ตอนที่ 15 ลังเลใจ

“แม่อยากให้ลูกกลับมาช่วยดูแลกิจการ”

ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น ขณะที่ทั้งสองกำลังช่วยกันจัดเอกสาร หลายเดือนที่ผ่านมานี้มีนักท่องเที่ยวจองห้องเข้ามามากมาย หลังจากผ่านพ้นวิกฤตเกี่ยวกับโรคระบาดไป ธุรกิจที่เคยซบเซาก็กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

“หนูไม่ถนัดเรื่องธุรกิจหรอกค่ะแม่”

เธอจบนิเทศศาสตร์ วัน ๆ วนเวียนอยู่กับการทำงานในสายงานที่เกี่ยวข้อง ไม่เคยคิดอยากจะกลับมาบริหารธุรกิจที่บ้านเลย

“แล้วอย่างนี้ถ้าพ่อกับแม่ไม่อยู่แล้วจะทำยังไงล่ะ”

หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็สวมกอดผู้เป็นแม่ เธอไม่อยากได้ยินอีกฝ่ายพูดอะไรแบบนี้ แม้จะรู้ดีว่าสักวันต้องจากกัน แต่เธอก็ไม่เคยคิดอยากให้วันนั้นมาถึง

แล้วต่อให้พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้วโรงแรมนี้เธอก็จะดูแลให้ดีที่สุด แต่อาจจะไม่ได้ดูแลด้วยตัวเองก็เท่านั้น

แม้ว่าพ่อกับแม่จะมีเธอเป็นลูกคนเดียว แต่ก็ยังมีหลานสาวและหลานชายอีกหลายคนที่พร้อมจะสืบทอดกิจการนี้

“แม่อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิคะ”

“จะไม่ให้แม่พูดได้ยังไง แม่กับพ่อสร้างที่นี่มากับมือก็เพื่อลูก”

เธอไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่เกิด แม้ว่าพ่อของสโรชาจะมีฐานะอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รวยล้นฟ้าอะไร โชคดีที่มีที่ดินเป็นของตัวเอง เลยปลุกปั้นกิจการจนเติบโตมาได้ด้วยการนำที่ดินไปจำนองกับธนาคาร

“หนูรู้ค่ะ หนูก็ไม่ได้คิดจะทิ้งกิจการนี้นะคะ ไว้ถึงเวลายังไงหนูก็ต้องกลับมา เพียงแต่ตอนนี้หนูอยากใช้ชีวิตของตัวเองก่อน”

หญิงสาวเอ่ย เธอยังสนุกกับการที่ได้ทำงานทำสิ่งที่ตัวเองรัก แต่เมื่อถึงเวลายามที่อายุมากขึ้น บางทีเธออาจจะอยากกลับมาอยู่บ้านก็เป็นได้

ผู้เป็นแม่ได้ยินอย่างนั้นก็สบายใจขึ้น

“ตรงนี้กำลังสร้างตึกใหม่ แล้วแม่ก็จะขยับขยายสระว่ายน้ำด้วย”

“จริง ๆ สระว่ายน้ำไม่ต้องขยายก็ได้นะคะ โรงแรมเราก็อยู่ติดทะเล”

มาเที่ยวทะเลทั้งทีจะมีคนมาเล่นสระน้ำงั้นเหรอ หญิงสาวไม่ค่อยเข้าใจ แต่เมื่อได้ฟังคำอธิบายของผู้เป็นแม่แล้วเธอก็อดเห็นด้วยไม่ได้

“ว่าแต่เราเถอะมีแฟนหรือยัง”

คำถามนี้ทำให้ผู้เป็นลูกถึงกับชะงัก หญิงสาวกยิ้มบางเบาก่อนพยักหน้า

“ไม่เห็นพาไปเจอพ่อกับแม่บ้าง”

