เช้าวันที่สองของการพักร้อนที่ภูเก็ต หลังจากที่มีอาทานมื้อเช้าที่บัตเลอร์นำมาเสิร์ฟถึงในห้องแล้ว เธอจึงไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใส่สบาย ๆ กางเกงขาสั้น เสื้อกล้าม รองเท้าเตะ สวมแว่นตากันแดดสีดำอันใหญ่ สวมหมวกสานที่ซื้อมาจากสนามบินและกระเป๋าคล้องไหล่สะพายข้าง เธอเก็บกระเป๋าสตางค์ไว้ที่ตู้เซฟของโรงแรม แยกเอาเงินสดนิดหน่อยและบัตรเครดิตบางใบติดกระเป๋าไป
กรณีพี่อีริคเป็นตัวอย่างที่ดี เมื่อลงลิฟท์มาถึงแผนกต้อนรับ มีอาฝากกุญแจห้องไว้ที่เคาท์เตอร์ หยิบนามบัตรของโรงแรมมาหนึ่งใบ เขียนชื่อและนามสกุลไว้ด้านหลังนามบัตร ยัดใส่ไว้ในกระเป๋าถือ เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเครื่องยืนยันตัวตนของเธอ
มีอาเดินเที่ยวไปตามแหล่งช้อปปิ้ง เบื่อช้อปปิ้งก็ไปเข้าสปาตามชายหาด มีอารู้สึกสนุกและได้รับการปลดปล่อย ตกเย็น หญิงสาวเลือกที่จะไปนั่งกินอาหารทะเลที่ร้านริมผาน่านั่งแห่งหนึ่ง
เมื่อไปถึงที่ร้านอาหารที่กำลังคลาคล่ำไปด้วยผู้คน พนักงานเสิร์ฟสาวเดินออกมาต้อนรับมีอาด้วยท่าทางนอบน้อม พลางขอจดเมนูอาหารไปส่งให้กับที่ครัวก่อน เพื่อเมื่อถึงเวลาที่โต๊ะว่าง อาหารจะได้พร้อมรับประทานทันที
“ฉันต้องการที่นั่งที่มองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจน” มีอาแจ้งความประสงค์เพิ่มเข้าไปในตอนท้าย ก่อนจะเดินไปนั่งรอตรงจุดที่ทางร้านจัดไว้ให้บริการขณะรอโต๊ะว่าง
ขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งเปิดนิตยสารอ่าน จิบน้ำมะพร้าวจากลูกสด ๆ และรอด้วยความผ่อนคลาย พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งที่เมื่อเข้ามาถึงหน้าร้าน พนักงานต้อนรับก็รีบพาไปนั่งยังโต๊ะริมระเบียงซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างชัดเจน
มีอาที่เห็นเหตุการณ์ก็รู้สึกไม่พอไจที่ถูกแซงคิว รีบลุกขึ้นไปหาพนักงานต้อนรับที่กำลังเดินกลับมายังด้านหน้าร้าน
“ฉันมาก่อนแต่ทำไมถึงให้สิทธิ์ผู้หญิงคนนั้นนั่งที่โต๊ะนั้นละ” มีอาถามพนักงานต้อนรับที่ร้านอาหารด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“คุณลูกค้าคะ ต้องขอโทษด้วยค่ะ คุณผู้หญิงท่านนั้นเป็นแขกระดับวีไอพี ทางร้านต้องให้การต้อนรับก่อนน่ะค่ะ เอาอย่างนี้ดีไหมคะ โต๊ะทางนั้นก็วิวดีเหมือนกัน ขอเชิญคุณลูกค้าทางนั้นดีกว่านะคะ” พนักงานต้อนรับพยายามไกล่เกลี่ย
“ทำไมคะ ฉันมีเงินจ่าย คุณควรจะให้สิทธิ์คนที่มาก่อนสิ แบบนี้ฉันไม่ยอมนะคะ ฉันต้องการนั่งที่โต๊ะนั้น” มีอายังยืนยันที่จะนั่งโต๊ะตัวที่เธอคิดว่าจะมองเห็นวิวตอนค่ำคืนได้ดีที่สุด
