หลังจากจัดการอาหารเช้าส่วนของตนเองเสร็จเมิ่งลี่อินก็เห็นสาวใช้จากเรือนตะวันตกเข้ามาเก็บเสื้อผ้าไปเงียบ ๆ สาวใช้พวกนั้นเป็นคนของฮูหยินใหญ่ ปกติไม่ได้เหยียดหยามฮูหยินน้อยผู้นี้แต่ก็ไม่ได้มีสีหน้าดี ๆ ให้เช่นกัน
เพราะเมิ่งลี่อินไม่มีสาวใช้ ทั้งสาวใช้แรงงานก็ไม่เต็มใจจะรับใช้นางจึงไม่มีใครนำเสื้อผ้าของนางไปซักให้สักคน ตอนที่นางเอ่ยปากถามสาวใช้ของแม่สามีว่าโรงซักล้างอยู่ที่ใด เจียงฮูหยินก็เกือบจะเป็นลมเป็นแล้งเพราะตกใจจนเกินไป
ฮูหยินน้อยสกุลกู้ลำบากลำบนถึงขั้นต้องซักเสื้อผ้าเอง?
หากเรื่องนี้หลุดออกไปไม่รู้จะมีสักกี่คนมองสกุลกู้เป็นตัวตลก
เจียงฮูหยินจึงสั่งให้สาวใช้ในเรือนตนเองเป็นผู้ซักล้างให้ฮูหยินน้อย ไม่ให้ลูกสะใภ้ต้องตกระกำลำบากจนเกินไปนัก
เมิ่งลี่อินจัดการงานในตอนเช้าเสร็จก็ตั้งใจจะทำงานในเรือนต่อ เรือนใหญ่มีเครื่องเรือนดี ๆ อยู่มาก เพียงแต่จัดวางด้วยตำแหน่งไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่จึงทำให้ความงดงามของพวกมันขัดกันเอง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกขัดแย้งในใจ นางจึงจัดการเองเสียเลย
แต่กว่าจะเลื่อนเครื่องเรือนเสร็จตะวันก็ใกล้ตกดินแล้ว เมิ่งลี่อินอุทานเสียงเบา “เย็นขนาดนี้แล้วหรือ?”
นางทำงานจนลืมตัว นอกจากจะไม่ได้รับสำรับกลางวันก็ยังไม่ได้เริ่มเตรียมสำรับเย็นสักนิดเดียว หากไม่รีบเข้าครัวเสียตั้งแต่ตอนนี้จะต้องทำเสร็จย่ำค่ำเป็นแน่
เมิ่งลี่อินรีบออกแรงผลักเก้าอี้คนงามไปข้างหน้าต่าง แต่ยังเลื่อนไปไม่ถึงครึ่งเสียงเปิดประตูเรือนก็ดังขึ้นกลางคัน
“นั่นเจ้าทำอันใด?”
เมิ่งลี่อินรู้สึกเหมือนเคยได้ยินประโยคนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง นางปล่อยมือช้า ๆ อธิบายเสียงเบา “ข้าเห็นว่าเก้าอี้ตัวนี้ถูกวางไว้ข้างประตูไม่ค่อยได้ใช้งานทั้งยังดูแล้วไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่จึงคิดจะย้ายไปไว้ข้างหน้าต่างเจ้าค่ะ”
กู้ชางได้ยินเช่นนั้นก็กวาดสายตามองรอบ ๆ เป็นครั้งแรกที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าตำแหน่งการวางตั่งเก้าอี้และของตกแต่งในเรือนใหญ่เปลี่ยนไปมาก แต่เปลี่ยนอย่างไรก็ไม่แน่ชัดนัก รู้เพียงว่าจากที่เขาตั้งใจตกแต่งเรือนตามแบบที่เมิ่งลี่จูพอใจ เมื่อมาเป็นเช่นนี้กลับให้ความรู้สึกดีมากทีเดียว
“ทั้งหมดฝีมือเจ้า?”
