชายหนุ่มนั้นจะเปลี่ยนไปทีละนิด
เขาเพิ่งเข้าใจคำว่ารสชาติแห่งความสุขก็วันนี้
“ไม่เคยรู้เลยว่าจะอร่อยขนาดนี้”
“แล้วตอนเด็ก ๆ ไม่เคยกินขนมแบบนี้เลยเหรอคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ชายหนุ่มนิ่งไปสักพักก่อนพยักหน้า มันอาจจะดูตลกสำหรับใครบางคน แต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า
เขาเติบโตมาในโรงพยาบาล เพราะเมื่อครั้งยังเด็กมีโรคมากมายรุมเร้า ทำให้ต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลจนแทบจะกลายเป็นบ้านหลังที่สอง
วีรภพถูกสั่งห้ามไม่ให้ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เขาจึงได้แต่มองคนอื่นลิ้มรสชาติของความเป็นเด็ก ในขณะที่ตัวเขานั้นไม่มีสิทธิ์แตะต้อง
“ทำไมล่ะคะ”
“ผมสุขภาพไม่ค่อยดี เลยไม่เคยได้กินขนมแบบเด็กคนอื่น”
ความรู้สึกผิดแล่นขึ้นมาในใจหญิงสาว ทั้งที่เขาเคยเผชิญกับความทุกข์สาหัสแต่กลับไม่เคยเล่าให้เธอฟัง หญิงสาวเริ่มลังเลว่าควรจะบอกเลิกเขาดีหรือไม่
“ชีวิตวัยเด็กของผมไม่ค่อยมีความสุขนักหรอก แต่ตอนนี้ผมมีความสุขมากเลยนะ ที่มีชาอยู่เคียงข้าง”
ได้ยินเช่นนั้นหัวใจหญิงสาวก็กระตุกวูบ เธอแทบจะร้องไห้ออกมาโชคดีที่ยังอดกลั้นไว้ได้
“บางทีการมีชา อาจไม่ใช่ความสุขอย่างที่คุณเข้าใจก็ได้”
หญิงสาวเอ่ยขึ้น เธอไม่ควรสงสารชายหนุ่มจนทำร้ายเขาไปมากกว่านี้
ถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะปล่อยวีรภพไป
“ทำไมถึงพูดแบบนั้น”
ชายหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยดีนักเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว รู้สึกว่าเธอนั้นกำลังจะไปจากเขา วีรภาพมีสีหน้าไม่สบายใจ ยิ่งเมื่อเห็นหญิงสาวขยับตัวออกห่างเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี
“ชาว่าเราสองคนไปกันไม่ได้หรอกค่ะ”
ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มชะงักนิ่งไปสักพักก่อนจะพยายามรั้งหญิงสาว
“อย่าคิดแบบนั้นสิ ตราบใดที่เรารักกัน…”
“แค่ความรักมันไม่พอค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยขัดขึ้น เธอรักวีรภพมาก มากกว่าที่เคยรู้สึกกับวีรภัทรเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะใจของเธอมันไม่รักดี ไม่ยอมลืมคนเก่าเสียที เธอจึงรู้สึกผิดและไม่อยากทำร้ายชายหนุ่มไปมากกว่านี้
“เราเลิกกันเถอะค่ะ”
“ไม่! ผมไม่เลิก ผมทำอะไรผิดเหรอชา”
ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ ที่ผ่านมาเขาดูแลเธอเป็นอย่างดี ไม่เคยคิดนอกใจ ไม่เคยแม้แต่จะทำให้เธอนั้นต้องเสียความรู้สึก
แต่จู่ ๆ หญิงสาวกลับคิดจะไปจากชีวิตเขากระทันหัน
“ไม่ผิดเลยค่ะ ชาต่างหากที่ผิด”
หญิงสาวว่าอย่างนั้น ทุกอย่างเป็นความผิดเธอเอง หากเธอเอะใจสักนิดว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน ป่านนี้เรื่องระหว่างเธอกับวีรภพคงจบไปแล้ว คงไม่ต้องรอให้ทุกอย่างถลำลึกมาจนถึงขั้นนี้
“ในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมก็ไม่ยอมเลิกเด็ดขาด”
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยใบหน้าขึงเครียด เขาไม่ต้องการที่จะเสียหญิงสาวไป อีกทั้งเหตุผลของเธอนั้นมันก็ไร้สาระเกินกว่าที่เขาจะยอมรับได้
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?