ตอนที่ 8 เหมือนเข้าใจ

บรรยากาศเงียบงันถูกทำลายลงด้วยเสียงฝีเท้าหนักแน่นที่ดังมาแต่ไกล ทุกคนในกระท่อมกลางเงียบกริบทันที เสียงฝีเท้านั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งประตูกระท่อมถูกผลักเปิดอย่างแรง

เสือเฮียวยืนตระหง่านอยู่ที่ประตู สีหน้าดุดัน ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วกระท่อม สะดุดที่ภาพของวศินที่ยังคงนั่งอยู่ข้างเมฆ มือเปื้อนเลือด

“เกิดอะไรขึ้น !?” เสียงทุ้มต่ำดังก้องกระท่อม เหมือนเสียงคำรามของสัตว์ร้าย

ไม่มีใครกล้าตอบ แม้แต่กล้าก็ยังก้มหน้านิ่ง ซ้งที่ยืนอยู่ข้างนอกก้าวเข้ามาข้างในกระท่อม

“เมฆติดกับดักสัตว์ บาดเจ็บสาหัส ขาแทบขาด” ซ้งรายงาน

“แล้วมึงมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ?” ดวงตาคมของเสือเฮียวหรี่ลง จ้องมองไปที่วศิน

“เอ่อคือ” ลูกน้องคนที่อนุญาตให้วศินมาพยายามอธิบาย แต่ถูกเสือเฮียวยกมือห้าม

“กูถามมัน !” เสือเฮียวคำราม พลางชี้ไปที่วศิน

วศินลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ แม้ขาจะสั่นเทาด้วยความอ่อนแรง “ผมได้ยินเสียงร้องตอนอาบน้ำที่ลำธาร ก็เลยขออาสามาช่วย”

เสือเฮียวก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว คว้าคอเสื้อของวศินกระชากขึ้น นัยน์ตาฉายแววโกรธเกรี้ยว

“มึงคิดว่ามึงเป็นใคร !?” เสียงคำรามของเขาเหมือนสัตว์ร้าย “ฉลาดนักใช่ไหม? อาสาช่วยคน ทำตัวเป็นวีรบุรุษ หวังให้พวกกูสงสาร ?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น” วศินตอบเสียงเรียบ ไม่มีความหวาดกลัวในดวงตา “ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมทำได้ เมื่อมีคนต้องการความช่วยเหลือ”

เสือเฮียวจ้องมองวศินอย่างเดือดดาล มือข้างหนึ่งหยิบมีดประจำตัวที่เอวออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ใช้มันจ่อที่ลำคอของวศิน และหันไปมองเมฆที่นอนอยู่บนเสื่อ

“มันช่วยมึงจริงหรือ ?”

เมฆพยักหน้าช้าๆ “ขอรับนาย มันเอาฟันเหล็กออกได้โดยไม่ทำให้แผลฉีกขาดมากไปกว่าเดิม”

เสือเฮียวหันกลับมามองวศินอีกครั้ง สายตาประเมินอย่างเย็นชา ก่อนจะสังเกตเห็นเข็มที่วางอยู่ข้าง ๆ เสื่อ

“นั่นอะไร !?” เขาผลักวศินออกห่าง ก้มลงหยิบเข็มขึ้นมาดู

“เข็มเย็บแผล ผมใช้มันงัดฟันเหล็กออก” วศินตอบตามตรง

“มึงซ่อนอาวุธไว้ตลอดเวลา !?” เสือเฮียวถามเสียงเข้ม ความโกรธปะทุในแววตา

“มันไม่ใช่อาวุธ” วศินส่ายหน้า “มันเป็นอุปกรณ์ของหมอ”

เสือเฮียวหัวเราะเสียงเย็น “เข็มแทงคอคนตายได้สบาย ๆ มึงคิดว่ากูโง่รึไง?”

“ถ้าผมต้องการทำร้ายใคร ผมคงไม่รอให้คนบาดเจ็บก่อน แล้วค่อยใช้เข็มช่วยเหลือหรอกนะ” วศินตอบกลับ

เสือเฮียวชะงักไปเล็กน้อย ราวกับกำลังประมวลเหตุผล แต่แล้วเขาก็กระชากคอเสื้อวศินขึ้นมาใหม่

“กูไม่ได้อนุญาตให้มึงช่วยใคร! มึงแอบซ่อนอาวุธ และที่สำคัญ มึงไม่เชื่อฟังคำสั่งกู!” เสียงคำรามดังลั่นกระท่อม “ในคุ้มนี้ มึงไม่มีสิทธิ์ทำอะไรที่กูไม่อนุญาต !”