เสียงของมีอาที่กำลังประท้วงถึงความไม่เท่าเทียมในการบริการค่อนข้างดังพอสมควร ทำให้ปกรณ์ที่เอาอาหารทะเลจากเรือมาส่งที่ร้านอาหารหยุดยืนดู เขาจึงเห็นหญิงสาวเจ้าปัญหาคนเดิมที่มีเรื่องกับโรงแรมของเขาเมื่อวันก่อน กำลังทำสีหน้าไม่พอใจยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้าร้านอาหาร
ปกรณ์ตัดสินใจเดินเข้าไปถามพนักงานคนนั้นที่กำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“อ้าว นายหัวปกรณ์ สวัสดีค่ะ ก็ฝรั่งคนนี้สิคะ แกยืนยันว่าจะนั่งโต๊ะวิวดีที่สุด เธอมาก่อนก็จริง แต่ว่าคุณใบบัวก็จะนั่งโต๊ะนั้นด้วย หนูเลยเอาโต๊ะนั้นให้คุณใบบัวไป ฝรั่งคนนี้เลยไม่พอใจ คือหนูยังไม่อยากโดนอุ้มนะคะ หนูถึงต้องให้โต๊ะคุณใบบัวไป”
ปกรณ์พยักหน้ารับ ก่อนหันไปทางหญิงสาว ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูด เธอก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“นี่ พวกคุณสองคนช่วยพูดภาษาอังกฤษได้ไหม ฉันฟังไม่เข้าใจ” มีอาบอก
“มิส ผมว่าคุณไปนั่งโต๊ะอื่นเถอะ ถ้ายังอยากเที่ยวที่ภูเก็ตให้สนุก หรือไม่งั้นก็ไปกินร้านอื่น ร้านแถวนี้มีเยอะแยะ ผมขอเตือนด้วยความหวังดี” ปกรณ์เอ่ยเตือนเสียงเข้ม
“ทำไม ฉันมีเงินจ่ายนะ”
“ไม่เกี่ยวกับมีเงินจ่ายไหม ถ้าคุณยังดื้อ คุณอาจจะไม่มีชีวิตได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้ คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม”
“นี่ พวกนายเห็นฉันมาคนเดียวเลยจะรุมฉันเหรอ ฉันไม่กลัวหรอกนะ ฉันไปขอให้ตำรวจช่วยก็ได้”
“ฮะ ฮะ ฮะ” ปกรณ์หัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหญิงสาวตรงหน้า
“นายหัวเราะอะไร ฉันพูดผิดตรงไหน” มีอาตะคอกถาม
“ผมกลัวว่าคุณจะไม่มีเวลาแม้แต่จะเดินไปหาตำรวจน่ะสิ อีกอย่าง คุณคิดว่าตำรวจจะช่วยคุณได้เหรอ ผมขอเตือนไว้ก่อนนะ อย่าทำเป็นอวดเก่ง มาเที่ยวก็เที่ยวให้สนุก อย่าได้สร้างเรื่อง แล้วยิ่งมาตัวคนเดียว เกิดหายสาบสูญไป ไม่มีใครตามตัวเจอหรอกนะ”
“ไอ้ ไอ้ ไอ้คนเถื่อน!!!” มีอาชี้หน้าด่าชายหนุ่ม
“เฮ้ คนสวย อย่าหยาบคายสิ ผมอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดีนะ”
มีอาเห็นแบบนั้นจึงเดินกระทืบเท้าออกจากร้านอาหารไป เธอหงุดหงิดเกินกว่าจะมีอารมณ์มานั่งกินข้าว จึงเรียกแท็กซี่กลับโรงแรม
“ขอบคุณนายหัวปกรณ์มากนะคะ นี่ถ้าเขาไปอาละวาดโวยวายถึงโต๊ะคุณบัวคงยิ่งแย่กันไปใหญ่ เอ๊ะ นี่นายหัวเอาอาหารทะเลมาส่งเองเลยเหรอคะ” พนักงานต้อนรับชวนคุยเมื่อเห็นว่าปัญหาคลี่คลายลงแล้ว และลูกค้าก็เริ่มจะบางตาลงบ้าง
“ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ปกรณ์เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว เขาจึงเดินออกจากร้านไป
