วันนี้หญิงสาวสวมเดรสแขนยาวสีขาวปาดไหล่ แต่วีรภพเห็นว่าหากมีสร้อยสักเส้นประดับจะทำให้เธอดูสวยสง่าขึ้น จึงพาหญิงสาวแวะไปที่ร้านขายเพชรซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดมากนัก สโรชาพยายามปฏิเสธเมื่อเห็นแฟนหนุ่มนั้นจะซื้อของราคาแพงให้เธอ หญิงสาวรู้สึกเกรงใจทั้งยังหวั่นใจกลัวว่าพ่อแม่เขาอาจรู้สึกไม่ดีหากเห็นว่าลูกชายนั้นซื้อของราคาแพงขนาดนี้ให้
“อย่าคิดมากสิครับที่รัก”
คำพูดของเขาทั้งอ่อนนุ่มอ่อนหวาน ทำเอาเหล่าพนักงานสาวต่างก็รู้สึกอิจฉาหญิงสาวผู้โชคดีอย่างสโรชา หญิงสาวมีท่าทางอึดอัดใจ เธอไม่ได้ยินดีเลยแม้แต่น้อยที่กำลังจะได้รับของขวัญราคาแพงจากชายคนรัก
“แต่มันแพงนี่คะ ชาเกรงใจ”
หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แค่วีรภพดูแลเธอเป็นอย่างดีทุกวันนี้เธอก็ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรแล้ว
“เอาอย่างนี้ไหมครับ ผมซื้อให้ชา วันหน้าชาค่อยซื้อของให้ผมบ้าง ดีไหม”
ชายหนุ่มเสนอทางออกให้กับแฟนสาว สโรชาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนตัดสินใจพยักหน้ายินยอมแต่โดยดี
“ก็ได้ค่ะ”
ชายหนุ่มยกยิ้มก่อนที่เขาจะสวมสร้อยให้หญิงสาว แต่ขณะที่กำลังจะเดินตรงไปยังลานจอดรถ กระโปรงหญิงสาวก็บังเอิญไปเกี่ยวกับเหล็กที่ยื่นออกมา ทำให้ผ้านั้นขาดเป็นทางยาวจนเห็นขาอ่อนด้านใน
“โอ๊ย!”
หญิงสาวเสียหลักล้มลงก่อนที่วีรภพจะปราดเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าหญิงสาวนั้นขาดจนเห็นถึงขอบชั้นในก็รีบถอดเสื้อที่สวมอยู่ออกพันรอบเอวบางด้วยความเร่งรีบ
อกแกร่งและกล้ามเนื้อหน้าท้องอวดโฉมต่อสายตาผู้คนนับสิบ สโรชาเห็นว่ามีผู้หญิงหลายคนกำลังจ้องแฟนหนุ่มของเธอไม่วางตาก็รู้สึกไม่ชอบใจ
“คุณภพคะ รีบขึ้นรถเถอะค่ะ”
น้ำเสียงขุ่นเอ่ยขึ้น เธอจงใจเบียดร่างกายเพื่อบังเรือนร่างชายหนุ่มเอาไว้ ความหึงหวงแล่นขึ้นมาทำให้หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย
“ทำไมต้องถอดเสื้อด้วยคะ”
“ก็ผมกลัวคนเห็นขอบกางเกงคุณ”
ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับสำรวจดูรอยขาด โดยไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของแฟนสาว
“แล้วไม่คิดเหรอคะว่าชาก็ไม่อยากให้ใครเห็นคุณถอดเสื้อ”
ชายหนุ่มชะงัก สายตาเจ้าเล่ห์จ้องมองแฟนสาว พอเห็นว่าเธอนั้นหึงหวงจนอาการออก เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาซะงั้น
“ยิ้มอะไรคะ ไม่เห็นตลกเลย”
หญิงสาวคว่ำปากก่อนจะเบือนหน้ามองออกไปนอกรถ สาว ๆ เหล่านั้นยังคงซุบซิบพลางมองทะลุเข้ามาด้านใน หญิงสาวเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นไปใหญ่
“ดูสิคะ…อื้อ!”