วศินไม่ตอบโต้ ใบหน้าเรียบเฉย แม้จะอยู่ในอันตราย เสือเฮียวผลักร่างของวศินไปที่ผนังกระท่อมอย่างแรง จนร่างที่ใกล้หมดแรงกระแทกเข้ากับเสาไม้

“เอาตัวมันกลับไปขังไว้ !” เสือเฮียวสั่ง “ไม่ให้อาหารสองวัน! ให้มันหัดเชื่อฟังกฎของคุ้มโจรเสือเฮียว!”

“แต่นายเสือ...” เมฆเอ่ยเสียงแผ่ว “มันช่วยชีวิตกระผม...”

“กูไม่ได้สั่งให้มันช่วย !” เสือเฮียวหันไปตวาดใส่เมฆ “ลูกน้องกูต้องเชื่อฟังคำสั่งกูเท่านั้น ไม่ใช่ทำตามใจตัวเอง!”

แล้วเขาก็หันกลับไปมองวศินที่ยังนั่งพิงเสาอยู่ “พาตัวมันไป! ถ้ามันหนี หัวมึงกับหัวมันจะหลุดพร้อมกัน!”

แสงจากกองไฟกลางลานคุ้มโจรลุกโชนสว่างไสว เสียงเฮฮาของเหล่าลูกน้องเสือเฮียวดังก้องไปทั่ว คืนนี้เป็นคืนแห่งการฉลองชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ หลังจากที่พวกเขาสามารถปล้นคฤหาสน์ของขุนนางใหญ่คนหนึ่งในอำเภอข้างเคียงได้สำเร็จ ไร้ร่องรอยและไร้พยาน

“เฮ้ !” เสียงทุ้มต่ำของเสือเฮียวดังขึ้น มือหนาชูขวดเหล้าขาวขึ้นสูง “คืนนี้พวกมึงสนุกให้เต็มที่ เวลาจริงจังก็ควรจริงจัง แต่ยามไม่ได้ต่อสู้ก็ปลดปล่อยกันเสียบ้าง”

เสียงโห่ร้องดังขึ้นพร้อมกัน เหล้าขาวถูกรินใส่จอกไม้ไผ่และถูกดื่มรวดเดียวหมด ก่อนที่จะถูกเติมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสือเฮียวดื่มหนักกว่าใคร เขายกขวดดื่มตรง ๆ น้ำเสียงหัวเราะดังกว่าปกติ แต่แววตากลับไม่ได้หัวเราะไปด้วย

นิลเต้นระบำรอบกองไฟอย่างสวยงาม ร่างบางในชุดสีแดงสดส่ายไปมาตามจังหวะกลองและแคน หลายคนตบมือตามจังหวะ บางคนโยกตัวไปมา สายตาของเหล่าโจรจับจ้องร่างระหงด้วยความหลงใหล แต่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง เพราะรู้ดีว่านิลเป็นคนของใคร

เสือเฮียวนั่งอยู่บนขอนไม้ใหญ่ที่ถูกวางเป็นเหมือนบัลลังก์กลางลาน ดวงตาคมกริบจับจ้องเปลวไฟที่เต้นระบำไม่ต่างจากนิล ความคิดของเขาไม่ได้อยู่ที่การฉลอง ไม่ได้อยู่ที่ร่างของนิลที่กำลังเย้ายวน แต่กลับวนเวียนอยู่ที่คนที่ถูกขังอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ ห่างออกไป

ภาพใบหน้าของวศินปรากฏขึ้นในห้วงความคิด สายตาที่มั่นคงแม้จะเผชิญหน้ากับความตาย ความกล้าหาญที่ฝังลึกใต้ความสุภาพ และการกระทำที่แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจแม้กับศัตรู ทุกอย่างทำให้เสือเฮียวรู้สึกหงุดหงิด มันไม่ควรเป็นเช่นนั้น? ทำไมคนที่เขาควรเกลียดชังกลับทำให้เขาสับสน ?

“นายเสือ” เสียงของซ้งดึงเขากลับสู่ความเป็นจริง “ดื่มอีกไหม?”

