“เป็นเพียงลวดลายที่ลองทำเล่น ๆ น่ะ แต่ถ้าอันอันบอกว่าแบบนั้น... มันก็คงจะดีจริง ๆ”
“ก็ดี จริง ๆ น่ะสิ ฉันเองก็เรียนจบทางบริหารและบัญชีมา ถึงจะเรียนไม่ดีเท่าไหร่ แต่ฉันก็เป็นทายาทของเศรษฐีนักธุรกิจเหมือนกันพอมีความรู้อยู่บ้าง ฉันมั่นใจว่าสิ่งที่พี่ทำต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”
แต่เดิมรายละเอียดเล็กน้อยอย่างการเปลี่ยนมุมให้โค้งมนกับลวดลายเหล่านี่ ซ่งหมิงเพียงลองทำมาเล่น ๆ ตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นจุดขายได้ แต่สายตาของว่านอันอันที่เชื่อมั่นในตัวเขา ทำให้ซ่งหมิงเกิดความกล้าขึ้นมา ทั้งยังความรู้สึกที่ได้ปรึกษาและกำลังจะสร้างอะไรบางอย่างด้วยกัน มันช่างแปลกใหม่จนทำให้หัวใจเขาเต้นแรงเหลือเกิน
“ฉันมีบางอย่างอยากให้พี่ช่วยดูหน่อย ว่าพี่สามารถทำมันออกมาได้ไหม”
ว่านอันอันหยิบกระดาษร่างขึ้นมาให้ดู นี่คือสิ่งที่เธอใช้เวลาหลายวันในการวาดมันออกมาและพยายามใส่รายละเอียดลงไปให้สามารถเข้าใจได้ มันคือโต๊ะไม้ยาวที่ติดกับเก้าอี้ยาวสองตัว แบบที่เคยเห็นตามศูนย์อาหารในยุคอนาคต แต่มีส่วนพิเศษตรงที่มันสามารถพับเข้าหากันกลายเป็นม้านั่งตัวยาวมีพนักพิงได้ เรียกความพิเศษนี้ว่าเฟอร์นิเจอร์อัจฉริยะ
ในตอนที่ซ่งหมิงเห็นแบบของเครื่องเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นก็นิ่งงันไป แม้จะเป็นแบบที่วาดลวกๆ แบบคนไม่มีความรู้ด้านงานไม้ แต่ด้วยความสามารถของเขาจึงพอจะดูออกและเข้าใจได้ ดวงตาคู่คมจดจ้องเป็นประกาย ในหัวกำลังทึ่งกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าและเริ่มวิเคราะห์หาวิธีสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาในโลกความเป็นจริง มีวิธีการต่อไหนบ้างถึงจะทำข้อต่อแบบนี้ได้ มีกลไกไหนบ้างที่ต้องใช้...
“นี่... ดูเหมือนว่าจะทำได้...” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาด้วยท่าทางเลื่อนลอยเล็กน้อย ดวงตาคู่คมละจากแผ่นกระดาษนั้นเลย
“จริงเหรอ ! แล้วพี่หมิงว่ามันเป็นยังไงบ้าง น่าสนใจไหม” ว่านอันอันเท้าศอกกับโต๊ะจับแก้มรอคำตอบ และในที่สุดซ่งหมิงก็วางกระดาษในมือลง
“ยิ่งกว่าน่าสนใจอีกครับ นี่มันมหัศจรรย์มาก อันอันเก่งมากครับ ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน” ดวงตาของเขาเป็นประกายแบบที่ว่านอันอันไม่เคยเห็น สีหน้าดูเปลี่ยนไปจากความนอบน้อมจริงจังอย่างทุกที
นี่คงเป็นสีหน้าของเขาเวลาตื่นเต้นรึเปล่านะ...
