ตอนที่ 20 คืนฝันหวาน

กู้ชางมึนเมาเสียจนตาลาย เขาคว้าจับสตรีได้ก็เผลอนึกไปถึงนางในดวงใจผู้นั้นจึงหลุดปากเรียกออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทว่าเพียงชั่วครู่สมองกลับนึกถึงใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มและดวงตากลมโตคู่หนึ่ง แม้ลูกแก้วสีอ่อนจะมีความหวาดระแวงและความเจ็บปวดฉายชัดแต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเอ็นดูได้ไม่อยาก

กู้ชางเมื่อนึกถึงภรรยาก็เริ่มไม่เบิกบานใจแล้ว เขาขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดลมหายใจเปลี่ยนเป็นหนักหน่วง ถึงขั้นโน้มใบหน้าเข้าใกล้กัดริมฝีปากนิ่มแรง ๆ จนเมิ่งลี่อินสะท้านไปทั้งกาย

“เมิ่งลี่อิน เจ้าต้องชดใช้”

เมิ่งลี่อินถูกเขาจับพลิกคว่ำพลิกหงายอยู่ครึ่งค่อนคืนกว่าจะยอมปล่อย อันที่จริงเขาไม่ได้ปล่อยนางแต่เป็นเพราะเมาเกินไปจนผล็อยหลับไปต่างหาก เมิ่งลี่อินเนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบและรอยจ้ำมากมาย นางหยัดกายขึ้นอยากจะล้างเนื้อล้างตัวให้สบายเสียหน่อย แต่แค่ยกศีรษะก็รวดร้าวเกินจะทานทนเสียแล้ว

นางขดตัวนอนอยู่มุมด้านข้างตั่งเตียง หลั่งน้ำตาเงียบ ๆ คนเดียว

ห่างไปไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือคือท่อนแขนแข็งแรงของสามี ร่างกายเขาอุ่นร้อนผิวกายแดงเรื่อจากฤทธิ์สุราแรง ทว่าในใจเมิ่งลี่อินนอกจากความอัดอั้นและความหนาวเหน็บที่คืบคลานก็ไม่มีสิ่งอื่นให้สัมผัสอีก

กู้ชางกว่าจะลืมตาตื่นก็สายมากแล้ว แสงแดดอ่อนจางลอดผ่านช่องว่างเล็ก ๆ ข้างหน้าต่างตกกระทบใบหน้าจนเกิดเป็นเงาสายหนึ่งมองดูแล้วให้ความรู้สึกแปลกพิกลนัก เขาค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้น ศีรษะปวดจนแทบจะระเบิดทำเอาสีหน้าคุณชายกู้บิดเบี้ยวไปตามแรงอารมณ์ เขาถอนหายใจหนัก ๆ คราหนึ่ง ตั้งใจจะลุกขึ้นเรียกบ่าวไพร่ก็ถึงกับตกใจกับภาพตรงหน้า

ด้านข้างมือคือร่างแน่งน้อยนางหนึ่งนอนคุดคู้กอดหมอนใบเล็ก ผ้าห่มที่คลุมไว้ตกลงบนไหล่เผยให้เห็นผิวกายขาวสะอาดมีรอยจ้ำเล็กใหญ่สลับกันประปราย พวงแก้มของนางวางอยู่บนฝ่ามือที่สอดประสานรองศีรษะยิ่งขับเน้นให้ใบหน้าจิ้มลิ้มราวกระเบื้องเคลือบดูน่ารักขึ้นไม่น้อย ลมหายใจนางเข้าออกสม่ำเสมอ คล้ายไม่รู้สึกตัวสักนิดว่ามีคนกำลังจับจ้องอยู่

เมิ่งลี่อินมานอนข้างเขาได้อย่างไร?

กู้ชางสับสนสมองมึนเบลอไปชั่วขณะ อันที่จริงเขากลับมาที่เรือนได้อย่างไรก็ไม่มั่นใจนัก คลับคล้ายคลับคลาว่ามีบ่าวชายประคองมาถึงหน้าประตูเรือน แต่ยังไม่ทันได้สั่งอันใดบ่าวพวกนั้นก็จับเขายัดเข้าเรือนใหญ่เสียแล้ว

