ตอนที่ 8 ถอดชุดออก

แสงแดดร้อนแรงที่สะท้อนไปบนผืนน้ำของท้องทะเลกว้าง ปลุกให้ปกรณ์ที่นอนหลับฝันดีตื่นเต็มตา เขาหลับไปนานพอสมควรหลังจากที่ปราบเมียจอมดื้อจนต้องลุกมาออกกำลังกายกันตั้งแต่ตอนเช้า แต่เป็นการออกกำลังกายที่เขาเต็มใจมาก

ปกรณ์เอี้ยวตัวไปมองนาฬิกาดิจิตอลข้างหัวเตียง ตัวเลขบนหน้าจอบ่งบอกเวลาเกือบบ่ายโมง ถึงว่าเขารู้สึกหิวขึ้นมาหน่อย ๆ หันกลับไปมองแม่เมียจอมดื้อที่ยังคงหลับสนิทในอ้อมแขนก็ยิ้มด้วยความสุขใจ

นานเท่าไรแล้วนะที่เขาไม่ได้มีความรู้สึกราวกับหนุ่มน้อยริรักแบบนี้ คงตั้งแต่ที่เขาผิดหวังจากนีรนาถ แฟนคนแรกและคนเดียวในชีวิตละมั้ง เขาไม่ได้รักนีรนาถแล้ว เพียงแต่ยังคงจดจำได้ถึงความเจ็บปวดในครั้งนั้น หลังเรียนจบเขาเลยไม่อยากมีความสัมพันธ์กับใคร อยู่ตัวคนเดียวบนเกาะแบบนี้ ชีวิตสงบและสบายดี

ช่วงสิบปีมานี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสาวอยากสานสัมพันธ์กับเขา แต่ปกรณ์ปิดกั้นตัวเองออกจากวงสังคม ปล่อยให้พี่ชายคนโตรับหน้าที่พบปะเจอผู้คนไป ส่วนเขาถอยหลังออกมาเป็นมนุษย์ลุง เฝ้าถ้ำจำศีลบนเกาะนางไม้อย่างที่ไอ้แบงค์เพื่อนสนิทมันว่าจริง ๆ

ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปเมื่อสี่ห้าวันก่อนหน้านี้ หญิงสาวผมบลอนด์ขี้วีน ที่เจอกี่ครั้งก็ล้วนแต่มีปัญหาทุกครั้ง แต่มันกลับทำให้เขาหยุดสนใจเธอไม่ได้ ยิ่งในคืนนั้นที่ผับไอ้แบงค์ เขารู้สึกโกรธและโมโหมากเมื่อคิดว่ายัยตัวแสบในอ้อมแขนนี้กำลังถูกใครสักคนคว้าเอาไป เขาเลยต้องเป็นคนทำมันเสียเอง

ชายหนุ่มเข้าข้างตนเองแบบหน้าด้าน ๆ เอาความโกรธที่โดนดูถูกว่าเป็นคนเถื่อนมากลบความต้องการลึก ๆ ในใจ และไม่อยากยอมรับว่าตนเองสนใจสาวน้อยคนนี้

เช้าวันนี้กะว่าจะคุยกันดี ๆ ถ้าเธอต้องการความรับผิดชอบเขาพร้อมยินดี แต่ถ้าเธอไม่ต้องการ เขาก็คงจะต้องบังคับยัดเยียดตนเองให้เธอรับผิดชอบอยู่ดี เมียทั้งคนจะปล่อยให้ชายอื่นได้ทำเหมือนกับที่เขาทำนะเหรอ เมินซะเถอะ มันจะไม่มีวันเกิดขึ้น ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยมนต์คาถานี่แหละ

