ตอนที่ 14. ซานเหอมู่เย่

สุดท้ายเป็นซ่งหมิงที่แจ้งกำหนดการต่อพวกเขาว่าอีกสองวันให้ไปพบกันที่หน้าหมู่บ้านทูวา หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินทางกลับบ้าน กว่าจะมาถึงก็บ่ายแก่ ๆ แล้ว ซ่งหมิงรีบเอาความคิดจะสร้างโรงไม้ไปปรึกษากับลุงเหอ เขาแสดงออกว่าดีใจอย่างมากและขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโรงไม้ที่กำลังจะสร้างนี้ด้วย ทั้งยังพาไปพบผู้นำหมู่บ้านเสร็จสรรพ

“นี่มันเรื่องดีเลยนี่ ! อาหมิง แม่หนูอันอัน ทำดีมาก ๆ ความคิดนี้ฉันสนับสนุน !” หลินเฉินตบโต๊ะแสดงความตื่นเต้นดีใจผุดลุกขึ้น รีบพาทั้งสองคนไปเดินชมพื้นที่ที่เหมาะสมทันที

ตั้งแต่ต้นปี 1980 มาทางรัฐบาลก็มีนโยบายฟื้นฟูศูนย์วัฒนธรรมประจำหมู่บ้านใหม่อีกครั้ง ซึ่งจุดเริ่มต้นของศูนย์นี้เริ่มมาตั้งแต่ช่วงการปฏิวัติของผู้นำเหมา เจ๋อตง ในปี 1950 รุ่งเรืองขึ้นสูงสุดถึงปี 1976 หลังจากนั้นก็หยุดชะงักลงเพราะความวุ่นวายทางการเมืองและสังคม

พอปี 1978 ผู้นำเติ้งเสี่ยวผิง ก็มีนโยบายฟื้นฟูศูนย์นี้อีกครั้งหลังจากการปฏิรูปและเปิดประเทศ ช่วงต้นปี 1980 รัฐบาลจึงกลับมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาชนบทมากขึ้น ศูนย์วัฒนธรรมประจำหมู่บ้านได้รับการผลักดันอย่างจริงจังในฐานะเครื่องมือในการยกระดับคุณภาพชีวิตและการศึกษาของประชาชนในชนบท มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยรัฐบาลมีเป้าหมายให้ทุกหมู่บ้านมีศูนย์วัฒนธรรมของตนเอง

ศูนย์วัฒนธรรมของหมู่บ้านทูวาเองก็ผ่านการตรวจมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ตลอด เพราะไม่มีแหล่งสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชนนอกจากการทำไร่สวนเทือกนา ปีนี้รัฐบาลยิ่งต้องการสนับสนุนเรื่องอาชีพในชุมชนเป็นหลัก หากมีศูนย์อาชีพใหญ่อย่างโรงไม้อยู่ที่นี่ ในวันที่ส่วนกลางลงมาตรวจคงได้รับคำชมจากเบื้องบนไม่น้อย

ยิ่งคิดผู้นำหมู่บ้านยิ่งรู้สึกเข้าท่าเลยสาวเท้าไปเร็วกว่าเดิม จนมาถึงพื้นที่หนึ่งซึ่งมีสิ่งปลูกสร้างคล้ายโรงเก็บผลิตขนาดใหญ่ตั้งอยู่ รอบด้านยังมีพื้นที่ให้ขยายต่อเติมได้กว้างขวาง

“นี่ ๆ ๆ นี่เป็นที่ว่างของหมู่บ้าน ในสมัยก่อนเอาไว้จัดเก็บผลผลิตร่วมกัน แต่ตอนนี้เลิกใช้ไปแล้ว พวกเธอสองคนสามารถใช้ที่ตรงนี้ได้เลยนะ ตอนที่ยังมีทุนไม่มากก็จ่ายเป็นค่าเช่าบำรุงหมู่บ้านให้ในทุกปีก็พอ ถ้ารุ่งเรืองขึ้นมาเมื่อไหร่ค่อยมาคุยเรื่องการซื้อขายกัน ฉันเองก็พอจะเข้าใจหนุ่มสาวที่อยากตั้งตัวอยู่บ้างเหมือนกันนะ ฮ่า ๆ ๆ” ในใจผู้นำหมู่บ้านอยากให้ธุรกิจของสองคนนี้เป็นไปได้ดีใจจะขาด

ว่านอันอันกับซ่งหมิงได้ยินเช่นนั้นก็รีบขอบคุณกันใหญ่ ไม่เท่านั้นผู้นำหมู่บ้านยังอาสาไปกับลุงเหอแจ้งข่าวการรับสมัครช่างไม้ของโรงไม้ใหม่แห่งนี้ด้วยความยินดี

