ฟางหลี่เอนหลังอยู่บนเก้าอี้คนงามที่กู้ชางเพิ่งให้คนส่งมาให้เมื่อวาน นางเท้าคางมองสาวใช้นับเครื่องประดับ บางครั้งก็กรีดนิ้วหยิบชิ้นนั้นขึ้นทาบ หยิบชิ้นนี้ขึ้นมอง ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนใจจนสาวใช้คนสนิททนไม่ไหวต้องเอ่ยปาก
“อี๋เหนียงเจ้าคะ ปล่อยให้นายท่านไปเรือนฮูหยินใหญ่เช่นนี้จะดีหรือเจ้าคะ”
ฟางหลี่หัวเราะเสียงเบา ในน้ำเสียงมีแต่ความรื่นเริงหาความอิจฉาไม่ได้สักนิด นางหยิบปิ่นหยกขึ้นเสียบบนมวยผมก่อนหันมองเงาตนเองผ่านคันฉ่อง
“ข้าจงใจทรมานฮูหยิน นายท่านจะยิ่งชอบเสียอีก ไม่เห็นหรือว่าสามวันมานี้แม้เขาจะไม่ได้ค้างที่เรือนข้าแต่กลับมีของมากมายส่งมาให้ไม่ขาด มากกว่าตอนที่เขาให้ฮูหยิน อีกกระมัง”
สาวใช้คนสนิทเป็นคนที่ฟางหลี่เลือกมาด้วยตนเอง แต่อย่างไรก็เพิ่งอยู่ด้วยกันไม่นานจึงยังไม่เข้าใจเจตนาของนางดีนัก
“นายท่านไม่ชอบฮูหยินถึงขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ”
“เขาไม่ใช่แค่ไม่ชอบ แต่เกลียดเลยต่างหาก” ฟางหลี่ค่อย ดึงปิ่นหยกออกอย่างทะนุถนอม ส่งให้สาวใช้ข้างกายเก็บใส่กล่อง “คนที่เขารักคือเจ้านายเก่าของข้า แต่เพราะฮูหยินหลงรักนายท่านมากจนทนไม่ไหวถึงได้แย่งชิงงานแต่งพี่สาวมาเป็นของตนเอง ทำเอาคุณหนูลี่จูหนีเตลิดไปไกลผ่านมาสองเดือนยังหาไม่เจอ ยิ่งนายท่านเห็นหน้าฮูหยินก็จะยิ่งโมโห ขอแค่ข้าสามารถทำให้ฮูหยินต้องอดทนอดกลั้นได้ นายท่านย่อมพอใจ”
สาวใช้คนสนิทได้ยินดังนั้นก็ปรบมือเสียงดัง “อี๋เหนียงปราดเปรื่องนัก อีกไม่นานจะต้องเหยียบหัวฮูหยินได้แน่นอนเจ้าค่ะ”
ฟางหลี่ยิ้มแย้มฟังคำเยินยอแต่ไม่ได้ตอบอันใดกลับไป ทำเพียงมองสำรวจเครื่องประดับอย่างเฉยเมย ต่อให้คุณหนูลี่จูถูกตามกลับมาได้แล้วอย่างไร ตลอดมาเป็นนางที่ช่วยให้นายท่านได้แก้แค้น ถึงนายท่านจะไม่สนใจใยดีนางแล้วแต่ของมีค่าพวกนี้กลับเป็นของนางทั้งหมด ถึงตอนนั้นนางก็แค่บีบน้ำตาเล่าความเท็จให้คุณหนูลี่จูฟังเสียหน่อย ช้าเร็วนางก็จะได้รับรางวัล หลังจากนั้นก็จะออกจากคฤหาสน์สกุลกู้ไปมีชีวิตเป็นของตนเองได้
แน่นอนว่าของเหล่านี้กู้ชางไม่มีทางหวงแหน เขาต้องให้นางไปด้วยแน่นอน
แต่เมิ่งลี่อินคงไม่โชคดีเช่นนางหรอก
หากคุณหนูใหญ่กลับมา คุณหนูสามก็มีแต่วันตายที่รออยู่เท่านั้น
ฟางหลี่แย้มยิ้มกว้าง นางเบนสายตามองเรือนใหญ่พลางหัวเราะเสียงต่ำ ในดวงตามีความหมายมั่นจาง ๆ
