แม้ว่าวีรภัทรคิดอยากจะล่าถอยจากหญิงสาว แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังทำใจไปจากเธอไม่ได้ ชายหนุ่มหาเหตุผลเพื่อโทรหาหญิงสาว แต่สุดท้ายแล้วเมื่อได้ยินเสียงเย็นชาของเธอที่ตอบกลับมาก็ทำให้เขานั้นรู้สึกโมโห ยิ่งช่วงนี้อารมณ์ของเขานั้นขึ้น ๆ ลง ๆ ทำให้ชายหนุ่มเผลอพูดจาไม่ดีกับเธอ
“ผมอยากให้คุณมาหาผม”
น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นกึ่งบังคับ เขารู้ดีว่าอย่างไรเสียก็ไม่อาจโน้มน้าวใจหญิงสาวให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ฉะนั้นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาได้ใกล้ชิดเธอก็คือการบีบบังคับและต่อรอง
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเงียบไปไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ เขาก็รีบเอ่ยขึ้น
“ก็แล้วแต่นะ ถ้าคุณไม่มาผมจะเอาเรื่องของเราไปบอกภพ”
ชายหนุ่มข่มขู่ ก่อนรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ หญิงสาวไม่มีทางเลือกเธอถอนหายใจยาว เสียงของความหนักใจทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่ดี
เขาไม่ได้ต้องการบีบบังคับ แต่เพราะไม่มีทางเลือกจึงจำใจต้องทำเช่นนี้
“เดี๋ยวผมไปรับ คุณส่งพิกัดมา”
ไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงสาว เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงก่อนที่เสียงข้อความจะดังขึ้น
สโรชาส่งแผนที่มาให้ชายหนุ่ม หลังจากที่ได้รับข้อความจากหญิงสาวแล้วเขาก็รีบแต่งตัว ก่อนจะมองกระจกอยู่นานเพื่อสำรวจว่าดูดีแล้วหรือยัง
รถสปอร์ตคันหรูแล่นไปตามท้องถนน เสี้ยวหนึ่งในใจเขามีความสุขที่จะได้เจอหน้าอดีตคนรักอีกครั้ง แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วเธอกลับไม่ยินดีที่จะได้พบหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มพยายามไม่สนใจเขาแค่อยากตักตวงความสุขที่อยู่ตรงหน้าก็เท่านั้น ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาชีวิตของเขามืดมน จนเมื่อได้พบหญิงสาวอีกครั้ง แสงสว่างแห่งความหวังในใจก็ถูกจุดขึ้นมา
เขาอยากใช้เวลานี้เพื่อง้องอนเธอ มองเข้าไปในดวงตาของสโรชาแล้ว เขามั่นใจว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน
“จะพาฉันไปไหนคะ”
หญิงสาวเอยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเลี้ยวรถขึ้นทางด่วน ป้ายตรงหน้าชี้ไปยังเส้นทางที่เธอและเขากำลังมุ่งตรงไป
“ผมแค่อยากพาคุณไปรำลึกความหลัง เผื่อว่ามันจะทำให้คุณเปลี่ยนใจ”
เขากับเธอเลิกกันได้ไม่นาน เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าหญิงสาวจะลืมเขาไปแล้ว แม้จะรู้สึกผิดต่อน้องชาย แต่วีรภัทรยังคงดึงดันที่จะทำตามเสียงหัวใจ แม้มันจะผิดก็ตาม
สโรชาถอนลมหายใจยาว ต่อให้เธอลืมเขาไม่ได้ก็ใช่ว่าเธอคิดจะหวนกลับไป การกลับมาของวีรภัทร ทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกสับสน เธอเข้าใจว่าตัวเองนั้นรักวีรภพมาก แต่หัวใจไม่รักดีก็ยังคงเรียกร้องหาคนข้างกาย
สถานที่ที่ชายหนุ่มพาหญิงสาวมาเป็นชายหาดที่ค่อนข้างเงียบสงบ อาจเพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ชื่อดังทำให้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบ้านพักตากอากาศของคนมีฐานะเสียมากกว่า
“คุณอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม”
ทันทีที่มาถึงชายหนุ่มก็เอ่ยถามหญิงสาว เขาต้องการแสดงให้เธอเห็นว่าเขานั้นใส่ใจเธอมากเพียงใด แต่ดูเหมือนว่าสโรชานั้นจะไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งกับการกระทำของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
หญิงสาวมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าบ้านหลังนี้มีห้องนอนมากกว่าหนึ่ง เธอก็ไม่รอช้ารีบเอ่ยบอกความต้องการของตัวเองทันที
“ฉันต้องการแยกห้องค่ะ”
วีรภัทรนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพยักหน้ายินยอม เพียงแค่เขาถือวิสาสะพาเธอมาที่นี่ ก็ทำให้สโรชารู้สึกขุ่นเคืองมากพอแล้ว ฉะนั้นเขาจึงไม่อยากขัดใจเธอ
หญิงสาวหายเข้าไปอยู่ในห้องตลอดทั้งวัน เธอใช้เวลาส่วนใหญ่นอนดูหนังอยู่บนเตียง ใส่หูฟังตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอก
วีรภัทรแอบแง้มประตูดู เขาอยากใช้เวลาร่วมกันกับเธอแต่ไม่กล้าพอที่จะรบกวน ชายหนุ่มไม่อยากเห็นสายตาเย็นชาคู่นั้นยามที่จ้องมองเขา
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงเย็น แต่หญิงสาวก็ยังคงขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง ชายหนุ่มเห็นว่าเธอไม่ยอมออกมาเสียทีจึงถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไป สโรชาทำสีหน้าไม่พอใจที่ถูกรบกวนเวลาส่วนตัว เธอนิ่งเฉยยามที่เขาพยายามพูดคุยด้วย
วีรภัทรพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด เขาพาเธอมาที่นี่ก็เพื่อหวังว่าจะปรับความเข้าใจกัน แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวนั้นจะพยายามต่อต้านทุกอย่าง
“เย็นแล้วคุณไม่หิวหรือไง”
“ไม่ค่ะ”
แม้ตัวจะอยู่ที่นี่ แต่จิตใจเธอล่องลอยไปยังที่ห่างไกล หญิงสาวชำเลืองมองโทรศัพท์ตัวเองตลอดเวลา เพียงแค่เห็นข้อความจากแฟนหนุ่มส่งมา ใบหน้าสวยก็คลายความตึงเครียด
“คุณคงไม่อยากให้ภพรู้เรื่องของเราหรอก ใช่ไหม”
เห็นเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังยินดีที่น้องชายของเขาติดต่อมาหา
ความรู้สึกอิจฉาผุดขึ้นมา
หญิงสาวสอดโทรศัพท์ลงใต้หมอน ก่อนที่เธอจะลุกตามวีรภัทรไปอย่างไม่เต็มใจนัก
“เอาทะเลเผาชุดนึง แต่ไม่เอากุ้งนะครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยสั่งอาหาร ก่อนจะตัดเมนูที่หญิงสาวกินไม่ได้ออก เขายังคงจำได้เสมอว่าสโรชานั้นกินอะไรได้บ้างและกินอะไรไม่ได้ หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเธอเขายังไม่เคยลืมเลือน
ยังคงจำได้ทุกอย่าง
“เดี๋ยวผมแกะให้”
แม้จะดูทุลักทุเลแต่ชายหนุ่มก็ตั้งใจและเต็มใจที่จะบริการหญิงสาว สโลว์ชามีท่าทีนิ่งเฉย แต่ในใจเธอกลับไหวหวั่นเมื่อเห็นว่าวีรภัทรนั้นยังคงจำรายละเอียดเกี่ยวกับเธอได้ทุกอย่าง
“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
หลังมื้ออาหารเย็นผ่านไป ชายหนุ่มพาหญิงสาวมาเดินเล่นริมชายหาด เขาหวังว่าลมเย็น ๆ และบรรยากาศดี ๆ จะช่วยให้เธอและเขาปรับความเข้าใจกันได้ง่ายมากขึ้น
“ผมจะทำจนกว่าจะแน่ใจ”
“แน่ใจอะไรคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็แน่ใจว่าคุณยังรักผม”
“แล้วยังไง ถ้าฉันยังรัก คุณจะขอร้องให้ฉันกลับไปหาคุณเหรอ แล้วน้องชายคุณล่ะ คุณเคยคิดห่วงความรู้สึกเขาบ้างไหม”
วีรภัทรเป็นถึงประธานบริษัท แต่กลับทำตัวเป็นเด็ก ๆ เรียกร้องความสนใจใช้วิธีข่มขู่เธอเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
บ้าชะมัด! เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ ทั้งเห็นแก่ตัว และน่ารังเกียจ
“ผมถึงบอกให้คุณเลิกกับน้องชายผมไง ในเมื่อคุณยังมีความรู้สึกดี ๆให้ผมอยู่ นั่นเท่ากับว่าคุณกำลังหลอกลวงภพ”
ชายหนุ่มเอ่ยตามสิ่งที่เขาคิด ในเมื่อหัวใจของหญิงสาวยังไม่สามารถลืมรักเก่าได้ ก็ไม่ควรที่จะเริ่มต้นใหม่
สโรชาเองก็รู้สึกผิด จะถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะกลับไปหาวีรภัทรเด็ดขาด แล้วต่อให้ไม่มีวีรภพ เธอก็ไม่มีวันให้อภัยในสิ่งที่เขาทำ
ที่ผ่านมาเธอให้โอกาสเขามากพอแล้ว ในเมื่อเขาเห็นเพื่อนดีกว่า ฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องมานั่งแคร์เธออีกต่อไป
หญิงสาวไม่อยากใส่ใจเรื่องของชายหนุ่มอีกแล้ว เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกปวดหัว ในเมื่อเขาไม่สามารถเคลียร์ชัดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนชนกได้ เช่นนั้นเขาก็ควรที่จะปล่อยเธอไปเสียที
“คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันไม่ได้คิดจะหลอกลวงน้องชายคุณ และที่ฉันยอมคบกับเขาก็เพราะว่ารัก”
ได้ยินเช่นนั้นหัวใจของวีรภัทรก็เจ็บจี๊ดขึ้นมา สายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจ้องมองใบหน้าสวย แต่สโรชาไม่สนใจ เธอพยายามมองเมินสายตานั้นไป
“คุณเลิกกับผมไปไม่ทันไร ก็รักคนอื่นแล้วเหรอ”
ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ เขาไม่ทันคิดว่าการกระทำนั้นจะทำให้หญิงสาวรู้สึกโกรธเคือง คล้ายกับว่าโดนดูถูก สโรชาหันหลังก่อนจะเดินกลับไปยังบ้านพักตากอากาศ
ทิ้งให้วีรภัทรยืนทบทวนคำพูดของตัวเองด้วยความรู้สึกผิด
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?