มนต์คาถาที่ว่านั้นคงหนีไม่พ้น คาถา กามา ราคะ ที่จะต้องถูกงัดเอาออกมาใช้ล่ะทีนี้

“เมียจ๋า ตื่นได้แล้ว จะบ่ายโมงแล้ว” ปกรณ์ก้มลงไปกัดที่แก้มนิ่มนั้นเบา ๆ

หญิงสาวส่งเสียงอืออาไม่ยอมตื่น ปกรณ์เห็นว่าเมียตัวน้อยควรได้กินข้าวแบบดี ๆ สักวัน หลังจากที่สองวันสองคืนมานี้เจ้าหล่อนทั้งไข้ ทั้งออกแรงไปมาก กว่าเขาจะปล่อยให้หลับพักผ่อนก็กินเวลาหลายชั่วโมง จึงตั้งใจจะปลุกคนตัวเล็กด้วยความเป็นสุภาพบุรุษที่สุด

“ตื่นได้แล้ว เจ้าตัวขี้เซา ถ้าไม่ตื่นจะลักหลับแล้วนะ ผมโอเคนะ ทั้งวันก็ไหว” ปกรณ์กระซิบเสียงเบาข้างใบหูคนในอ้อมแขน

มีอาลืมตาขึ้นทันที เหมือนสมองรับรู้และประมวลผลโดยอัตโนมัติกับคำว่าลักหลับ...ทั้งวัน

เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่รกรุงรังไปด้วยหนวดเครา ผมยาว ชี้ฟู โด่เด่ไม่เป็นทรงของชายตรงหน้า ชายที่เป็นคนแรก คนที่ได้ความบริสุทธิ์ของเธอไป

หมดกัน...ความฝันของฉัน

ไหนละผู้ชายที่แสนเพอร์เฟคเหมือนพี่อีริค แล้วความสาวที่หวงแหนมาตั้งยี่สิบกว่าปี กลับมาหมดท่าให้กับไอ้คนเถื่อนนี่นะ

รู้ไปถึงไหน อายไปถึงนั้น ภาพลักษณ์คุณหนูจอมหยิ่งที่เหล่าสังคมชั้นสูงพวกนั้นให้มาคงป่นปี้ แล้วเธอจะเอาหน้าสวย ๆ ไปไว้ที่ไหนกัน

แต่เห๊อะ คิดว่าคนอย่างมีอาจะสนเหรอ กะอีแค่พรหมจรรย์ ไม่มีมันแล้วเธอก็ไม่ตาย ไว้ให้ออกจากที่นี่ได้เมื่อไหร่ อย่าหวังว่าเธอจะกลับมาเหยียบแผ่นดินนี้อีก

พักร้อนห่วยแตก ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยไปเที่ยวพักร้อนที่ไหนได้ห่วยแตกขนาดนี้มาก่อน

“นี่ ไอ้คนเถื่อน อย่ามาตู่ว่าฉันเป็นเมียของนายนะ กะอีแค่เสียความบริสุทธิ์ให้นาย มีอะไรกันไม่กี่ครั้ง นึกว่าฉันจะเสียใจร้องไห้จะเป็นจะตายหรือไง วัฒนธรรมบ้านฉันมันเด็ก ๆ มาก”

“เหรอ ก็ดี ผมถือว่าโชคดีแล้วกันได้ครั้งแรกของคุณหนูขี้ วีนอย่างคุณ แต่ว่านะ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย คุณคงหิว ผมไม่อยากให้คุณกลับมาเป็นไข้อีก ลุกกันเถอะ คุณจะอาบน้ำก่อนก็ได้นะ ห้องอาบน้ำอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวผมหาเสื้อให้คุณใส่ ผมจะไปอาบน้ำอีกห้องหนึ่งแล้วจะเอาอาหารมาให้กินด้วย อิ่มแล้วค่อยมาคุยกัน โอเคไหม”

ปกรณ์ถาม มีอาพยักหน้า เพราะตอนนี้เธอเหนื่อยเกินกว่าจะมาทะเลาะกันจริง ๆ นั่นแหละ

ปกรณ์เป็นคนแรกที่ลุกออกไปจากห้องนอน มีอาจึงลุกบ้าง แต่เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ ก็ถึงกับต้องร้องว้าว เพราะไม่นึกว่าบนเกาะแบบนี้จะมีอ่างอาบน้ำและห้องน้ำที่สวยแบบนี้

