สโรชาตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้า เธอแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ ช่วงสองวันแรกร้องไห้จนตาบวมจนเธอนั้นจำต้องขอพักการทำงานชั่วคราว หญิงสาวใช้เวลาที่ว่างไปกับการนอนอยู่บนเตียง ดวงตาคู่สวยเหม่อมองเพดานนิ่ง หัวสมองขาวโพลน ในขณะที่ร่างกายนั้นไร้เรี่ยวแรง
สโรชากินข้าวไปได้แค่สองคำก็วางช้อนลง สองวันมานี้เธอกินอะไรไม่ได้เลย ถึงกินเข้าไปยังไงก็อาเจียนออกหมด หญิงสาวรู้ดีว่าเธอน่าจะเครียดลงกระเพาะ เนื่องจากว่าเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะส่งผลกระทบต่อจิตใจ
สโรชาทิ้งตัวนอนลงบนเตียง เธอไม่อยากทำอะไรเลย โทรศัพท์วางไว้ข้างกาย มีเสียงข้อความแจ้งเตือนตลอดเวลาจนเธอรำคาญ
ผู้คนต่างสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอและวีรภัทร จนป่านนี้ข่าวลือเรื่องการเลิกลาคงจะแพร่กระจายไปทั่วแล้ว แม้เธอจะยังไม่ได้บอกใคร แต่ทุกคนก็อาจจะสังเกตเห็นถึงความสัมพันธ์ที่ห่างเหินของเธอและอดีตคนรัก
หญิงสาวยังทำใจไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอไม่คิดว่าจะต้องเลิกลากับแฟนหนุ่มกะทันหันแบบนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ ให้ถอยกลับไปตอนนี้เธอคงไม่ยอมแน่
วีรภัทรตั้งใจเมินเธอเพราะผู้หญิงคนอื่น เหตุผลแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเลิกลากับเขา
อีกอย่างเธอรับไม่ได้หากต้องใช้ผู้ชายร่วมกับใคร โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างมนชนก ที่พยายามใช้ความเป็นเพื่อนแทรกซึมแทรกกลางความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอดีตคนรักตลอดเวลา
ในฐานะผู้หญิงด้วยกันเธอดูออกว่าอีกฝ่ายนั้นคิดอะไรอยู่ เธอพยายามเตือนอดีตคนรักเรื่องนี้หลายครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
เขายังคงเห็นเพื่อนดีกว่าเธอเสมอ ที่เป็นเหตุผลที่เธอตัดสินใจคืนอิสระให้กับเขา
สโรชาคิดมาก ความเครียดทำให้ร่างกายของเธอทรุดโทรมลง หญิงสาวอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงก่อนจะนอนหมดสภาพอยู่ในห้องน้ำ
ซึ่งขณะนั้นวันวิสาก็เดินทางมาเยี่ยมพอดี เมื่อเห็นว่าสโรชานอนสลบอยู่ที่พื้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก เธอรีบประคองเพื่อน ก่อนจะลากอีกฝ่ายมานอนที่โซฟาอย่างทุลักทุเล
ขณะนั้นหญิงสาวก็ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางอ่อนเพลีย เมื่อเห็นว่าวันวิสากำลังยืนมองเธออยู่ ร่างบางก็รีบดันตัวลุกขึ้นนั่ง
“แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็มาเห็นตอนที่แกนอนหมดสภาพอยู่ในห้องน้ำนั่นแหละ”
วันวิสาถอนหายใจ ก่อนที่เธอจะไปหาน้ำมาให้อีกฝ่ายดื่ม สโรชาปฏิเสธแต่เมื่อถูกคะยั้นคะยอเธอจึงจำใจต้องยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
ผู้เป็นเพื่อนส่ายศีรษะ ไม่คิดว่าจะพบอีกฝ่ายในสภาพเช่นนี้ ปกติสโรชาเป็นคนที่ดูแลตัวเองอยู่เสมอ ไม่เคยทรุดโทรมให้เห็นเลยสักครั้ง
วันวิสามองผมเผ้าที่รุงรัง ดวงตาบวมช้ำเห็นได้ชัดว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ทั้งอีกฝ่ายยังสวมเสื้อยืดตัวโคร่ง ซึ่งเป็นตัวเดียวกับเมื่อสองวันก่อน
ไม่อยากจะเชื่อว่าความรักสามารถเปลี่ยนแปลงคน ๆ หนึ่งไปได้มากขนาดนี้
“แกไหวไหมเนี่ย”
สโรชาชะงักนิ่งก่อนจะส่ายหน้าอย่างช้า ๆ เธอรู้สึกว่าโลกมันมืดมนไปหมดตั้งแต่วันที่ไม่มีวีรภัทรในชีวิต เธอแทบจะกินไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ แม้จะพยายามพึ่งแอลกอฮอล์ พึ่งยานอนหลับแล้วก็ตาม แต่สองสิ่งนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายนัก
วันวิสาเห็นว่าหากขลุกตัวอยู่ในห้องก็มีแต่จะทำให้ฟุ้งซ่าน เธอจึงเอ่ยปากชวนเพื่อนรักให้ออกไปเปิดหูเปิดตาด้วยกัน
เธอไล่อีกฝ่ายให้ไปอาบน้ำ ก่อนจะหยิบเดรสรัดรูปสีดำออกมาจากตู้เสื้อผ้า
“แกใส่ชุดนี้ละกัน”
สโรชาเซื่องซึมทำอะไรก็ดูเชื่องช้าไปหมด จนวันวิสานั้นต้องเข้าไปช่วย
“ชีวิตมันไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความรัก แกอย่าไปจมปลักมาก”