ผู้เป็นแม่เอ่ย อยากเห็นหน้าลูกเขยใจจะขาด อยากรู้ว่าลูกสาวนั้นจะคบหากับคนแบบไหน เป็นคนดีและดูแลอีกฝ่ายได้หรือไม่

“ไว้หนูจะพามานะคะ เขาทำงานหลายอย่างเลยไม่ค่อยมีเวลา”

นอกจากเป็นหุ้นส่วนบริษัทใหญ่แล้ว วีรภพก็ยังเป็นนักร้องกลางคืน ทั้งบางครั้งยังสวมบทตากล้องรับถ่ายภาพ

เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากมาย เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ทำให้มีผู้หญิงชอบมาเกาะแกะ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะวีรภพไม่เคยปิดบังอะไรเธอเลย เขามักจะเล่าให้เธอฟังเสมอว่ามีใครมายุ่งวุ่นวายกับเขาบ้าง

เขาแสดงความจริงใจให้เธอเห็นอยู่ตลอดเวลา

“แสดงว่าเป็นคนขยันแน่ ๆ ถ้าขยันขนาดนี้ไม่น่าจะมีสาว”

ผู้เป็นแม่พูดติดตลก ก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะออกมา

“แล้วเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใครล่ะ”

“ถ้าแม่รู้จะตกใจหรือเปล่าคะ”

ผู้เป็นแม่หรี่ตาลงพรางจ้องหน้าลูกสาว

“พ่อแม่คุณภพเป็นเจ้าของบริษัทผลิตสื่อค่ะ แล้วก็รวยมากเลยนะคะแม่”

ประโยคหลังหญิงสาวป้องปากกระซิบผู้เป็นแม่

“แล้วเคยเจอพ่อแม่เขาหรือยัง”

สโรชาพยักหน้า นึกถึงวันนั้นแล้วเธอค่อนข้างประทับใจ พ่อกับแม่ของวีรภพใส่ใจเธอเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง แต่เพราะวันนั้นเธออารมณ์ไม่ค่อยดีเนื่องจากเจอหน้าวีรภัทร จึงแทบไม่ได้สนใจท่านทั้งสองเลย

“ท่านใจดีมากค่ะ แถมยังบอกอีกนะคะว่าจะมาสู่ขอหนู”

“ดีเลย แม่อยากอุ้มหลานมาก ๆ เราก็อายุจะสามสิบแล้วนะ แม่ว่ารีบแต่งงานก็ดี”

“หนูก็ยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ อยากคบหากันไปสักพักก่อน”

ในตอนนี้หญิงสาวไม่ได้ติดใจเรื่องแต่งงาน แต่สิ่งที่ทำให้เธอนั้นไม่สามารถตกลงปลงใจกับแฟนหนุ่มได้ก็เพราะพี่ชายของเขาที่ยังคงตามระราน

“เอาเถอะ ไว้พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกพ่อกับแม่บ้างนะ ไม่ใช่จู่ ๆ มาสู่ขอกะทันหัน พ่อกับแม่จะตกใจเอา”

โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อที่หวงลูกสาวยิ่งกว่าไข่ในหิน จนถึงตอนนี้สโรชาก็ยังไม่กล้าบอกอีกฝ่ายว่าเธอนั้นมีแฟนแล้ว

“เดี๋ยวหนูจะบอกแม่คนแรกเลยค่ะ”

หญิงสาวเอ่ยอย่างเอาใจ หลังจากกลับเข้าห้องนอนใบหน้าสวยก็หม่นลง เธออ่านข้อความยาวเหยียดที่แฟนหนุ่มส่งมาให้ ก่อนที่น้ำตาจะรื้นขึ้น

สโรชาสงสารวีรภพจับใจ เธอรู้ว่าเขาคงมีคำถามมากมายแต่ไม่กล้าพอที่จะถามออกมา เธอไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไง หากบอกเขาไปตามตรง เธอก็กลัวว่าเขาจะรับไม่ได้