เมิ่งลี่อินก้มหน้าต่ำ “เจ้าค่ะ”
กู้ชางขมวดคิ้ว เอ่ยปากตำหนิ “ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ห้ามปรามอันใด ทำเพียงนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง กอดอกสั่งเสียงเรียบ “ทำให้เสร็จ แล้วไปยกสำรับเย็นมาให้ข้า”
เมิ่งลี่อินบีบมือเข้าหากันแน่น ช้อนสายตามองเขาอย่างคาดหวัง “ข้าทำงานมาทั้งวันแต่จัดการได้ไม่เท่าไหร่เลยยังไม่ได้เตรียมสำรับเย็น หากท่านให้สาวใช้ย้ายเก้าอี้ตัวนี้ข้าจะ-”
ทว่าถ้อยคำขอร้องยังไม่ทันเอ่ยออกไป กู้ชางก็ชักสีหน้าเสียแล้ว “ให้สาวใช้มาย้าย? เจ้าทำเองได้ก็ทำสิ เหตุใดต้องใช้สาวใช้? แล้วอยู่ที่เรือนว่าง ๆ ทั้งวันนอกจากเก้าอี้ตัวนี้ที่เลื่อนไม่เสร็จแล้วเจ้าทำอะไรอีกถึงได้ชักช้าปานนี้ รู้ทั้งรู้ว่าข้าต้องกลับเรือนเวลานี้ทุกวันก็ยังกล้าไม่เตรียมสำรับไว้ เมิ่งลี่อิน เจ้าจงใจจะยั่วโมโหข้า?”
เมิ่งลี่อินมองคนที่ย่างสามขุมเข้ามาใกล้ด้วยสายตาหวาดหวั่น นางรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้าไม่- ข้าไม่ได้ตั้งใจจะยั่วโมโหท่าน เพียงแต่งานในเรือนมากมายจริง ๆ ข้าจัดการไม่ไหว ไหนจะ-”
“จัดการไม่ไหวหรืออยากจะเล่นลูกไม้ให้ฟางหลี่กลับมารับใช้เจ้ากัน” กู้ชางถลึงตาอย่างกรุ่นโกรธ “ข้าบอกเจ้าไว้ตรงนี้เลย ฟางหลี่เป็นอนุข้า เมื่อก่อนเป็นสาวใช้เจ้าก็แล้วไปเถิดเรื่องที่เจ้าทารุณนางตอนยังอยู่คฤหาสน์สกุลเมิ่ง ข้าไม่เอาเรื่องก็ได้ แต่หากเจ้ากล้าใช้งานนางในคฤหาสน์สกุลกู้ข้าไม่ไว้หน้าเจ้าแน่!”
“ข้าไม่เคยทารุณนาง”
จะเคยได้อย่างไร อยู่คฤหาสน์สกุลเมิ่ง นางไม่มีสาวใช้เป็นของตนเองด้วยซ้ำ
กู้ชางแค่นยิ้ม ดวงตามีประกายเหยียดหยาม “นางบอกข้าว่าเจ้าจะไม่ยอมรับและเจ้าก็ทำจริง ๆ เมิ่งลี่อิน อย่าให้มันมากความนัก ข้าสั่งอันใดก็ไปทำอย่างนั้น ยิ่งเจ้าประวิงเวลาออกไปข้าก็จะยิ่งตัดเงินเดือนเจ้า”
เมิ่งลี่อินอับจนจนน้ำตาคลอเบ้า เดือนหนึ่งนางได้เงินไม่กี่ตำลึงเงิน เงินที่น้อยนิดไม่ต่างจากสาวใช้ทำนางไม่กล้าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ทุกวันนี้หากมีอันใดที่ไม่ต้องไหว้วานผู้อื่นนางก็ลงมือทำเองทั้งหมด สินเดิมที่นางขนมาจากบ้านเก่า แม้จะมีจำนวนหีบมากแต่เปิดดูข้างในล้วนมีแต่ของราคาต่ำ แค่คิดดูก็รู้ว่าบิดาและแม่ใหญ่ไม่อยากเสียเงินกับการแต่งงานของนางมากเกินไปนัก
นางไม่คิดอยากได้ของราคาแพงจากเขา แต่เงินเดือนที่นางควรได้เขาก็ยกให้อนุฟางเสียหมด นางใช้ชีวิตกระเบียดกระเสียนจะร่วมสองเดือน นอกจากเขาไม่เห็นใจยังคิดจะตัดเงินเดือนนางอีกหรือ?
เมิ่งลี่อินบีบมือแน่น บังคับไม่ให้เสียงสั่นขณะก้มหน้าลงปิดบังความเหนื่อยล้าในดวงตา
“เจ้าค่ะ ข้าจะทำเดี๋ยวนี้”
กู้ชางแย้มยิ้มกว้าง แววตาสมใจเหลือล้น เขานั่งเท้าคางมองดูภรรยาเลื่อนเก้าอี้คนงามอย่างยากลำบาก กว่าจะเลื่อนจากกลางเรือนไปถึงข้างหน้าต่างก็ใช้เวลาไปเกือบสองเค่อ ทั้งเมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้วเมิ่งลี่อินยังต้องเข้าครัวไปทำสำรับเย็นให้เขาอีก
นางยืนอยู่หน้าเตาร้อนลวก พลันรู้สึกถึงน้ำตาเม็ดหนึ่งหยดลงหลังมือสั่นสะท้านของตนเอง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?