ในฐานะคนที่เคยผ่านความล้มเหลวมาก่อน วันวิสาจึงเตือนเพื่อนด้วยความหวังดี หญิงสาวเคยผ่านการแต่งงานมาถึงสองครั้ง แต่โชคร้ายที่เจอผู้ชายไม่ดีสักคน
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยนั่งเศร้า ในเมื่อคนมันเลวตัดทิ้งไปก็นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายเลยสักนิด
ทั้งสองเดินทางมาที่สถานบันเทิงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดมากนัก สายตาชายหนุ่มหลายคนมองตรงมายังสองสาว สโรชารู้สึกประหม่า โดยปกติแล้วเธอไม่ใช่คนชอบเที่ยวกลางคืน กลับจากที่ทำงานก็อาบน้ำนอนทันที
แม้ว่าวันวิสาจะโทรมาชวนทุกวัน แต่เธอก็ปฏิเสธทุกครั้ง
“ฉันเห็นว่ามีคนมองแก”
วันวิสาเอ่ยกระซิบเพื่อนสาว ก่อนที่ทั้งสองจะมองตรงไปยังด้านหน้า ชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ กระดุมสองเม็ดถูกปลดออกจนเผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง
สายตาคมกริบมองตรงมายังสองสาว จนดูไม่ออกว่าเขากำลังจับจ้องใคร
“เขาอาจจะมองแกก็ได้”
สโรชาพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่วันวิสาส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้มองเธออย่างแน่นอน หญิงสาวมั่นใจว่าคนตรงหน้าต้องสนใจเพื่อนรักของเธอ
วันวิสาไม่รอช้ารีบดึงแขนเพื่อนตรงเข้าไปหาชายแปลกหน้า ยิ่งเมื่อมองใกล้ ๆ สโรชาก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขา ราวกับว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน
ทั้งสองสบตาก่อนที่ชายหนุ่มจะยกยิ้มและเอ่ยเชิญชวนทั้งคู่ให้นั่งด้วยกัน
“ผม วีรภพนะครับ”
“คนนี้สโรชาค่ะ”
วันวิสาไม่ยอมแนะนำตัวเอง แต่เลือกที่จะแนะนำสโรชาให้ชายหนุ่มรู้จักแทน เธอมีความหวังว่าคนตรงหน้าจะช่วยลบเลือนความเศร้าในใจของสโรชาได้
“งั้นผมขอเรียกว่าคุณชานะครับ”
“เรียกชาเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”
สโรชาตวัดสายตามองเพื่อนก่อนยกยิ้มจืดเจื่อน วันวิสาจัดแจงทุกอย่างจนเธอไม่สามารถปฏิเสธได้
“เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ฝากเพื่อนฉันด้วยนะคะคุณวีรภพ”
สโรชาไม่ทันได้ทักท้วง วันวิสาก็เดินไปไกลมากแล้ว หญิงสาวสบตาชายหนุ่มก่อนจะหลุบตามองแก้วไวน์ที่วางตั้งอยู่ตรงหน้า
“ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ตามสบายเลย”
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะพูดแบบนั้นแต่เธอก็ยังรู้สึกประหม่า ยิ่งเวลาที่สบตาเขา ความรู้สึกแปลก ๆ ก็ก่อตัวขึ้นในใจ
“คุณชาจะดื่มอะไรไหมครับ”
“น้ำอัดลมดีกว่าค่ะ”
ช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอดื่มค่อนข้างหนัก จึงไม่อยากทำลายสุขภาพไปมากกว่านี้ อีกทั้งเธอไม่กล้าดื่มนอกสถานที่ กลัวว่าหากเมามายกับผู้ชายแปลกหน้าแล้วอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้น
สังคมสมัยนี้น่ากลัว รู้หน้าไม่รู้ใจ
“ปกติไม่ดื่มเหรอครับ”
“ก็มีบ้างค่ะ แต่ไม่บ่อย”
นาน ๆ ครั้งเธอถึงจะดื่มสักที ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นงานสังสรรค์เสียมากกว่า ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันมากขึ้น วีรภพชอบที่หญิงสาวนั้นมีความคิดความอ่านคล้ายกับเขา ทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอ เพียงไม่นานก็สนิทสนมกันอย่างง่ายดาย
“คุณชาทำงานที่ไหนเหรอครับ”
คุยกันมาตั้งนานเขาก็ลืมถามไปเลยว่าเธอนั้นทำงานอยู่ที่ไหน หญิงสาวลังเลว่าควรจะตอบดีไหมเพราะเธอนั้นตั้งใจว่าจะลาออกอยู่แล้ว
“เพิ่งลาออกค่ะ ตอนนี้กำลังหางานใหม่อยู่”
ชายหนุ่มพยักหน้า ใจจริงเขาอยากแนะนำงานให้เธอ แต่คิดว่ามันอาจจะดูเสียมารยาท หากเข้าไปแทรกแซงเรื่องส่วนตัวของหญิงสาว
“แล้วคุณล่ะคะ ทำงานอะไร”
“ผมเป็นตากล้องอิสระ รับงานถ่ายรูปทั่วไปครับ”
นี่คืออาชีพหลักของเขา อาชีพที่ช่วยหล่อเลี้ยงและสร้างรายได้ วีรภพเปิดอัลบั้มรูปที่ถูกถ่ายโดยฝีมือของเขาให้หญิงสาวดู สโรชาเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมฝีมือของเขา
“สวยมากเลยค่ะ”
“แต่ผมว่ามีอย่างอื่นที่สวยกว่านี้นะ” หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“อะไรเหรอคะ ?” “คุณไง”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?