เช้าวันนี้เป็นวันที่สามที่มีอามาพักร้อนที่ประเทศไทย ในแต่ละวัน ไม่มีวันไหนที่หญิงสาวไม่ได้เจอกับอุปสรรคที่กวนใจเธอ
เริ่มจากวันแรกกับปัญหาเรื่องห้องพักของพี่อีริค วันที่สองก็ดันมาเจอเรื่องอำนาจมืด และในวันนี้เธอยังต้องมาตกรถไปเที่ยวเสียอีก
มีอากำลังวิ่งกระหืดกระหอบไปที่แผนกต้อนรับ เมื่อไปถึง หญิงสาวถามหาคนของทัวร์ที่จะมารับเธอไปเที่ยวเกาะไข่ เธอหาข้อมูลมาว่าเกาะไข่สวยและยังสามารถให้อาหารปลากับมือได้ด้วย
แต่เมื่อคืนหลังจากที่ไม่ได้กินอาหารทะเลในโต๊ะที่ตัวเองต้องการ หญิงสาวโมโหมากจนกินอะไรไม่ลง เรียกแท็กซี่กลับมาที่โรงแรมก่อนที่จะไปนั่งจิบเครื่องดื่มดับความขุ่นเคืองที่บาร์ข้างโรงแรม เธอสั่งเครื่องดื่มไปหลายแก้ว และเพราะไม่ได้กินอาหารรองท้อง จึงทำให้เธอเมาแล้วตื่นสายจนพลาดคนทัวร์ที่มารับในเช้าวันนี้
มีอาเดินไปที่โต๊ะขายทัวร์ของทางโรงแรมที่มีไว้เพื่อให้บริการแก่ลูกค้า
“สวัสดีค่ะ ฉันพลาดทัวร์เกาะไข่ของเช้าวันนี้ พอจะมีวิธีไหนที่จะพาฉันไปส่งให้ทันเรือออกไหมคะ” มีอาสอบถามพนักงานที่นั่งประจำเคาท์เตอร์
“เสียใจด้วยนะคะมิส ถ้าพลาดคนรับส่งคงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะเพราะว่ามันมีตั้งหลายบริษัท ถึงแม้ว่าจะหารถแท็กซี่ตามไปทีหลังได้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรือลำไหนอยู่ดี คงต้องทำใจเพราะทำอะไรไม่ได้เลยคะ”
“พลีสสสส มันน่าจะมีวิธีนี่คะ ฉันยินดีจ่ายส่วนต่างนะคะ” มีอาพยายามต่อรอง
“ขอโทษด้วยค่ะมิส เราทำอะไรไม่ได้จริง ๆ ค่ะ ดิฉันแนะนำให้ซื้อทัวร์แล้วไปใหม่วันพรุ่งนี้ดีกว่านะคะ”
“แต่ฉันอยากไปวันนี้นี่คะ พรุ่งนี้ฉันมีแพลนอย่างอื่นแล้ว” มีอายังคงยืนยันความตั้งใจเดิมของตนเอง
“ต้องขอโทษด้วยนะคะมิส ดิฉันช่วยไม่ได้จริง ๆ”
“เกิดอะไรขึ้น” ปกรณ์ที่เช้านี้เข้ามาที่โรงแรม เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวเจ้าปัญหาคนเดิมที่เขาเจอมาสองครั้ง ทำไมกันนะ เจอแต่ละครั้ง หล่อนถึงมีปัญหาทุกที
“ท่านรองฯ คะ ลูกค้าคนนี้เธอตกรถค่ะ ไปทัวร์เกาะไข่ไม่ทัน เธอพยายามให้เรียกแท็กซี่ไปที่ท่าเรือ แต่ดิฉันบอกไปแล้วว่ามันทำไม่ได้ ให้ซื้อทัวร์ใหม่แล้วไปพรุ่งนี้แทน แต่เธอไม่ยอมค่ะ”
“เฮ้ ทั้งสองคนช่วยพูดภาษาอังกฤษได้ไหม ตกลงช่วยฉันได้รึเปล่า อ้าว นายคนเถื่อนนี่นา”
มีอาถามพนักงานขายทัวร์ก่อนจะมองไปที่นายคนเถื่อน ฉายาที่ตนเองถือวิสาสะมอบให้กับชายหนุ่ม ก็ดูการแต่งตัวและหนวดเคราที่รกรุงรังพวกนั้นสิ โจรสลัดดี ๆ นี่เอง
