“แม่อยากให้ลูกกลับมาช่วยดูแลกิจการ”
ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น ขณะที่ทั้งสองกำลังช่วยกันจัดเอกสาร หลายเดือนที่ผ่านมานี้มีนักท่องเที่ยวจองห้องเข้ามามากมาย หลังจากผ่านพ้นวิกฤตเกี่ยวกับโรคระบาดไป ธุรกิจที่เคยซบเซาก็กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
“หนูไม่ถนัดเรื่องธุรกิจหรอกค่ะแม่”
เธอจบนิเทศศาสตร์ วัน ๆ วนเวียนอยู่กับการทำงานในสายงานที่เกี่ยวข้อง ไม่เคยคิดอยากจะกลับมาบริหารธุรกิจที่บ้านเลย
“แล้วอย่างนี้ถ้าพ่อกับแม่ไม่อยู่แล้วจะทำยังไงล่ะ”
หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็สวมกอดผู้เป็นแม่ เธอไม่อยากได้ยินอีกฝ่ายพูดอะไรแบบนี้ แม้จะรู้ดีว่าสักวันต้องจากกัน แต่เธอก็ไม่เคยคิดอยากให้วันนั้นมาถึง
แล้วต่อให้พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้วโรงแรมนี้เธอก็จะดูแลให้ดีที่สุด แต่อาจจะไม่ได้ดูแลด้วยตัวเองก็เท่านั้น
แม้ว่าพ่อกับแม่จะมีเธอเป็นลูกคนเดียว แต่ก็ยังมีหลานสาวและหลานชายอีกหลายคนที่พร้อมจะสืบทอดกิจการนี้
“แม่อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิคะ”
“จะไม่ให้แม่พูดได้ยังไง แม่กับพ่อสร้างที่นี่มากับมือก็เพื่อลูก”
เธอไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่เกิด แม้ว่าพ่อของสโรชาจะมีฐานะอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รวยล้นฟ้าอะไร โชคดีที่มีที่ดินเป็นของตัวเอง เลยปลุกปั้นกิจการจนเติบโตมาได้ด้วยการนำที่ดินไปจำนองกับธนาคาร
“หนูรู้ค่ะ หนูก็ไม่ได้คิดจะทิ้งกิจการนี้นะคะ ไว้ถึงเวลายังไงหนูก็ต้องกลับมา เพียงแต่ตอนนี้หนูอยากใช้ชีวิตของตัวเองก่อน”
หญิงสาวเอ่ย เธอยังสนุกกับการที่ได้ทำงานทำสิ่งที่ตัวเองรัก แต่เมื่อถึงเวลายามที่อายุมากขึ้น บางทีเธออาจจะอยากกลับมาอยู่บ้านก็เป็นได้
ผู้เป็นแม่ได้ยินอย่างนั้นก็สบายใจขึ้น
“ตรงนี้กำลังสร้างตึกใหม่ แล้วแม่ก็จะขยับขยายสระว่ายน้ำด้วย”
“จริง ๆ สระว่ายน้ำไม่ต้องขยายก็ได้นะคะ โรงแรมเราก็อยู่ติดทะเล”
มาเที่ยวทะเลทั้งทีจะมีคนมาเล่นสระน้ำงั้นเหรอ หญิงสาวไม่ค่อยเข้าใจ แต่เมื่อได้ฟังคำอธิบายของผู้เป็นแม่แล้วเธอก็อดเห็นด้วยไม่ได้
“ว่าแต่เราเถอะมีแฟนหรือยัง”
คำถามนี้ทำให้ผู้เป็นลูกถึงกับชะงัก หญิงสาวกยิ้มบางเบาก่อนพยักหน้า
“ไม่เห็นพาไปเจอพ่อกับแม่บ้าง”
ผู้เป็นแม่เอ่ย อยากเห็นหน้าลูกเขยใจจะขาด อยากรู้ว่าลูกสาวนั้นจะคบหากับคนแบบไหน เป็นคนดีและดูแลอีกฝ่ายได้หรือไม่
“ไว้หนูจะพามานะคะ เขาทำงานหลายอย่างเลยไม่ค่อยมีเวลา”
นอกจากเป็นหุ้นส่วนบริษัทใหญ่แล้ว วีรภพก็ยังเป็นนักร้องกลางคืน ทั้งบางครั้งยังสวมบทตากล้องรับถ่ายภาพ
เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากมาย เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ทำให้มีผู้หญิงชอบมาเกาะแกะ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะวีรภพไม่เคยปิดบังอะไรเธอเลย เขามักจะเล่าให้เธอฟังเสมอว่ามีใครมายุ่งวุ่นวายกับเขาบ้าง
เขาแสดงความจริงใจให้เธอเห็นอยู่ตลอดเวลา
“แสดงว่าเป็นคนขยันแน่ ๆ ถ้าขยันขนาดนี้ไม่น่าจะมีสาว”
ผู้เป็นแม่พูดติดตลก ก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะออกมา
“แล้วเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใครล่ะ”
“ถ้าแม่รู้จะตกใจหรือเปล่าคะ”
ผู้เป็นแม่หรี่ตาลงพรางจ้องหน้าลูกสาว
“พ่อแม่คุณภพเป็นเจ้าของบริษัทผลิตสื่อค่ะ แล้วก็รวยมากเลยนะคะแม่”
ประโยคหลังหญิงสาวป้องปากกระซิบผู้เป็นแม่
“แล้วเคยเจอพ่อแม่เขาหรือยัง”
สโรชาพยักหน้า นึกถึงวันนั้นแล้วเธอค่อนข้างประทับใจ พ่อกับแม่ของวีรภพใส่ใจเธอเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง แต่เพราะวันนั้นเธออารมณ์ไม่ค่อยดีเนื่องจากเจอหน้าวีรภัทร จึงแทบไม่ได้สนใจท่านทั้งสองเลย
“ท่านใจดีมากค่ะ แถมยังบอกอีกนะคะว่าจะมาสู่ขอหนู”
“ดีเลย แม่อยากอุ้มหลานมาก ๆ เราก็อายุจะสามสิบแล้วนะ แม่ว่ารีบแต่งงานก็ดี”
“หนูก็ยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ อยากคบหากันไปสักพักก่อน”
ในตอนนี้หญิงสาวไม่ได้ติดใจเรื่องแต่งงาน แต่สิ่งที่ทำให้เธอนั้นไม่สามารถตกลงปลงใจกับแฟนหนุ่มได้ก็เพราะพี่ชายของเขาที่ยังคงตามระราน
“เอาเถอะ ไว้พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกพ่อกับแม่บ้างนะ ไม่ใช่จู่ ๆ มาสู่ขอกะทันหัน พ่อกับแม่จะตกใจเอา”
โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อที่หวงลูกสาวยิ่งกว่าไข่ในหิน จนถึงตอนนี้สโรชาก็ยังไม่กล้าบอกอีกฝ่ายว่าเธอนั้นมีแฟนแล้ว
“เดี๋ยวหนูจะบอกแม่คนแรกเลยค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยอย่างเอาใจ หลังจากกลับเข้าห้องนอนใบหน้าสวยก็หม่นลง เธออ่านข้อความยาวเหยียดที่แฟนหนุ่มส่งมาให้ ก่อนที่น้ำตาจะรื้นขึ้น
สโรชาสงสารวีรภพจับใจ เธอรู้ว่าเขาคงมีคำถามมากมายแต่ไม่กล้าพอที่จะถามออกมา เธอไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไง หากบอกเขาไปตามตรง เธอก็กลัวว่าเขาจะรับไม่ได้
หญิงสาวได้แต่ยืดเวลาออกไปเรื่อย ๆ แล้วตัดสินใจไม่ได้เสียทีว่าควรจะทำยังไง
เธอรู้สึกหนักหน่วงในใจ หรือบางทีเธอควรหันหลังให้กับทุกคนและกลับมาอยู่ที่นี่ ตัดขาดจากทุกอย่างและกลับมาใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนเดิม
