“อะไรควรไม่ควรก็ไม่จำเป็นต้องให้แกมาสอน ! กลับกัน คนที่ควรได้รับความรู้เพิ่มเติมคือพวกแกต่างหาก ไหนหลักฐานที่บอกว่าพวกฉันรับไม้เถื่อน แน่จริงก็เอาออกมาสิ !”
ว่านอันอันกอดอกเถียงสู้ โดยมีใครหลายคนถืออาวุธเตรียมพร้อมอยู่ด้านหลัง เป็นตายร้ายดีก็ไม่ยอมให้ใครพ้นประตูรั้วโรงงานนี้เข้าไปได้
“ยังจะมาหาหลักฐานอีก พวกเธอเป็นแค่เด็กหนุ่มสาว คงไม่รู้ว่าการจะตั้งโรงงานไม้ขึ้นมาโรงหนึ่งต้องใช้เงินเยอะแค่ไหน ราคาไม้แต่ละต้นตั้งเท่าไหร่ แต่นี่เพียงเวลาสั้น ๆ กลับหาไม้มาจนล้นไปหมด คิดดูก็รู้ว่าต้องเป็นไม้เถื่อนแน่”
“เหอะ แค่นั่งคิดเองเออเองก็พาพวกมาจับคนเข้าคุกได้แล้วงั้นเหรอ ? เป็นอย่างนั้นเหรอคะคุณเจ้าหน้าที่ !” หญิงสาวหันไปถามเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบที่ยืนคุมเชิงอยู่โดยตรง
ใครคนหนึ่งที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าพวกเขาก้าวมาข้างหน้าตอบคำถาม
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับคุณผู้หญิง เป็นเพราะพวกเราเพิ่งจับพวกค้าไม้เถื่อนได้ และพวกมันสารภาพว่าขายให้โรงงานไม้ใหม่ของเมืองทูวาเพียงเจ้าเดียว พวกเราจึงต้องมาตรวจสอบ ต้องขอให้ทุกท่านให้ความร่วมมือด้วย หลักฐานนั้นพวกเรามีอยู่แล้ว”
ว่าแล้วก็มีคนลากผู้ชายร่างผอมที่อยู่ในสภาพไม่ค่อยดีนักมากลางวง เจ้าหน้าที่คนเดิมเตะไปที่นักโทษแล้วตวาดก้อง
“พูด !”
“พะ... พูดแล้ว พูดแล้ว ! พวกเราขายให้ที่นี่จริง ๆ ที่เดียวเลย ไม่ได้ขายให้ใครแล้วครับ ! ปะ...เป็นซานเหอมู่เย่ที่ซื้อไม่เถื่อนของเราไป !” ชายคนนั้นรีบตอบเสียงดังฟังชัด
จากนั้นคำวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เห็นไหม ! เจ้านี่พูดมาขนาดนี้แล้วยังจะปฏิเสธอีกเหรอ !”
“ยอมรับมาซะดี ๆ กล้าทำต้องกล้ารับ !”
“ไอ้หยา เด็กหนุ่มสาวสมัยนี้ ทางดี ๆ มีไม่เดิน ยังอยากจะไปเดินทางลัด แย่จริง ๆ”
“พวกซื้อไม้เถื่อนต้องเขาคุกไปให้หมด !”
“ใช่ ๆ ! เข้าคุก ต้องเข้าคุก ! จับพวกมันไปเลย !”
สถานการณ์เริ่มดุเดือดจนมีการผลักระหว่างสองฝ่าย เจ้าหน้าที่ทางการจึงต้องเข้าควบคุมให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
“ว่าไงครับคุณผู้หญิง จะยอมรับข้อกล่าวหาแล้วไปกับเราได้หรือยัง”
“ยังค่ะ เพราะฉันมีหลักฐานความบริสุทธิ์... เฟยเฟย” ว่านอันอันหันไปส่งสัญญาณ
“ค่ะเก้าแก่เนี้ย ! มาแล้วค่ะ !” เฟยเฟยหอบกองเอกสารในอกมามุดออกมาจากท่ามกลางฝูงชน
ว่านอันอันหยิบเอกสารขึ้นมาโบกต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทางการและกลุ่มคนที่มาหาเรื่อง
“ซานเหอมู่เย่ของเรามีบันทึกการซื้อไม้อย่างละเอียดทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นชื่อของไม้ที่ซื้อ จำนวน ขนาดไม้ ชื่อคนขาย ราคา วันที่และเวลา สถานที่รับของ รวมถึงลงชื่อคนซื้อขายและพยานรับไม้อีกสามคน ไม่มีผิดพลาดแม้แต่วันเดียว”
พอคนอื่น ๆ ได้ยินการจัดการงานที่เป็นระเบียบรอบคอบแบบนั้นก็ตัวชาวาบกันหมด
บ้านแกสิ ! ใครที่ไหนเขาทำขั้นตอนการซื้อไม้กันละเอียดขนาดนั้นกัน จ่ายเงินมอบของก็จบแล้ว !
