ตอนที่ 12. โรงไม้ใกล้ปิดตัว

หลังจากนั้นว่านอันอันและซ่งหมิงก็ตระเวนไปติดต่อที่โรงไม้อีกหลายแห่ง แต่ละที่ก็มีท่าทางตอบรับไม่ต่างกันนัก

“หมู่บ้านทูวา ? สั่งทำเฟอร์นิเจอร์ร้อยกว่าชิ้น ? บ้ารึเปล่า !”

“เอาเงินมากองให้ดูก่อนสิแล้วฉันจะรับทำให้”

“นี่ รู้ไหมว่าโรงไม้ฉันมีคนมาเข้าแถวสั่งผลิตตั้งกี่เจ้า ยุ่งกันแทบตายอยู่แล้ว ไป ๆ ไปเล่นไกล ๆ”

“ฝันอยู่หรือไง !”

“ไม่รับ !”

สุดท้ายทั้งสองก็เดินเตะฝุ่นอยู่ตามรอบนอกของเมือง บนถนนอันร้างผู้คน ว่านอันอันคอตกใจเสียเล็กน้อย พวกเธอไปมาทุกโรงไม้ที่มีในเมืองเทียนจินแห่งนี้แล้ว หากยังหาที่ผลิตไม่ได้ ลำพังจ้างคนงานธรรมดาไม่มีความรู้ด้านนี้ทำคงไม่ทันส่งงานแน่

และแม้จะเอาเงินไปกองตรงหน้าพวกเถ้าแก่โรงไม้หัวสูงเพื่อแก้ไขปัญหาได้ก็จริง แต่เธอไม่อยากร่วมงานกับคนนิสัยแบบนั้น การค้านี้ต้องเป็นระยะยาวและมั่นใจว่าสามารถเชื่อใจกันและกันได้

“อันอัน ตรงนั้น... ดูเหมือนจะเป็นโรงไม้เลยครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เรียกให้เธอหันไปมอง

ไม่ไกลมีโรงไม้ขนาดกลางตั้งอยู่ ป้ายที่ดูชำรุดเลือนรางเขียนไว้ว่าโรงไม้หมู่ซาน บรรยากาศรอบด้านดูเงียบเชียบไม่คึกคักเหมือนที่ที่พวกเธอเพิ่งไปมาเลยสักนิด เสียงค้อนและเสียงเลื่อยไม้เบา ๆ แว่วมาในอากาศ เป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกว่ายังมีคนทำงานอยู่

“ไปดูกันเถอะค่ะ”

ทั้งสองชวนกันเข้าไปในบริเวณโรงไม้นั้น ก็เห็นคนประมาณสิบคนกำลังนั่งทำงานของตัวเองด้วยท่าทางไม่สดชื่น เมื่อรับรู้ได้ถึงคนมาเยือนก็หันมองช้า ๆ แล้วกลับไปทำงานของตัวเอง มีคนหนึ่งในนั้นลุกขึ้นมาต้อนรับ เขาเป็นชายร่างเล็กแต่มีกล้ามเป็นมัด ๆ ผิวสีแทนคล้ำ ผูกผ้าโพกหัวไว้บนศีรษะ ท่าทางกระฉันกระเฉงไม่น้อย

“สวัสดีครับ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า ?”

“ที่นี่เป็นโรงไม้ใช่ไหมคะ รับทำเฟอร์นิเจอร์รึเปล่า”

“อ๋อ ที่นี่โรงไม้หมู่ซาน แต่ว่าพวกเธอมาช้ากันไปหน่อยนะ วันนี้พวกเราทำงานกันเป็นวันสุดท้ายแล้วล่ะ” รอยยิ้มเศร้าของคนตรงหน้า ทำให้ว่าอันอันสะกิดใจ

“ทำไมล่ะคะ ?”

“เฮ้อ ก็ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรหรอก แค่มีรายได้ไม่มากพอเลยรักษาที่นี่ไว้ไม่ได้น่ะ เดิมทีพวกเราก็เป็นแค่คนที่รักงานไม้มารวมตัวกันเท่านั้นไม่ได้มีเส้นสายใหญ่โตอะไร แรก ๆ ยังพอมีลูกค้าอยู่บ้าง แต่หลัง ๆ ถูกพวกโรงไม้ใหญ่แย่งลูกค้าไปด้วยการเสนอราคาที่ถูกกว่า พวกเราเลยอยู่ไม่ไหวแล้วน่ะ ต่างคนต่างต้องกินต้องใช้ จะจมปลักอยู่ที่นี่ก็ใช่เหตุ”

ว่านอันอันมองดวงตาหม่นหมองของเขาและมองไปยังคนงานแต่ละคนที่ยังทำงานอยู่ด้วยดวงตาแบบเดียวกัน

“พวกคุณคงเสียใจกันมากใช่ไหมคะ”