กู้ชางไม่ได้กลับเรือนอนุฟางมาหลายวันแล้ว อาจจะห้าวัน สิบวันหรืออาจจะสองสัปดาห์เมิ่งลี่อินก็ไม่แน่ใจนัก นางรู้เพียงว่าในแต่ละวันช่างผ่านไปอย่างยากลำบาก นางโดนเขาทรมานตั้งแต่เย็นจนดึกดื่น ประเดี๋ยวเรียกให้ทำสิ่งนั้นประเดี๋ยวใช้ทำสิ่งนี้ กว่าเขาจะไล่นางออกมาตั่งด้านนอกเมิ่งลี่อินก็แทบหมดแรง
ทั้งในตอนเช้ายังต้องตื่นมาคอยปรนนิบัติรับใช้เขาอีก กู้ชางมาจนป่านนี้ก็ไม่ยอมให้สาวใช้ช่วยงานสักนิด ถึงขั้นปล่อยให้สาวใช้ยืนดูนางทำงานหนักเสียด้วยซ้ำ เมื่อเผชิญกับการเหยียบย่ำจนเกินจะทานทนเมิ่งลี่อินทำได้เพียงตัดการรับรู้ทุกอย่าง นางก้มหน้าก้มตาทำงาน จากที่พูดน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งพูดน้อยเข้าไปใหญ่
ทว่าวันนี้ไม่รู้เพราะเหตุใด กู้ชางออกจากเรือนไปตั้งแต่ฟ้าสางแต่จนดวงจันทร์ลอยเด่นกลางนภาเขายังไม่กลับมา
เมิ่งลี่อินชะเง้อคอมอง เรือนอนุฟางดับไฟแล้ว
หรือสามีนางจะกลับมาแล้วจริง ๆ เพียงแต่เขาไม่มาเรือนใหญ่และไปที่เรือนจันทร์กระจ่างแล้ว?
เมิ่งลี่อินขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าเห็นด้วยกับตนเอง เขาคงไปหาอนุฟางแล้วจริง ๆ นั่นแหละ เช่นนั้นนางก็ไม่ต้องรอแล้ว ในที่สุดก็จะได้นอนแต่หัวค่ำเสียทีหนึ่ง
หญิงสาวมีความสุขมากเสียจนใบหน้าน่ารักเผยรอยยิ้มกว้างขวาง ทั่วร่างอาบย้อมไปด้วยความสุขที่บรรยายไม่ถูก ตั้งแต่หัวจดเท้าราวมีความนุ่มนวลสายหนึ่งปกคลุมทำให้บรรยากาศรอบตัวนางแตกต่างจากในวันปกติอักโข
เมิ่งลี่อินหมุนกายเดินกลับเข้าไปในเรือน ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้จัดแต่งหมอนและผ้าห่มที่เก็บกลับมาวางบนตั่งเตียงดี ๆ แขนก็ถูกกระชากไปทางหนึ่ง
“อ๊ะ-!”
ริมฝีปากสีอ่อนหลุดอุทานออกมาได้เพียงนิดก็ถูกร่างสูงถาโถมเข้าใส่ กลิ่นสุราฉุนกึกปะทะเข้าหน้าจนเมิ่งลี่อินสมองมึนเบลอถึงขั้นลืมไปว่าต้องผลักอีกฝ่ายออกตอนนี้เลย นางลืมตาขึ้นมอง ที่แท้ก็เป็นสามีร้ายกาจของนาง เขาใบหน้าแดงก่ำ ทั้งหูและหางตามีความมึนเมาวนเวียนไม่ห่างหายจนทำให้สีหน้าที่มักจะติดรำคาญดูอ่อนโยนขึ้นมาแวบหนึ่ง
แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น
“ลี่จู...”
เมิ่งลี่อินที่กำลังจะเอ่ยปากห้ามถึงกับตัวชา มือไม้แข็งขืนไม่มีแรงจะผลักคนออก
นี่เขาถึงขั้น... เห็นข้าเป็นพี่ใหญ่?
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?