“ถ้าคนคนนี้กล้าพูดว่าเขาขายไม้ให้พวกเราจริง ก็คงบอกได้นะคะว่ามาขายวันไหน ที่ไหน เมื่อไหร่ ?”
ชายร่างผอมคนนั้นมีสีหน้าตื่นตะลึง ปากสั่น หันมองซ้ายมองขวาอย่างเลิ่กลั่ก
“ว่าไง กล้าพูดไหม ? ” ว่านอันอันถามจี้
“คะ... คือ...”
“ถ้าจะอ้างว่าจำไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดออกมาทั้งหมดหรอกค่ะ ลองสุ่มมาบอกแค่วันเดียวที่มั่นใจก็พอ เราจะตรวจสอบให้เอง”
“วะ... วัน... วันนั้น ทะ... ที่....”
เห็นท่าทางไม่มั่นใจและตื่นกลัวของผู้ต้องหา เหล่าเจ้าหน้าที่ทางการก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าอะไรเป็นอะไร จึงเอ่ยเร่งขึ้น
“เฮ้ ! ทำไมไม่พูดให้ฉะฉานเหมือนตอนที่บอกพวกเราล่ะ ไหนบอกรอบล่าสุดเพิ่งส่งให้เมื่อสามวันก่อนไม่ใช่เหรอไง”
“ชะ... ใช่ครับ ! เมื่อสามวันก่อน สามวันก่อนเราส่งไม้ให้เขาที่ชานเมืองเทียนจินมีคนมารับแล้วบอกเราว่าจะมาส่งที่ซานเหอมู่เย่ !”
“โห ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คนของฉันคงโง่มากเลยนะคะ ซื้อไม้เถื่อนทั้งทียังประกาศบอกว่าเป็นใครซื้ออีก”
คำพูดนั้นทำให้ทุกคนฉุกคิด ใช่สิ... ไปทำเรื่องผิดกฎหมายทั้งที ไม่มีใครโง่พูดหรอกว่าตัวเองเป็นใคร
“งั้นมาฟังข้อมูลฝั่งฉันบ้างดีไหมคะ ?” ว่านอันอันเปิดดูเอกสารนิดหน่อย ก็หยิบกระดาษชุดหนึ่งออกมา “สามวันก่อน ซานเหอมู่เย่รับซื้อไม้แค่เพียงชุดเดียว คือจากคุณจางจื่อ จำนวนหนึ่งร้อยต้น ขนาดแต่ละต้นถูกวัดไว้ดังนี้ค่ะ” เธอยื่นเอกสารระบุขนาดของไม้แต่ละต้นให้เจ้าหน้าที่ดู
พวกเขาแทบตาถลนกับความละเอียดนี้
“ราคาแต่ละต้นก็ตามนั้นเลย สถานที่ที่พวกเรารับไม้กันคือที่นี่ หน้าโรงงานแห่งนี้ มีพยานรับไม้คือซ่งหมิง หัวหน้าหมู่บ้านทูวา และหัวหน้าเฝินเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงแห่งเมืองปักกิ่งซึ่งเดินทางมาตรวจงานชุดสุดท้ายที่สั่งไว้พอดี”
ชื่อพยานรับไม้คนสุดท้ายทำให้เจ้าหน้าที่ที่มาจับกุมคนวันนี้แทบอ้าปากค้าง พนักงานรัฐคนไหนบ้างที่ไม่รู้จักหัวหน้าเฝิน !
“ไร้สาระ ! คนอย่างเธอจะเอาอะไรมาหัวหน้าคนนั้นคนนี้ พูดเอาปากเปล่าสิไม่ว่า !”
“ใช่ ๆ ทำชั่วแล้วยังโกหกอีก !”
“จับพวกมันไปเลย !”
“เงียบ !!”