เสือเฮียวพยักหน้า ยื่นขวดเปล่าให้ซ้งเปลี่ยนเป็นขวดใหม่ เขาดื่มอีกอึกใหญ่ ปล่อยให้ความร้อนของเหล้าขาวแผดเผาลำคอและจิตใจ

“มันเป็นหมอจริง” เสือเฮียวพึมพำเบา ๆ

“หือ ?” ซ้งเอียงหูเข้ามาฟังใกล้ ๆ

“ไอ้เชลยนั่น... มันเป็นหมอจริง” เสือเฮียวพูดเสียงห้วน “ทำไมคนอย่างมันถึงเกิดมาในตระกูลชั่วช้านั่น”

ซ้งไม่ตอบ รู้ดีว่านายของเขาไม่ได้ต้องการคำตอบ เสียงเฮฮารอบกองไฟดังต่อไป แต่เสือเฮียวจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

เวลาผ่านไปจนดึก การฉลองดำเนินไปอย่างเข้มข้น หลายคนเมาหลับคาลาน บางคนยังคงดื่มและร้องเพลงเสียงแหบแห้ง นิลนั่งซบอยู่บนตักของชายคนหนึ่ง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เสียงหัวเราะคิกคักดังเป็นระยะ

เสือเฮียวลุกขึ้นยืน การทรงตัวไม่มั่นคงเหมือนปกติ แต่ยังประคองตัวเองได้ เขาเดินออกจากวงฉลองโดยไม่บอกใคร แต่ถึงมีใครเห็นก็ไม่มีใครกล้าถาม

ร่างสูงใหญ่เดินตัดผ่านความมืดของป่าโดยไม่ต้องใช้ตะเกียง ดวงตาของเขาชินกับความมืดตั้งแต่เด็ก เสียงฝีเท้าหนักแน่นแม้จะมีฤทธิ์สุราแทรกอยู่ในสายเลือด ในมือถือขวดเหล้าที่เหลือประมาณครึ่งขวด

ทางเดินเล็ก ๆ พาเขาไปยังกระท่อมห่างไกล ที่ถูกแยกออกจากคุ้มหลัก ไม่มียามเฝ้า เพราะไม่มีใครเชื่อว่าวศินจะหนีได้ และหากหนีไปตอนนี้ ก็คงหาทางออกจากป่าลึกไม่ได้อยู่แล้ว

เสือเฮียวยืนนิ่งอยู่หน้ากระท่อม ความคิดวุ่นวายในหัว ส่วนหนึ่งบอกให้เขากลับไป อีกส่วนกลับผลักดันให้เข้าไปข้างใน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องการพบหน้าศัตรู ทำไมความคิดถึงใบหน้านั้นถึงไม่ยอมหายไปจากหัว

สุดท้าย ฤทธิ์สุราเอาชนะความลังเล เขาเลื่อนกลอนประตูเปิดอย่างแรง แสงจากดวงจันทร์สาดส่องเข้าไปในกระท่อมมืดเป็นสาย

วศินนั่งอยู่ริมหน้าต่างเล็ก ๆ มองดูพระจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า เขาไม่ได้นอนหลับเหมือนที่เสือเฮียวคาดไว้ ร่างของเขาแข็งค้างเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด แต่ไม่ได้หันมามอง ราวกับรู้อยู่แล้วว่าใครกำลังมา

“ยังไม่นอนอีกหรือ” เสียงทุ้มต่ำของเสือเฮียวแหบพร่ากว่าปกติ เจือด้วยกลิ่นสุรา

วศินหันมาช้า ๆ แสงจันทร์สาดส่องใบหน้าหล่อเหลา ทำให้ดวงตาดูลึกลับและคมกว่าที่ควรจะเป็น

“ผมนอนไม่ค่อยหลับหรอก” วศินตอบเสียงเรียบ

เสือเฮียวปิดประตูลง เดินเข้ามาในกระท่อม แม้ความมืดจะปกคลุม แต่แสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างก็มากพอให้มองเห็นกัน

“ทำไมมึงช่วยไอ้เมฆ ?” เสือเฮียวถามตรง ๆ น้ำเสียงแข็ง

วศินนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบ “เพราะเขาต้องการความช่วยเหลือ”

“ไอ้ส้นตีน !” เสือเฮียวสบถ “มึงรู้ไหมว่ามันเกลียดมึงแค่ไหน มันด่ามึงทุกวัน อยากให้กูฆ่ามึง แล้วมึงยังจะช่วยมันอีก?”