หลังเสร็จธุระเรื่องที่ดิน พวกเขาทั้งสองคนก็กลับบ้านมาร่างสัญญารับสมัครงานด้วยกัน โดยตกลงจะให้เงินเดือนช่างแต่ละคนในจำนวน 30 หยวน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเทียบเท่าค่าจ้างในเมืองหลวง ยังมีระบบวันหยุดทำงานหกวันหยุดหนึ่งวันแบบสลับกันหยุดให้อีกด้วย

ในตอนแรกซ่งหมิงยังคัดค้านเล็กน้อย ด้วยกลัวว่าค่าจ้างจะมากเกินไป และปกติลูกจ้างโรงไม้ไม่มีวันหยุดกันแบบนี้ กลัวว่าจะเกิดปัญหาภายหลัง

“เชื่อฉันเถอะพี่หมิง ตอนแรกเป็นเราที่ให้โอกาสพวกเขาได้ทำงานก็จริง แต่การที่พวกเขาจะเลือกทำงานกับเราได้นานเท่าไหร่ จะทุ่มเทมากแค่ไหน ก็อยู่ที่การดูแลของเรา ตอบแทนเขาเท่ากับที่เขาทุ่มเทให้เราเป็นเรื่องที่ถูกแล้ว”

ซ่งหมิงจึงลองคิดกลับกันว่าหากเขาเป็นลูกจ้างทำงานในที่ที่มีสวัสดิการเช่นนี้จริง เขาก็คงไม่อยากไปไหน ต่อให้ทำงานจนแก่ที่นี่ก็ยอม คิดได้ดังนั้นจึงค่อยยิ้มออก เป็นอันตกลงเรื่องราวทุกอย่าง

เช้าอีกสองวันต่อมาหน้าสถานที่ที่กำลังจะสร้างโรงไม้ใหม่ก็มีคนยี่สิบกว่าคนรวมตัวกันอยู่ แบ่งเป็นช่างจากโรงไม้หมู่ซานที่ขนเครื่องไม้เครื่องมือมาพร้อมทำงาน และกลุ่มงคนจากหมู่บ้านทูวาซึ่งมีทั้งรุ่นคุณลุงมากประสบการณ์และเด็กหนุ่มกำยำที่ว่างงานอยู่ ด้านหน้าพวกเขาเป็นซ่งหมิงยืนอยู่บนลังไม้ให้ทุกคนเห็นชัดเจน

วันนี้ชายหนุ่มหวีผมมาเลยทำให้ดูดี สวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวดูเรียบร้อยเป็นทางการ ทั้งยังดูหล่อเหลาขึ้นมากผิดหูผิดตา ในมือถือกระดาษแผ่นหนึ่งกำลังอธิบายถึงสวัสดิการและค่าจ้าง เมื่อทุกคนได้ยินก็ส่งเสียงเฮลั่นเซ็งแซ่ ท่าทางพร้อมทำงานเต็มที

“ผมขอขอบคุณทุกคนมากที่มาร่วมงานกับเรา วันนี้เป็นวันแรกที่จะได้สร้างประวัติศาสตร์ของ ‘ซานเหอมู่เย่’ ไปด้วยกัน !”

“เฮ้ ! !”

“ซานเหอมู่เย่ !”

นั่นคือชื่อที่ทั้งสองคนช่วยกันตั้งขึ้นมา โดยหวังว่าในอนาคต ซานเหอมู่เย่จะกลายเป็นอาณาจักรโรงไม้ที่ผลิตเฟอร์นิเจอร์ได้หลากหลายและยิ่งใหญ่ คงไว้ด้วยความสามัคคีของทุกคน

“งานแรกของเราก่อนจะเริ่มผลิตชิ้นงาน คือการปรับปรุงสถานที่แห่งนี้ให้พร้อมใช้งาน โดยจะแบ่งงานเป็นสองส่วน ลุงเหอและซางเจ๋อจะเป็นผู้นำคอยดูแลแต่ละกลุ่ม ขอให้มาพบผมก่อน ส่วนคนอื่นแยกย้ายไปเตรียมตัวได้”

ได้รับคำสั่งแล้ว แต่ละคนก็แยกย้ายไปเตรียมตัว ผู้นำกลุ่มที่ถูกเลือกมาจึงมารับฟังแผนงานปรับปรุงสถานที่กับซ่งหมิงอีกที

ว่านอันอันมองสามีกำลังคุยงานด้วยสีหน้าจริงจัง เธอรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์มากเวลากำลังตั้งใจทำอะไร ทั้งที่เมื่อเช้ายังดูเงอะงะไม่กล้าพูดต่อหน้าคนจำนวนมากอยู่เลย แต่ไม่นานก็ปรับตัวได้แล้วพูดเสียงดังฟังชัด รัศมีความเป็นผู้นำเริ่มแผ่ออกมาชัดเจน หากไม่ใช่เพราะเขาทำงานเป็นลูกจ้างมานาน ความสามารถนี้คงได้เฉิดฉายไปแล้ว

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