“ถึงจะลองคิดดูว่ามันน่าจะทำได้ แต่ผมคงต้องขอลงมือทำจริง ๆ ดูก่อนนะครับ เพราะยังไม่แน่ใจว่าการต่อไม้แบบที่ผมคิดมันจะถูกต้องหรือเปล่า”
“ถ้าอย่างนั้นต้องไปซื้ออุปกรณ์มาก่อนหรือเปล่าคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ ลุงเหอแกเป็นช่างไม้เก่าจึงมีอุปกรณ์อยู่บ้าง ไม้ที่เราซื้อมาซ่อมแซมบ้านก็ยังพอเหลืออยู่”
“งั้นพรุ่งนี้ เราไปหาลุงเหอด้วยกันนะคะ”
“ครับ”
ซ่งหมิงรับคำ แล้วยกกระดาษที่ร่างแบบเฟอร์นิเจอร์แปลกตาขึ้นมาจ้องอีกครั้ง ราวกับจะมีอะไรงอกออกมาได้ ว่านอันอันแอบเขินอายฝีมือวาดภาพของตัวเองอยู่บ้าง นี่ก็วาดมาจากความทรงจำของตัวเอง ไม่เคยถอดประกอบมันเองด้วย ลายเส้นทุกอย่างจึงค่อนข้างลวก
มือเรียวเอื้อมไปคว้ากระดาษภาพร่างมาคืนอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ ๆ คืนนี้หมดเวลาแล้วค่ะ เข้านอนพักผ่อนกันดีกว่า เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนอันอัน”
ร่างสูงถูกภรรยาจับมือจูงเข้าห้องนอนแล้วผลักให้นั่งลงบนเตียงท่ามกลางความมึนงงตั้งตัวไม่ทัน ว่านอันอันหันไปปิดประตูแล้วหมุนตัวกลับมากัดปากเบา ๆ ในท่าที่คิดว่ายั่วยวนที่สุดส่งให้สามีจอมซื่อ ชุดนอนผ้าลื่นหรูหราที่ว่านอันอันลงทุนหอบมาจากบ้านกำลังทำหน้าที่ของมันขับส่วนเว้าส่วนโค้งเสียจนคนมองตาค้าง
เรียวขางามก้าวเข้ามาหาชายหนุ่มช้า ๆ แต่ครั้นจะมอบอ้อมกอดแสนหวานให้ เขาก็หมุนตัวหลบลุกออกไปยืนอีกด้านทันที ปล่อยให้ร่างงามล้มลงบนเตียงที่ว่างเปล่า
ดวงตาหงส์ตวัดมองเขาอย่างหงุดหงิดทันที ว่านอันอันเพียงอยากให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นกว่านี้ สนิทสนมกันมากกว่านี้เป็นเหมือนสามีภรรยาคู่อื่น ที่ไม่ต้องมาเกรงอกเกรงใจกันตลอดเวลา แยกนอนเตียงนอนพื้นกันแบบนี้ แต่ขนาดเล่นใหญ่ถึงเพียงนี้ก็ยังเชิญนักพรตท่านนี้ขึ้นเตียงกับนางไม่ได้ อุตส่าห์เตรียมตัวเตรียมใจมาทั้งวันเชียวนะ ซ่งหมิงยังไม่คิดจะแตะตัวเธอแม้แต่ปลายก้อยอีกเหรอ
หมีจำศีลตัวนี้ไม่ใช่ตายด้านไปแล้วหรอกนะ ?
ไม่สิ คืนแรกเขาออกจะดุเดือดจนเธอระบมไปทั้งตัวเชียวนะ
หรือว่า... เธอไม่ค่อยน่าประทับใจ ?
ให้ตายสิ วันนั้นก็เมาฤทธิ์ยาอยู่ด้วย เลยจำอะไรไม่ได้
“อะ... เอ่อ ผม... ผมรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไร ขอไปอาบน้ำอีกรอบก่อนครับ” พูดจบคนปลายหูแดงก่ำก็รีบร้อนออกจากห้องไป ในท่าทางที่ขากับแขนไม่ค่อยสัมพันธ์กันแปลก ๆ
ว่านอันอันกอดอกยกยิ้มเจ้าเล่ห์
อ๋อ... ที่แท้เขารู้สึกอยู่บ้าง
ช่างเถอะ น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน ตบะของนักพรตซ่งหมิงเองย่อมมีวันพังทลาย
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?