ห้องน้ำเป็นกระจกใส ด้านที่หันหน้าออกทะเลมีม่านเปิดปิดเพื่อมองออกไปเห็นวิวทะเลสวย เสียงคลื่นที่กระทบชายหาด เปรียบเสมือนเสียงดนตรีขับกล่อม เธอสามารถนอนแช่ในอ่างน้ำ ดื่มด่ำกับวิวทะเล จิบไวน์ไปด้วย คงจะผ่อนคลายไม่น้อย ส่วนฝักบัว โถสุขภัณฑ์แยกออกไปเป็นสัดส่วนอย่างดี มีมุมสำหรับวางผ้าเช็ดตัว ผ้าขนหนูอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องน้ำ

เธอให้คะแนนสิบเต็มสิบไปเลย มีอาทดเอาไว้ในใจว่าถ้ามีโอกาสค่อยมานอนแช่น้ำ ดื่มด่ำกับบรรยากาศทีหลัง เธอตั้งใจจะรีบอาบน้ำให้เสร็จอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้ท้องน้อย ๆ เริ่มประท้วงขึ้นมาแล้ว

“ไอ้คนถ่อย ไอ้คนเถื่อน ไอ้บ้า จะทะนุถนอมกันหน่อยก็ไม่ได้ ดูซิ รอยช้ำเต็มไปหมด แล้วแบบนี้จะกล้าออกไปไหนได้” มีอาก่นด่าชายหนุ่มตัวต้นเหตุที่ทำรอยไว้ตามร่างกายของตนเองขณะอาบน้ำ หญิงสาวใช้เวลาในการอาบน้ำไม่นานนัก

แต่!!! เธอไม่มีเสื้อผ้าใส่

มีอานุ่งผ้าขนหนูเดินออกมาจากห้องน้ำ กะว่าจะไปหาเสื้อของไอ้คนเถื่อนในห้องนอน ขณะที่กำลังเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็จ๊ะเอ๋กับคนตัวโตที่ถือชุดอะไรสักอย่างในมือ

“นี่ ชุดของคุณ ผมยืมป้านิ่มมาให้คุณใส่”

ปกรณ์ยื่นเสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุงลายดอกให้หญิงสาว มีอาที่เดินไปหยิบแล้วคลี่ออกดูถึงกับขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

“นี่อะไร คุณบอกว่านี่คือชุดที่ฉันต้องใส่เหรอ” มีอายื่นเสื้อผ้าไปต่อหน้าชายหนุ่ม เธอจ้องเขม็งรอคอยกับคำตอบจากเขา

“ใช่ แต่ถ้าคุณไม่ใส่ผมก็โอเคนะ” ปกรณ์ยักไหล่

“นี่ฉันต้องใส่ไอ้ชุดบ้า ๆ นี่จริง ๆ เหรอเนี่ย” มีอาโอดครวญเสียงดัง

“ก็ได้ ดีกว่าไม่ใส่อะไรให้คนอย่างนายดู”

มีอาถือชุดในมือเดินกระทืบเท้ากลับเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตูใส่หน้าปกรณ์เสียงดัง

มีอามองดูเสื้อคอกระเช้า ทำใจอยู่นานกว่าจะตัดใจสวมเสื้อสุดแสนจะเชยนี้ลงไปบนร่างกาย โนบรา โนอันเดอร์แวร์

เฮ้อ!! แล้วกระโปรงนี่อีก ใส่ยังไง ดูไม่น่าจะใช่กระโปรง

มีอาปล้ำกับสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นกระโปรงอยู่นาน สุดท้ายก็ยิ้มออกมาได้อย่างผู้มีชัยชนะเมื่อเธอหาวิธีใส่กระโปรงประหลาดนี้ได้เสียที

หญิงสาวก้าวออกมาจากห้องน้ำ แต่ยังไปได้ไม่ถึงไหน

“ว้าย!!”