เป็นเจ้าหน้าที่รัฐผู้เป็นหัวหน้าตวาดลั่น ทำให้ฝั่งคนมาหาเรื่องเงียบเสียงลงในพริบตา
“ถ้าไม่เชื่อ ไปถามเองเลยก็ได้นะ หัวหน้าหมู่บ้านอยู่ตรงนี้เอง ส่วนท่านหัวหน้าเฝินก็ลงเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ โทรไปได้เลย”
“ไม่เป็นไรครับ ๆ ไม่รบกวนท่านทั้งหลายดีกว่า ยังไงเรื่องพวกนี้เราจะลองสืบสวนดูอีกที” เจ้าหน้าที่คนเดิมยิ้มเจื่อนบอกปฏิเสธ
“แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าวันนั้นรับไม้แค่รอบเดียว อาจจะแอบรับเข้ามาอีกก็ได้นี่ !” เถ้าแก่โรงไม้เฟิงพูดขึ้นอีก สร้างกระแสลุกฮือในพรรคพวกของเขา
“อ้อ พอดีว่าโรงงานของเรามีระบบคลังไม้น่ะค่ะ ไม้เข้าเท่าไหร่ออกเท่าไหร่ เบิกไปแปรรูปเป็นอะไรระบุไว้หมด อยากชมมั้ยคะ ? เหวินซิน”
เหวินซินที่ถูกเรียกวิ่งมุดออกมาจากฝูงชนพร้อมกล่องกระดาษใบหนึ่งที่มีเอกสารอยู่เต็ม
“มาแล้วค่ะ ! นี่คือเอกสารของระบบคลังไม้ของเราค่ะ เชิญตรวจสอบ !”
เจอข้อมูลแน่นหนาขนาดนี้ทำให้ใครต่อใครพูดไม่ออก ฝั่งพนักงานทั้งหลายต่างเลื่อมใสชื่นชมความเก่งกาจของเถ้าแก่เนี้ยกันหมด ไฟความศรัทธาลุกโชนกว่าเดิมอย่างไม่อาจควบคุม
ที่แท้ ขั้นตอนจุกจิกที่กำชับให้ทุกคนปฏิบัติตามเสมอมีไว้เพื่อการนี้ เพื่อตอกหน้าคนเลว !
พอเห็นเอกสารที่มีตัวอักษรละลานตาพวกเจ้าหน้าที่ก็เวียนหัวไปหมด หันไปกดดันคนให้การแทน
“ขนาดนี้แล้วยังจะมีข้อแก้ตัวอีกมั้ยหา !!”
“พูดแล้ว ! พูดแล้ว ! อันที่จริงฉันไม่รู้หรอกว่าคนที่มาซื้อไม้แต่ละครั้งเป็นใคร แต่ว่าครั้งสุดท้ายเมื่อสามวันก่อนคนคนนั้นบอกว่ามาขนไม้ไปซานเหอมู่เย่ที่หมู่บ้านทูวาจริง ๆ นะ !”
“เรื่องโกหกน่าตลกแบบนี้ก็ทำให้ช่างไม้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายพากันยกโขยงมาโวยวายจะจับคนที่นี่ได้แล้วเหรอคะ ช่างเปิดหูเปิดตาจริง ๆ” ว่านอันอันกล่าวคำพูดแทงใจดำ
เหล่าช่างไม้แต่ละคนที่แห่กันมาเพราะหวังจะดับทำลายคนเริ่มกระสับกระส่าย ถอยกันคนละก้าว
“เฮอะ ใครจะไปรู้ ไม่ใช่เรื่องไม้เถื่อนก็ต้องมีเรื่องอื่นแน่ ! โรงไม้ที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาแบบนี้น่าเชื่อถือซะที่ไหน”
“ที่แบบนี้ไม่มีใครอยากยุ่งด้วยหรอก ไปพวกเรา !”
“โรงไม้กระจอก ช่างกระจอก !”
“เดี๋ยวสิ... คิดว่าซานเหอมู่เย่เป็นที่ไหนกัน ? คิดจะมารังแกก็มา รังแกไม่สำเร็จก็ไปงั้นเหรอ อยู่ต่อช่วยกันคิดหน่อยสิ ว่าไม้เถื่อนที่ขายไปมันอยู่ที่ใครน่ะ”
ว่านอันอันเหยียดยิ้มมั่นใจ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยประกายอันตราย
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?