ตอนที่ 12 บีบบังคับ

แม้ว่าวีรภัทรคิดอยากจะล่าถอยจากหญิงสาว แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังทำใจไปจากเธอไม่ได้ ชายหนุ่มหาเหตุผลเพื่อโทรหาหญิงสาว แต่สุดท้ายแล้วเมื่อได้ยินเสียงเย็นชาของเธอที่ตอบกลับมาก็ทำให้เขานั้นรู้สึกโมโห ยิ่งช่วงนี้อารมณ์ของเขานั้นขึ้น ๆ ลง ๆ ทำให้ชายหนุ่มเผลอพูดจาไม่ดีกับเธอ

“ผมอยากให้คุณมาหาผม”

น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นกึ่งบังคับ เขารู้ดีว่าอย่างไรเสียก็ไม่อาจโน้มน้าวใจหญิงสาวให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ฉะนั้นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาได้ใกล้ชิดเธอก็คือการบีบบังคับและต่อรอง

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเงียบไปไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ เขาก็รีบเอ่ยขึ้น

“ก็แล้วแต่นะ ถ้าคุณไม่มาผมจะเอาเรื่องของเราไปบอกภพ”

ชายหนุ่มข่มขู่ ก่อนรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ หญิงสาวไม่มีทางเลือกเธอถอนหายใจยาว เสียงของความหนักใจทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่ดี

เขาไม่ได้ต้องการบีบบังคับ แต่เพราะไม่มีทางเลือกจึงจำใจต้องทำเช่นนี้

“เดี๋ยวผมไปรับ คุณส่งพิกัดมา”

ไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงสาว เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงก่อนที่เสียงข้อความจะดังขึ้น

สโรชาส่งแผนที่มาให้ชายหนุ่ม หลังจากที่ได้รับข้อความจากหญิงสาวแล้วเขาก็รีบแต่งตัว ก่อนจะมองกระจกอยู่นานเพื่อสำรวจว่าดูดีแล้วหรือยัง

รถสปอร์ตคันหรูแล่นไปตามท้องถนน เสี้ยวหนึ่งในใจเขามีความสุขที่จะได้เจอหน้าอดีตคนรักอีกครั้ง แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วเธอกลับไม่ยินดีที่จะได้พบหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มพยายามไม่สนใจเขาแค่อยากตักตวงความสุขที่อยู่ตรงหน้าก็เท่านั้น ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาชีวิตของเขามืดมน จนเมื่อได้พบหญิงสาวอีกครั้ง แสงสว่างแห่งความหวังในใจก็ถูกจุดขึ้นมา

เขาอยากใช้เวลานี้เพื่อง้องอนเธอ มองเข้าไปในดวงตาของสโรชาแล้ว เขามั่นใจว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน

“จะพาฉันไปไหนคะ”

หญิงสาวเอยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเลี้ยวรถขึ้นทางด่วน ป้ายตรงหน้าชี้ไปยังเส้นทางที่เธอและเขากำลังมุ่งตรงไป

“ผมแค่อยากพาคุณไปรำลึกความหลัง เผื่อว่ามันจะทำให้คุณเปลี่ยนใจ”

เขากับเธอเลิกกันได้ไม่นาน เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าหญิงสาวจะลืมเขาไปแล้ว แม้จะรู้สึกผิดต่อน้องชาย แต่วีรภัทรยังคงดึงดันที่จะทำตามเสียงหัวใจ แม้มันจะผิดก็ตาม

สโรชาถอนลมหายใจยาว ต่อให้เธอลืมเขาไม่ได้ก็ใช่ว่าเธอคิดจะหวนกลับไป การกลับมาของวีรภัทร ทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกสับสน เธอเข้าใจว่าตัวเองนั้นรักวีรภพมาก แต่หัวใจไม่รักดีก็ยังคงเรียกร้องหาคนข้างกาย

สถานที่ที่ชายหนุ่มพาหญิงสาวมาเป็นชายหาดที่ค่อนข้างเงียบสงบ อาจเพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ชื่อดังทำให้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบ้านพักตากอากาศของคนมีฐานะเสียมากกว่า

“คุณอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม”

ทันทีที่มาถึงชายหนุ่มก็เอ่ยถามหญิงสาว เขาต้องการแสดงให้เธอเห็นว่าเขานั้นใส่ใจเธอมากเพียงใด แต่ดูเหมือนว่าสโรชานั้นจะไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งกับการกระทำของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

หญิงสาวมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าบ้านหลังนี้มีห้องนอนมากกว่าหนึ่ง เธอก็ไม่รอช้ารีบเอ่ยบอกความต้องการของตัวเองทันที

“ฉันต้องการแยกห้องค่ะ”

วีรภัทรนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพยักหน้ายินยอม เพียงแค่เขาถือวิสาสะพาเธอมาที่นี่ ก็ทำให้สโรชารู้สึกขุ่นเคืองมากพอแล้ว ฉะนั้นเขาจึงไม่อยากขัดใจเธอ

หญิงสาวหายเข้าไปอยู่ในห้องตลอดทั้งวัน เธอใช้เวลาส่วนใหญ่นอนดูหนังอยู่บนเตียง ใส่หูฟังตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอก

วีรภัทรแอบแง้มประตูดู เขาอยากใช้เวลาร่วมกันกับเธอแต่ไม่กล้าพอที่จะรบกวน ชายหนุ่มไม่อยากเห็นสายตาเย็นชาคู่นั้นยามที่จ้องมองเขา

เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงเย็น แต่หญิงสาวก็ยังคงขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง ชายหนุ่มเห็นว่าเธอไม่ยอมออกมาเสียทีจึงถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไป สโรชาทำสีหน้าไม่พอใจที่ถูกรบกวนเวลาส่วนตัว เธอนิ่งเฉยยามที่เขาพยายามพูดคุยด้วย

วีรภัทรพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด เขาพาเธอมาที่นี่ก็เพื่อหวังว่าจะปรับความเข้าใจกัน แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวนั้นจะพยายามต่อต้านทุกอย่าง

“เย็นแล้วคุณไม่หิวหรือไง”

“ไม่ค่ะ”

แม้ตัวจะอยู่ที่นี่ แต่จิตใจเธอล่องลอยไปยังที่ห่างไกล หญิงสาวชำเลืองมองโทรศัพท์ตัวเองตลอดเวลา เพียงแค่เห็นข้อความจากแฟนหนุ่มส่งมา ใบหน้าสวยก็คลายความตึงเครียด

“คุณคงไม่อยากให้ภพรู้เรื่องของเราหรอก ใช่ไหม”

เห็นเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังยินดีที่น้องชายของเขาติดต่อมาหา

ความรู้สึกอิจฉาผุดขึ้นมา

หญิงสาวสอดโทรศัพท์ลงใต้หมอน ก่อนที่เธอจะลุกตามวีรภัทรไปอย่างไม่เต็มใจนัก

“เอาทะเลเผาชุดนึง แต่ไม่เอากุ้งนะครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยสั่งอาหาร ก่อนจะตัดเมนูที่หญิงสาวกินไม่ได้ออก เขายังคงจำได้เสมอว่าสโรชานั้นกินอะไรได้บ้างและกินอะไรไม่ได้ หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเธอเขายังไม่เคยลืมเลือน

ยังคงจำได้ทุกอย่าง

“เดี๋ยวผมแกะให้”

แม้จะดูทุลักทุเลแต่ชายหนุ่มก็ตั้งใจและเต็มใจที่จะบริการหญิงสาว สโลว์ชามีท่าทีนิ่งเฉย แต่ในใจเธอกลับไหวหวั่นเมื่อเห็นว่าวีรภัทรนั้นยังคงจำรายละเอียดเกี่ยวกับเธอได้ทุกอย่าง

“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”

หลังมื้ออาหารเย็นผ่านไป ชายหนุ่มพาหญิงสาวมาเดินเล่นริมชายหาด เขาหวังว่าลมเย็น ๆ และบรรยากาศดี ๆ จะช่วยให้เธอและเขาปรับความเข้าใจกันได้ง่ายมากขึ้น

“ผมจะทำจนกว่าจะแน่ใจ”

“แน่ใจอะไรคะ”

หญิงสาวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“ก็แน่ใจว่าคุณยังรักผม”

“แล้วยังไง ถ้าฉันยังรัก คุณจะขอร้องให้ฉันกลับไปหาคุณเหรอ แล้วน้องชายคุณล่ะ คุณเคยคิดห่วงความรู้สึกเขาบ้างไหม”

วีรภัทรเป็นถึงประธานบริษัท แต่กลับทำตัวเป็นเด็ก ๆ เรียกร้องความสนใจใช้วิธีข่มขู่เธอเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

บ้าชะมัด! เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ ทั้งเห็นแก่ตัว และน่ารังเกียจ

“ผมถึงบอกให้คุณเลิกกับน้องชายผมไง ในเมื่อคุณยังมีความรู้สึกดี ๆให้ผมอยู่ นั่นเท่ากับว่าคุณกำลังหลอกลวงภพ”

ชายหนุ่มเอ่ยตามสิ่งที่เขาคิด ในเมื่อหัวใจของหญิงสาวยังไม่สามารถลืมรักเก่าได้ ก็ไม่ควรที่จะเริ่มต้นใหม่

สโรชาเองก็รู้สึกผิด จะถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะกลับไปหาวีรภัทรเด็ดขาด แล้วต่อให้ไม่มีวีรภพ เธอก็ไม่มีวันให้อภัยในสิ่งที่เขาทำ

ที่ผ่านมาเธอให้โอกาสเขามากพอแล้ว ในเมื่อเขาเห็นเพื่อนดีกว่า ฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องมานั่งแคร์เธออีกต่อไป

หญิงสาวไม่อยากใส่ใจเรื่องของชายหนุ่มอีกแล้ว เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกปวดหัว ในเมื่อเขาไม่สามารถเคลียร์ชัดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนชนกได้ เช่นนั้นเขาก็ควรที่จะปล่อยเธอไปเสียที

“คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันไม่ได้คิดจะหลอกลวงน้องชายคุณ และที่ฉันยอมคบกับเขาก็เพราะว่ารัก”

ได้ยินเช่นนั้นหัวใจของวีรภัทรก็เจ็บจี๊ดขึ้นมา สายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจ้องมองใบหน้าสวย แต่สโรชาไม่สนใจ เธอพยายามมองเมินสายตานั้นไป

“คุณเลิกกับผมไปไม่ทันไร ก็รักคนอื่นแล้วเหรอ”

ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ เขาไม่ทันคิดว่าการกระทำนั้นจะทำให้หญิงสาวรู้สึกโกรธเคือง คล้ายกับว่าโดนดูถูก สโรชาหันหลังก่อนจะเดินกลับไปยังบ้านพักตากอากาศ

ทิ้งให้วีรภัทรยืนทบทวนคำพูดของตัวเองด้วยความรู้สึกผิด

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