มีอาร้องเสียงหลงเมื่อกระโปรงที่เธอภูมิใจนักหนาว่าสามารถจัดการได้ ตอนนี้กลับหล่นไปกองอยู่ที่พื้น

ปกรณ์ที่นั่งอยู่บนเตียงหลังใหญ่ เขามองหญิงสาวอยู่ก่อนแล้ว ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะถลาออกไปรับเจ้าเมียตัวน้อยที่เหยียบผ้าถุงจนคะมำไปข้างหน้า

มีอาล้มทับบนตัวคนเถื่อน ทั้งสองคนจ้องกันด้วยความตกตะลึง

“ผมชอบนะถ้าเราจะอยู่แบบนี้ทั้งวัน” ปกรณ์พูด

“อ๊ะ อ๊าาาา”

มีอากระพริบตา เมื่อตั้งสติได้ก็ร้องเสียงหลง รีบผลุนผลันลงจากบนตัวของชายหนุ่ม แต่หญิงสาวยิ่งอายมากยิ่งขึ้นเพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่เสื้อสุดเฉิ่ม ด้านล่างโล่งไปหมด มีอาหันหลังตะเกียกตะกายคว้าเอากระโปรงเจ้าปัญหามาสวมอีกครั้ง

“เดินมานี่ ผมจะสอนให้ว่าต้องใส่ยังไง”

ปกรณ์ลุกขึ้นยืนเดินไปนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง มีอาเดินถือกระโปรงเข้าไปหาชายหนุ่มช้า ๆ ท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ

“อันนี้เรียกว่าผ้าถุง ทนใส่ไปก่อนนะ เราต้องทำแบบนี้มันถึงจะไม่หลุด” ปกรณ์สาธิตการนุ่งผ้าถุงให้คุณหนูขี้วีนดู

“คุณลองทำดูสิ”

มีอาทดลองอยู่นานแต่เธอก็ไม่สามารถใส่ผ้าถุงแล้วไม่ให้หลุดได้ ปกรณ์ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด เพราะเขาเริ่มหิวข้าวขึ้นมาตงิด ๆ แม่เมียจอมดื้อก็นุ่งผ้าถุงไม่ได้สักที

ชายหนุ่มเดินออกไปในครัว เขาถือบางอย่างเดินกลับเข้ามาในห้องนอนพร้อมบอกหญิงสาว

“เอานี่ ถ้าใช้ไอ้นี่ยังไม่ได้ผล ก็ไม่ต้องใส่แล้วล่ะ” ปกรณ์หยิบยางวงมา จับผ้าถุงให้เป็นก้อนแล้วมัดยางวงลงไป ขมวดยางสองสามรอบจนแน่ใจว่าผ้าถุงไม่หลุดออกมา

มีอายิ้มด้วยความดีใจ ถึงแม้ว่าชุดนี้มันจะเฉิ่มเชยยังไง แต่มันก็ยังดีกว่าเดินล่อนจ้อนไม่ใส่อะไรเลย

“ขอบใจนะ” มีอากล่าวขอบคุณ ทำให้คนเถื่อนเงยหน้าขึ้นไปมองโฉมงามที่ตอนนี้ยิ้มให้เขานิด ๆ ด้วยความประหลาดใจ

“ไม่เป็นไร ไปเถอะ ผมหิวข้าวมาก คุณคงหิวเหมือนกัน” ปกรณ์เดินนำหญิงสาวออกไปที่ระเบียงกระท่อม เขาเห็นป้านิ่มจัดโต๊ะที่มีอาหารสองสามอย่างวางอยู่

“โห ป้านิ่ม น่าทานจังเลย ขอบคุณมากนะครับ” ปกรณ์กล่าวขอบคุณป้านิ่มก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ทางด้านซ้าย ชายหนุ่มผายมือให้หญิงสาวนั่งทางด้านขวา

มีอานั่งลงตามที่คนเถื่อนเชื้อเชิญ ควันที่ลอยอ้อยอิ่งจากอาหารตรงหน้านำพากลิ่นหอมยั่วยวนขึ้นมาด้วย

“โครกกกก”

มีอาถึงกับหน้าแดงด้วยความอายที่ท้องเจ้ากรรมทำขายหน้า

“คุณทานผัดผักรวมมิตรนะ ส่วนอันนี้ของผม รับรองได้ว่าป้านิ่มทำอาหารอร่อยมาก”