หญิงสาวได้แต่ยืดเวลาออกไปเรื่อย ๆ แล้วตัดสินใจไม่ได้เสียทีว่าควรจะทำยังไง

เธอรู้สึกหนักหน่วงในใจ หรือบางทีเธอควรหันหลังให้กับทุกคนและกลับมาอยู่ที่นี่ ตัดขาดจากทุกอย่างและกลับมาใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนเดิม

สโรชาคิดไม่ตก เธอไม่ได้อยากทอดทิ้งวีรภพ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่สามารถสู้หน้าเขา ทั้งที่มีเรื่องปิดบังมากมาย

หญิงสาวเครียดจนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง ยาพาราสองเม็ดถูกหย่อนเข้าปาก ก่อนที่หญิงสาวจะหลับไปโดยไม่รู้ตัว

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในความเงียบ แต่ดูเหมือนว่าฤทธิ์ยานั้นจะทำให้หญิงสาวหลับลึกจนไม่ได้ยินเสียงรบกวน

วีรภัทรหงุดหงิดที่อีกฝ่ายไม่ยอมรับสายเขา ชายหนุ่มส่งข้อความหาเธอ แต่สโรชาก็ไม่เปิดอ่านเสียทีแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานกว่าสี่ชั่วโมงแล้ว

ชายหนุ่มรู้สึกร้อนใจเป็นห่วงเป็นใยเธอ ขณะเดียวกันก็รู้สึกโมโหที่หญิงสาวพยายามหลบหลีกและหนีหายไปแบบนี้

วีรภัทรรู้สึกวุ่นวายใจ เขาเดินออกมาจากห้อง เป็นจังหวะเดียวกับที่น้องชายเปิดประตูออกมา

“เอ่อ ภพ แฟนนายเป็นครีเอทีฟใช่ไหม”

ผู้ถูกถามพยักหน้า

“นายช่วยติดต่อให้ทีสิ พอดีฉันอยากคุยเรื่องงาน”

วีรภพไม่ได้เอ่ยถามอะไร เขาต่อสายหาหญิงสาวแต่เธอก็ไม่รับเช่นกัน

“ไม่รับสาย”

เขาเอ่ยกับพี่ชายก่อนที่จะต่อสายหาหญิงสาวอีกประมาณสองถึงสามครั้ง แต่ไม่ว่ายังไงสโรชาก็ไม่รับสายอยู่ดี

ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ใบหน้าเรียบเฉยขึงเครียดขึ้นมา

“ไม่รับสายเหรอ ก่อนหน้านี้ติดต่อได้หรือเปล่า”

ก่อนหน้านี้เขาติดต่อแฟนสาวได้ตลอด แต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมาเขายังไม่มีเวลาโทรหาเธอ พอติดต่ออีกทีสโรชาก็ไม่รับสายแล้ว

“บางทีคงอาจจะยุ่งอยู่ เดี๋ยวยังไงผมจะบอกให้แล้วกัน ว่าพี่อยากคุยกับเธอเรื่องงาน”

วีรภัทรพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก ท่าทางเป็นกังวลของเขาทำให้วีรภพนั้นอดไม่ได้ที่จะหรี่ตามอง ชายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจก่อนจะเดินเลี่ยงลงไปด้านล่าง ทิ้งให้พี่ชายยืนหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่คนเดียว

วีรภัทรเดินไปเดินมาพร้อมทั้งพยายามต่อสายหาหญิงสาว โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าน้องชายของเขานั้นแอบมองอยู่ไม่ไกล

วีรภพจ้องมองพี่ชายด้วยสายตาเรียบนิ่งที่ไม่สามารถมองออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มถอดลมหายใจยาวก่อนที่เขาจะเดินออกจากบ้านไป

รถคันหรูเเล่นตรงไปยังคอนโดของหญิงสาว ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไป ก่อนที่เขาจะกวาดตามองไปรอบห้อง สายตาเรียบนิ่งจับจ้องไปยังตู้ลิ้นชักบนหัวเตียง…

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