“มิส ระวังปากหน่อย ผมไม่ใช่คนเถื่อน และคุณคงต้องไปพรุ่งนี้แล้วล่ะ” ปกรณ์เป็นคนตอบหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ซวย วันมหาซวย ทริปนี้ทำไมมันติดขัดไปหมด ไม่ไปก็ได้” มีอาสบถออกมาเป็นภาษาอังกฤษรัวพรืดด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะหันหลังกลับออกไปจากเคาท์เตอร์ทัวร์ ไม่แม้แต่จะกล่าวลาพนักงานขายทัวร์ตามมารยาทที่ผู้ดีอังกฤษพึงกระทำ เธอโมโหเกินกว่าจะมาสนใจเรื่องพรรค์นี้
ปกรณ์ส่ายหน้าด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะเดินขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นบนสุดของโรงแรม ซึ่งเป็นห้องทำงานของฝ่ายบริหาร
“อ้าว ไอ้น้องชาย วันนี้ออกจากเกาะได้แล้วเหรอฮะ สงสัยพระอาทิตย์ที่แหลมพรหมเทพคงขึ้นทางทิศตะวันตกแหง ๆ” ปวิชเอ่ยแซวน้องชายที่เขาไม่ได้เจอหน้าในรอบหลายวัน
“เฮีย ไม่ต้องแซว ใครล่ะทำให้ผมไม่อยากขึ้นฝั่ง ก็รู้ว่าผมไม่ชอบที่เฮียคอยหาสาว ๆ มาให้ เมียคนเดียวผมหาเองได้ แค่ยังไม่อยากมีภาระเท่านั้น”
ปกรณ์บ่นให้พี่ชายก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตนเอง
แต่ยังไม่ทันที่ก้นของชายหนุ่มจะแตะเก้าอี้ เลขาฯ หน้าห้องก็รีบเอาเอกสารที่ท่านรองฯ ต้องเซ็นมาวางไว้ให้อย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบ เพราะกว่าที่ท่านรองฯ จะเข้ามาที่โรงแรมอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ซึ่งค่อนข้างนาน ๆ ที เลขาฯ จึงต้องรีบฉวยโอกาสทันทีเมื่อท่านรองฯ มาถึง
ในที่สุด ปกรณ์ก็ลุกจากโต๊ะทำงานเมื่อเขาเซ็นเอกสารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย มองนาฬิกาบนผนังบอกเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว
“แล้ววันนี้จะเข้าไปบ้านใหญ่ไหม มัมคิดถึงนายนะ มัมถามหาทุกวันเลย” ปวิชบอกน้องชาย
“ไม่ละเฮีย วันนี้จะกลับแล้ว เจอหน้าก็บ่นอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ทำไมไม่เบื่อสักที” ปกรณ์ตอบพลางบิดขี้เกียจหลังจากที่นั่งหลังแข็งเซ็นเอกสารจนครบ
“ผมไปละนะเฮีย กะจะขนเสบียงไปไว้ที่เกาะด้วย” ปกรณ์หันหลังเดินออกจากห้องไปโดยไม่รอฟังต่อว่าพี่ชายจะพูดอะไรอีกหรือไม่
เมื่อมาถึงลานที่จอดรถ ชายหนุ่มก็หันไปถามลูกน้องคนสนิททันที
“ลุงเที่ยง ซื้อของเสร็จแล้วใช่ไหมครับ เอาไปใส่ไว้ในเรือได้เลยนะ ลุงไปส่งผมที่ผับไอ้แบงค์ก่อน แล้วลุงจะไปไหนก็ตามใจ สี่ทุ่มลุงไปรับผมที่ผับ เราค่อยกลับไปเกาะกันตอนนั้น” ปกรณ์บอกลุงเที่ยง
เขาไม่จำเป็นต้องมาที่โรงแรมอีกสองอาทิตย์ เขาอยากจะพักยาว ๆ บนเกาะอย่างสงบ
“เรียบร้อยแล้วครับนายหัว ผมว่าจะไปหาเพื่อนเก่าสักหน่อย ไม่เจอมันหลายเดือนแล้ว เดี๋ยวสี่ทุ่มผมไปรับที่ผับคุณแบงค์เหมือนเดิมนะครับ” ลุงเที่ยงตอบพร้อมกับสตาร์ทรถยนต์พาเจ้านายไปส่งที่ผับเดอะร็อก ผับขนาดใหญ่ของเมืองภูเก็ต
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?