นับตั้งแต่เมิ่งลี่จูจากไปเขาก็เอาแต่ออกไปตามหานางทุกวัน ทุกซอกทุกมุมของเมืองถูกเขาค้นหานับครั้งไม่ถ้วน บางครั้งก็ออกนอกเมืองไปหมู่บ้านเล็กใหญ่ด้านนอก เพียรพยายามตามหานางถึงเพียงนั้นแต่กลับไม่ได้รับข่าวสักเศษเสี้ยว อารามร้อนใจถึงขั้นทุกข์ระทมผลักให้เขาหันหน้าเข้าหาสุรา ยังไม่ทันห้ามปรามตนเองก็มึนเมาเสียแล้ว

เสียงทะเลาะเบาะแว้งในเหลาสุรา เสียงบ่าวชายห้ามปราม ภาพเรือนลางในสมองค่อย ๆ จางหาย หลังจากนั้นเกิดอันใดขึ้นบ้างก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เพียงแต่เขาจำได้ขึ้นใจว่าเมื่อคืนเขามีฝันแสนหอมหวาน มีความสุขเสียราวกับร่างกายจะหลุดลอย สุขสมเปรมปรีดิ์จนไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้

ที่แท้เมื่อคืนก็คือนาง?

ที่แท้เป็นเมิ่งลี่อินหาใช่ลี่จู?

กู้ชางเม้มริมฝีปากแน่น อยากจะบอกตนเองว่าทั้งหมดนี่เป็นเรื่องโกหก แต่ความจริงที่วางอยู่ตรงหน้าทำให้เขาพูดไม่ออก ตั้งแต่คืนแต่งงานเขาก็สาบานว่าจะไม่แตะต้องนางอีก ผ่านไปไม่ถึงสองเดือนเขากลับลากนางขึ้นเตียงเสียได้

ทั้งยัง... ชมชอบอยู่มากด้วย

ความรู้สึกในอกราวเส้นด้ายนับหมื่นนับพันกระจัดกระจายจัดเรียงไม่ถูก บ้างสับสนบ้างลังเล อารมณ์พวกนั้นหมุนวนอยู่ในสมองแล่นปราดไปตามมือและเท้าจนกู้ชางทำอันใดไม่ได้ นอกจากเรียกความโกรธขึ้นบังหน้า ตวาดเสียงกร้าวเพื่อกลบเกลื่อนความอับอายในดวงตา

“เมิ่งลี่อิน! เจ้าทำอันใด!”

เมิ่งลี่อินเปิดเปลือกตาอย่างสะลึมสะลือ นางยังไม่ทันมองภาพตรงหน้าให้ชัดถนัดตาทั้งยังไม่ทันตั้งสติก็ถูกเสียงแข็งกระแทกใส่หู

“เจ้ากล้ายั่วยวนข้า! เมิ่งลี่อิน ชีวิตของเจ้าไม่อยากมีอยู่แล้วใช่หรือไม่!?”

นางเงยหน้ามองสีหน้าเกรี้ยวกราดครั้งหนึ่ง สติที่หลุดลอยค่อย ๆ กลับมาแจ่มชัด “ท่านกล่าวอันใด?”

เดิมทีน้ำเสียงแหบแห้งปลายเสียงเจืออารมณ์เล็กน้อยในยามเช้าสมควรทำให้บุรุษทะนุถนอมเอาใจ แต่เพราะกู้ชางหาใช่บุรุษทั่วไปและเมิ่งลี่อินก็หาใช่สตรีทั่วไปเช่นกัน บทสนทนาของคนทั้งคู่ไม่คล้ายสามีภรรยาแต่กลับคล้ายกรมราชทัณฑ์สอบสวนนักโทษมากกว่า

“ข้าเข้ามาอยู่ในเรือนใหญ่ได้อย่างไร? ทั้ง ๆ ที่ข้ามึนเมาปานนั้นเจ้าหรือจะดูแลไหว เหตุใดไม่ส่งข้าไปที่เรือนอนุฟาง เจ้าคิดหรือว่าปีนเตียงข้าได้แล้วจะทำให้ข้าใจอ่อน เมิ่งลี่อิน ต่อให้เจ้าตายตรงหน้าข้า ข้าก็จะไม่ปรานีเด็ดขาด!”

คนพูดโทสะสูงเสียดฟ้า กู้ชางดวงตาวาวโรจน์ ครึ่งหนึ่งโมโหตนเองที่เกิดนึกชอบในสัมผัสที่นางมอบให้ อีกครึ่งหนึ่งไม่แน่ชัดว่าเป็นความรู้สึกผิดต่อเมิ่งลี่จูหรือความสับสนในใจกันแน่

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