“ความเกลียดชังของเขาไม่ได้เปลี่ยนหน้าที่ของผม” วศินตอบเสียงนิ่ง “ผมเป็นหมอ ไม่ใช่ผู้พิพากษา”

เสือเฮียวยกขวดเหล้าขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่ เขาเดินเข้ามาใกล้วศิน ทิ้งตัวลงนั่งบนเสื่อตรงข้าม

“มึงแปลกคนนะ สมควรตายเพราะนามสกุลของมึง แต่กลับทำตัวเหมือนสิทธิชน”

“คุณคงเชื่อว่าผมควรชดใช้บาปที่ครอบครัวผมก่อไว้ แต่คุณเคยถามตัวเองไหม ว่าความแค้นนั้นจะพาคุณไปถึงไหน?” วศินมองตรงเข้าไปในดวงตาเสือเฮียว

“มึงจะไปรู้อะไร !” เสือเฮียวโวยวาย

“ผมรู้ว่าความแค้นกำลังกินตัวคุณจากข้างใน มันทำให้คุณมองไม่เห็นความจริง” เขาพูดต่อไม่สะทกสะท้านกับความโกรธของเสือเฮียว

“ความจริงอะไร !?” เสือเฮียวผลักตัววศินเข้ากับผนังกระท่อม เสียงไม้ลั่นเอี๊ยดในความเงียบ “ความจริงที่มึงพยายามป้ายความผิดให้ลุงสินะ !? ความจริงที่ว่าพ่อของมึงอาจไม่ได้เกี่ยวข้องงั้นสิ !?”

วศินไม่ขัดขืนเมื่อถูกกดไว้กับผนัง แต่สายตากลับมองตรงอย่างไม่หวั่นเกรง

“ผมจะช่วยคุณหาความจริง ไม่ว่ามันจะทำร้ายใคร” เสียงของวศินหนักแน่น “บางทีพ่อผมอาจทำผิดจริง ๆ ก็ได้ แต่คุณสมควรได้รู้ความจริงทั้งหมด”

“มึงพูดเหมือนกับว่ามึงเข้าใจกู” เสือเฮียวพ่นลมหายใจร้อน ๆ ใส่ใบหน้าวศิน กลิ่นเหล้าขาวโชยแรง “ไม่มีใครเข้าใจกู! ไม่มีใครรู้ว่ากูผ่านอะไรมา!”

“แล้วความเจ็บปวดนั้นลดลงบ้างไหม ? หลังจากที่คุณฆ่ามาหลายชีวิต ปล้นมาหลายครัวเรือน ?” วศินถามเสียงเบา “มันเติมเต็มหลุมดำในใจคุณได้จริง ๆ หรือ?”

คำถามนั้นกระแทกใจเสือเฮียวอย่างจัง มือหนาจิกเข้าที่คอเสื้อวศินแน่นขึ้น

“กูจะฆ่ามึง...” เขาคำรามเสียงต่ำ “มึงไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์กู!”

“ทำไมคุณไม่ฆ่าผมตั้งแต่แรก ?” วศินถาม สีหน้าท้าทายขึ้น “ทำไมต้องเก็บผมไว้ ? ทำไมต้องมาดื่มเหล้าที่นี่คืนนี้ ?”

ความโกรธระอุในอกเสือเฮียวราวกับภูเขาไฟระเบิด คำถามของวศินเหมือนมีดแทงลึกเข้าไปถึงบาดแผลที่เขาพยายามซ่อนไว้ เขาผลักวศินลงบนเสื่อใยกก กดร่างสูงนั้นไว้ด้วยน้ำหนักตัว

“มึงจะเข้าใจอะไร !?” เสือเฮียวคำราม “ในเมื่อมึงเติบโตมาในคฤหาสน์ ! มึงไม่เคยดูพ่อแม่ถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา ไม่เคยต้องซ่อนตัวใต้พื้นกระดาน ได้กลิ่นเลือดที่ไหลลงมาเปรอะมือ !”

วศินไม่ขัดขืน แต่สายตายังคงจ้องตรงไปที่นัยน์ตาคู่คมของเสือเฮียว “คุณคิดว่าผมไม่มีบาดแผล? คุณคิดว่าทำไมผมถึงไม่เข้ากับพ่อ ไม่เข้ากับตระกูลของตัวเอง? ผมก็มีเรื่องราวของผม เสือเฮียว... ผมแค่เลือกที่จะไม่ให้มันกินตัวผมจากข้างใน”

ชั่วขณะหนึ่ง ความเงียบปกคลุมกระท่อมเล็ก มีเพียงเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของเสือเฮียวและแสงจันทร์ที่ทอดผ่านร่างของทั้งสอง เสือเฮียวมองใบหน้าด้านล่าง ดวงตาที่ไม่เคยหลบ ริมฝีปากที่เปื้อนยิ้มเบา ๆราวกับรู้ดีว่าเขากำลังชนะการต่อสู้ทางความคิด