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก ทำใจกันมานานแล้วล่ะ สิบปีที่เปิดโรงไม้นี้ขึ้นมาฉันไม่เสียใจเลย คนที่ยังเหลืออยู่กับฉันในวันสุดท้ายก็มีแค่พวกนี้แหละ เพื่อน ๆ กันทั้งนั้น คนอื่น ๆ มาอยู่ด้วยไม่เท่าไหร่ พอเห็นโรงไม้งานน้อยค่าจ้างน้อยก็ทยอยลาออกกันไปหมด”

ในใจว่านอันอันพลันมีความคิดกล้าหาญบางอย่างขึ้นมา ใบหน้างดงามปรากฏรอยยิ้มจริงใจ

“เถ้าแก่โรงไม้นี้คือคุณใช่ไหมคะ ?” เห็นเด็กสาวรุ่นหลานแสดงสีหน้าสนอกสนใจที่นี่ ทั้งยังดูเป็นมิตรเขาจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“ใช่ ๆ อ้อ จริงสิ ลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อ ซางเจ๋อ เป็นเจ้าของโรงไม้ชะตาขาดนี่น่ะ”

“ถ้าไม่รบกวนเกินไป เถ้าแก่ซานช่วยพาเราชมที่นี่หน่อยได้ไหมคะ”

“ได้สิ ฮ่า ๆ ไม่คิดว่าจะมีคนอยากมาเดินเที่ยวที่นี่ด้วย”

ว่านอันอันและซ่งหมิงเดินชมโรงงานไม้ขนาดกลางด้วยความรู้สึกต่างกัน สำหรับซ่งหมิงรู้สึกเหมือนย้อนวันวานไปตอนเด็กที่ได้คลุกคลีกับคุณลุงในหมู่บ้านเพื่อเรียนรู้งานไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ จากพวกเขา ส่วนว่านอันอันกำลังสำรวจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของที่นี่

ทั้งการวางข้าวของเป็นหมวดหมู่ตามระเบียบ การแบ่งจุดทำงานอย่างเป็นสัดส่วน และผลงานตัวอย่างบางส่วนที่รวมกันอยู่ตรงมุมหนึ่ง สายตาของเธอกวาดมองไปอย่างช้า ๆ

“ที่นี่ดูสบายตากว่าโรงไม้ที่พวกเราไปมามากเลยค่ะ”

“ฮ่า ๆ เป็นวิธีของพวกเราเอง ยังไงซะการวางข้าวของเป็นที่เป็นทางก็ทำงานง่ายกว่าตอนหาของไม่เจอใช่ไหมล่ะ”

เขาเล่าด้วยความภาคภูมิใจ

“จริงสิ พวกเธอจะสั่งทำอะไรกันล่ะ ถ้าเป็นงานง่าย ๆ พวกเราก็พอจะทำให้ได้อยู่นะ ถือเป็นงานสุดท้ายของโรงไม้หมู่ซาน”

ว่านอันอันหยุดนิ่งครุ่นคิด ก่อนหันไปหาซ่งหมิงที่อยู่ข้าง ๆ มองเขาแล้วมองโรงไม้แห่งนี้ ก่อนจะยื่นแบบแปลนการสร้างโต๊ะยาวแปลงร่างในมือไปให้เถ้าแก่ซานดู อันที่จริงเธอเตรียมแบบร่างมาสองอัน คืออันที่เธอเป็นคนร่างขึ้นมาเองคร่าว ๆ ไม่มีรายละเอียด และแบบร่างของจริง ตอนนี้เธอตัดสินใจยื่นของจริงให้เขาดูเพื่อเสี่ยงดวงและตัดสินใจอะไรบางอย่าง

“ช่วยดูสิ่งนี้หน่อยได้ไหมคะ”

ซางเจ๋อรับกระดาษไปคลี่ดู ตอนที่เขาได้เห็นสิ่งที่เขียนอยู่ดวงตาก็เบิกโตเปล่งประกายขึ้นมาทันที

“สุดยอดไปเลย ! พวกเธอได้แบบโต๊ะนี้มาจากที่ไหนกัน นี่มัน... สุดยอดมาก !”

ว่านอันอันยิ้มและถามคำถามสำคัญ

“อยากเป็นประวัติศาสตร์ที่สร้างเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมาไหมคะ”

“อยากสิ ! พวกเราน่ะสร้างโรงไม้แห่งนี้มาด้วยความฝัน ว่าวันหนึ่งจะได้สร้างสิ่งที่สุดยอดขึ้นมา แต่ว่า... แต่ว่า โรงไม้แห่งนี้ขายไปแล้ว พวกเราสร้างมันขึ้นมาไม่ได้แล้วล่ะ อีกสามวันก็จะมีคนมาปรับพื้นที่แล้ว”

“แต่เครื่องมือและคนยังอยู่ไม่ใช่เหรอคะ ไปเริ่มต้นใหม่ที่หมู่บ้านทูวาด้วยกันไหมคะ ?”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