ปกรณ์ชี้ไปที่แกงคั่วกลิ้งสีเหลืองสวย พร้อมข้าวสวยพูนจาน

“ทำไมต้องบังคับให้กินแต่ผัก ฉันอยากกินจานของนายด้วย”

มีอาชะโงกหน้าไปมองอาหารสีเหลืองสวยในจานของคนเถื่อน

“อย่าดีกว่า มันเผ็ดมาก ผัดผักน่ะปลอดภัยที่สุดแล้ว”

“ทำไมฉันจะกินไม่ได้ ฉันเคยกินเผ็ด เคยไปกินที่ร้านอาหารไทยในลอนดอนบ่อยจะตาย มานี่ ฉันจะกินให้ดู”

มีอาสาวดื้อ ไม่ยอมให้ใครมาดูถูก ดึงดันที่จะกินให้ได้ มันจะเผ็ดแค่ไหนเชียว

แต่มีอาคงลืมไปว่าป้านิ่มเป็นคนใต้ ไม่เคยไปอยู่เมืองนอกเมืองนา จึงไม่รู้ว่ารสชาติของอาหารที่เธอเคยกินอยู่ร้านอาหารไทยเป็นรสชาติที่ทำไว้สำหรับให้ชาวต่างชาติกิน เผ็ดที่สุดของคนต่างชาติมันยังไม่ได้ถึงหนึ่งในสิบของความเผ็ดที่คนท้องถิ่นกินด้วยซ้ำ

มีอาใช้ช้อนตักแกงคั่วกลิ้งสีเหลืองสวยใส่ปาก กำลังจะยิ้มยั่วคนเถื่อนว่าตนเองกินเผ็ดได้ แต่ยังไม่ทันไร ในปากของเธอก็รู้สึกเหมือนกำลังกินลาวาร้อน ๆ เข้าไป

เอาละซิ จะคายลงบนจานข้าวข้างหน้าก็ไม่ได้ เพราะมารยาทผู้ดีบนโต๊ะอาหารมันค้ำคอ เนื่องจากถูกฝึกและสั่งสอนมาจนกลายเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติของร่างกายไปแล้ว

“อือ อือ” มีอาอมข้าวไว้ หันรีหันขวางหาทางคาย มือพัดโบกไปมาบนปากตนเอง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรเลย เธอลุกขึ้นวิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ทีเพื่อหาพื้นที่คายข้าวที่มันเผ็ดจนไหม้ปากเธอไปหมด

วิ่งเลยไปจากกระท่อมได้นิดหน่อย หญิงสาวไม่รอช้า มารยาทอะไรตอนนี้ไม่อยู่ในหัวเธอแล้ว มันโคตรเผ็ด เธอถ่มข้าวในปากทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี เสร็จแล้วก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในกระท่อม ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ บ้วนปากด้วยน้ำเย็น แต่ด้วยความเผ็ด ปากของหญิงสาวตรงหน้าจึงบวมเจ่อแดงขึ้นมาทันที

กับแม่คนจอมดื้อตรงหน้า ปกรณ์จะขำก็ไม่กล้า จะสงสารก็ไม่เชิง มันช่างกระอักกระอ่วนเหลือทน แม่คุณหนูจอมวีนหมดสภาพไปซะแล้ว สิ่งที่ปกรณ์เห็นอยู่นี้ช่างต่างกับวันแรกที่เจอเธอเช็คอินอยู่โรงแรมอย่างสิ้นเชิง

หญิงสาวโฉมงามสวมเสื้อคอกระเช้า ผ้าถุงมัดปมตรงกลางไว้ด้วยยางวงเพื่อป้องกันผ้าหลุด ผมกระเซอะกระเซิงจากน้ำที่เธอวักมาล้างหน้าล้างปาก รวมถึงปากที่บวมแดงเจ่อ ไม่ต่างอะไรกับปากเป็ด เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว คนตัวโตจึงระเบิดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่จริง ๆ

สมน้ำหน้าแม่คนดื้อ

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