“มึงจะได้รู้ว่าการแก้แค้นของกูเป็นยังไง” เสือเฮียวพูดเสียงต่ำ

มือหนากระชากเสื้อของวศิน เสียงผ้าฉีกขาดดังในความเงียบ วศินสะดุ้ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจเป็นครั้งแรก

“คุณจะทำอะไร?” วศินถาม เสียงสั่นเล็กน้อย

“แก้แค้น” เสือเฮียวตอบเสียงเย็น “แก้แค้นบนร่างกายที่สมบูรณ์แบบของมึง แก้แค้นตระกูลที่มึงเกิดมา”

เสือเฮียวโน้มใบหน้าลงต่ำ ดมกลิ่นกายวศินเข้าไปเต็มปอด ได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของสมุนไพรและความสะอาด แตกต่างจากกลิ่นกายเขาที่เต็มไปด้วยเหงื่อ

วศินผลักร่างหนัก ๆ นั้นอย่างสุดแรง ความตกใจทำให้เกิดแรงมากกว่าที่คาด ร่างของเสือเฮียวเซไปด้านข้าง วศินรีบลุกขึ้น แต่ขาขัดกันด้วยความร้อนรน ทำให้เขาล้มลงอีกครั้ง

เสือเฮียวฉวยโอกาสนั้นคว้าข้อเท้าวศิน ดึงร่างสูงนั้นกลับมา ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธและความต้องการอย่างสัตว์ร้าย

“มึงจะไปไหน !?” เสือเฮียวคำราม “กูยังไม่อนุญาต !”

วศินดิ้นสุดแรง กระเสือกกระสนอย่างสิ้นหวัง แต่พละกำลังของเขาไม่อาจต่อกรกับเสือเฮียวได้ โดยเฉพาะเมื่อร่างกายอ่อนแอจากการอดอาหารมาหลายวัน

“ปล่อยผม!” วศินตะโกน

“มึงไม่ได้กำหนด !” เสือเฮียวตอบกลับ “ที่นี่กูเป็นคนกำหนด เข้าใจไหม !?”

ร่างของวศินถูกผลักกลับลงบนเสื่อ ครั้งนี้แรงกว่าเดิม เสือเฮียวทาบทับร่างนั้นไว้ พร้อมกับดึงเข็มขัดตัวเองออกอย่างรวดเร็ว

“คุณไม่เคยทำแบบนี้” วศินพูดเสียงแผ่ว “คุณไม่ใช่คนแบบนี้”

“มึงรู้อะไรเกี่ยวกับกู ?” เสือเฮียวหัวเราะเสียงขื่น “กูเป็นเสือร้าย กูเป็นปีศาจแบบที่คนอื่นพูดกันนั่นแหละ ไม่มีความปรานี”

มือของเสือเฮียวกระชากกางเกงวศินรุนแรง ทำให้แถบเอวขาด วศินสู้สุดแรง มือพยายามปัดป้องตัวเอง แต่เสือเฮียวกดข้อมือทั้งสองของเขาไว้เหนือศีรษะด้วยมือเดียว

“หยุดนะ !” วศินตะโกน “นี่ไม่ใช่ตัวคุณ! นี่แค่เหล้าในตัวคุณ!”

เสือเฮียวชะงัก มองดวงตาของวศินที่ฉายแววหวาดกลัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พบกัน คำพูดนั้นกระทบบางอย่างในใจลึก ๆ ของเขา

“รู้ไหม...” เสือเฮียวพูดเสียงต่ำ “กูดื่มเหล้านี่เพราะอะไร เพราะกูตื่นกลางดึกทุกคืน เห็นใบหน้าพ่อแม่ พี่น้องที่ตายไป”

มือข้างหนึ่งของเสือเฮียวคลายจากร่างของวศิน ดวงตาคมกริบเหม่อลอยไปไกล

“แล้วทำไมเรื่องราวของมึงถึงทำให้กูคิดมากนัก ทำไมกูถึงออกมาที่นี่ ?” เขาพึมพำ “ทำไมกูถึงรู้สึกว่าความจริงอาจไม่ใช่อย่างที่กูเชื่อมาตลอด?”

วศินรู้สึกถึงการคลายความกดทับ เขาค่อยๆ ดึงมือออกจากการเกาะกุม ไม่ได้ผลักไสหรือหนี แต่กลับยกมือขึ้นแตะใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นของเสือเฮียวอย่างแผ่วเบา

“เพราะส่วนลึกในใจคุณ รู้ว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล” วศินพูดเสียงเบา “และคุณต้องการความจริง ไม่ใช่แค่การแก้แค้น”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