สโรชาคิดไม่ตก เธอไม่ได้อยากทอดทิ้งวีรภพ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่สามารถสู้หน้าเขา ทั้งที่มีเรื่องปิดบังมากมาย
หญิงสาวเครียดจนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง ยาพาราสองเม็ดถูกหย่อนเข้าปาก ก่อนที่หญิงสาวจะหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในความเงียบ แต่ดูเหมือนว่าฤทธิ์ยานั้นจะทำให้หญิงสาวหลับลึกจนไม่ได้ยินเสียงรบกวน
วีรภัทรหงุดหงิดที่อีกฝ่ายไม่ยอมรับสายเขา ชายหนุ่มส่งข้อความหาเธอ แต่สโรชาก็ไม่เปิดอ่านเสียทีแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานกว่าสี่ชั่วโมงแล้ว
ชายหนุ่มรู้สึกร้อนใจเป็นห่วงเป็นใยเธอ ขณะเดียวกันก็รู้สึกโมโหที่หญิงสาวพยายามหลบหลีกและหนีหายไปแบบนี้
วีรภัทรรู้สึกวุ่นวายใจ เขาเดินออกมาจากห้อง เป็นจังหวะเดียวกับที่น้องชายเปิดประตูออกมา
“เอ่อ ภพ แฟนนายเป็นครีเอทีฟใช่ไหม”
ผู้ถูกถามพยักหน้า
“นายช่วยติดต่อให้ทีสิ พอดีฉันอยากคุยเรื่องงาน”
วีรภพไม่ได้เอ่ยถามอะไร เขาต่อสายหาหญิงสาวแต่เธอก็ไม่รับเช่นกัน
“ไม่รับสาย”
เขาเอ่ยกับพี่ชายก่อนที่จะต่อสายหาหญิงสาวอีกประมาณสองถึงสามครั้ง แต่ไม่ว่ายังไงสโรชาก็ไม่รับสายอยู่ดี
ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ใบหน้าเรียบเฉยขึงเครียดขึ้นมา
“ไม่รับสายเหรอ ก่อนหน้านี้ติดต่อได้หรือเปล่า”
ก่อนหน้านี้เขาติดต่อแฟนสาวได้ตลอด แต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมาเขายังไม่มีเวลาโทรหาเธอ พอติดต่ออีกทีสโรชาก็ไม่รับสายแล้ว
“บางทีคงอาจจะยุ่งอยู่ เดี๋ยวยังไงผมจะบอกให้แล้วกัน ว่าพี่อยากคุยกับเธอเรื่องงาน”
วีรภัทรพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก ท่าทางเป็นกังวลของเขาทำให้วีรภพนั้นอดไม่ได้ที่จะหรี่ตามอง ชายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจก่อนจะเดินเลี่ยงลงไปด้านล่าง ทิ้งให้พี่ชายยืนหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่คนเดียว
วีรภัทรเดินไปเดินมาพร้อมทั้งพยายามต่อสายหาหญิงสาว โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าน้องชายของเขานั้นแอบมองอยู่ไม่ไกล
วีรภพจ้องมองพี่ชายด้วยสายตาเรียบนิ่งที่ไม่สามารถมองออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มถอดลมหายใจยาวก่อนที่เขาจะเดินออกจากบ้านไป
รถคันหรูเเล่นตรงไปยังคอนโดของหญิงสาว ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไป ก่อนที่เขาจะกวาดตามองไปรอบห้อง สายตาเรียบนิ่งจับจ้องไปยังตู้ลิ้นชักบนหัวเตียง…
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?