ไม่ทันเอ่ยจบวีรภพก็รั้งคอแฟนสาวเข้ามาก่อนประกบปิดปากเธอทันที เหล่าสาวน้อยสาวใหญ่ต่างยกมือปิดปาก ดวงตาเบิกโตด้วยความเขินอาย
สโรชาหลับตาลงก่อนทาบมือลงบนแก้มสากและจูบตอบ ลิ้นร้อนพันเกี่ยวหยอกล้อกันก่อนที่ชายหนุ่มจะถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า
“ผมชอบนะ ที่คุณหึง”
“แต่อย่าให้หึงบ่อยละกันค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยชิดริมฝีปากอีกฝ่ายก่อนที่เธอจะขยับตัวออกและดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด ใบหน้าสวยแดงก่ำ เธอแอบอมยิ้มไม่ให้ชายหนุ่มเห็น แต่มีเหรอที่วีรภพจะไม่รู้เพราะภาพที่สะท้อนจากกระจกรถทำให้เขาเห็นเต็มสองตาว่าแฟนสาวกำลังเขิน
เมื่อเห็นว่าชุดของตนเองนั้นไม่เหมาะสม สโรชาจึงแวะลงที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำก่อนจะเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยให้เหมาะแก่การพบหน้าครอบครัวแฟนหนุ่ม
“ตื่นเต้นจังเลยค่ะ”
สโรชาเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังนั่งรอครอบครัวของแฟนหนุ่มเดินทางมา หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบร้านก่อนที่เธอนั้นจะก้มหน้าดูเมนูที่เรียงรายมากกว่าห้าสิบอย่าง ที่นี่เป็นร้านอาหารจีนตั้งอยู่ริมถนน ราคาอาหารค่อนข้างแพงหากเทียบกับปริมาณ แต่ถึงอย่างนั้นเธอไม่กล้าตัดสินเพราะยังไม่ได้ลิ้มรสชาติ
“พ่อแม่ผมใจดีมาก ยิ่งชาเป็นคนน่ารักแบบนี้ ยังไงพ่อกับแม่ก็ต้องชอบ”
ได้ยินอย่างนั้นความประหม่าก็ลดลงครึ่งหนึ่ง หญิงสาวรอเวลาก่อนที่เธอจะเหลือบไปเห็นรถหรูคุ้นตาคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าร้าน แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจ เธอเอื้อมมือไปจับมือของแฟนหนุ่มก่อนจะบีบเบา ๆ
“ชากลัวว่าพ่อแม่คุณจะไม่ชอบ”
“ผมรักใคร พ่อกับแม่ก็รักด้วยอยู่แล้ว”
วีรภพพยายามปลอบใจหญิงสาว ยิ่งเห็นว่าเธอนั้นดูกังวลใจ เขาก็พยายามหาชวนเธอคุยเพื่อลดความตื่นเต้น
ขณะที่ทั้งสองกำลังหยอกล้อกันอยู่นั้น เสียงคุ้นหูของใครบางคนก็ดังขึ้น สโรชาชะงักเล็กน้อยเพราะรู้สึกคุ้นหน้าพ่อกับแม่ของวีรภพอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“ชา นี่พ่อกับแม่ผม”
หญิงสาวไม่รอช้ารีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ทั้งสองยกยิ้มอ่อนโยนก่อนนั่งลงตรงข้าม วีรภพกวาดตามองไปด้านนอกก่อนเอ่ยถามพ่อกับแม่
“พี่ภัทรล่ะครับ”
เห็นว่าพี่ชายไม่ได้มาด้วยชายหนุ่มก็ถามถึง แต่ไม่ทันไรเสียงของวีรภัทรก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“ไงน้องชาย คิดถึงฉัน….!”
คล้ายกับว่าโลกกำลังหยุดหมุน สองสายตาสบกันนิ่ง หัวใจของสโรชาราวกับถูกแช่แข็งจนเธอแทบหยุดหายใจ เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วทั้งสองนั้นเป็นพี่น้องกัน หญิงสาวนิ่งงันก่อนจะเหลือบมองแฟนหนุ่ม เมื่อพิจารณาเค้าโครงใบหน้าเขาดี ๆ ก็พบว่าอีกฝ่ายมีใบหน้าคล้ายกันอยู่หลายส่วน
แต่ทำไมเธอถึงไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้เลย
“พี่ภัทร นั่งก่อน”
ชายหนุ่มกดไหล่พี่ชายนั่งลงบนเก้าอี้ สโรชารู้สึกอึดอัดจนแทบกินอะไรไม่ลง ตลอดการสนทนาเธอพูดน้อยจนแทบนับคำได้ พ่อแม่ของวีรภพเอ็นดูหญิงสาวเป็นอย่างมาก ทั้งยังถามไถ่เธอหลายเรื่อง
“ตาภพก็อายุไม่น้อยแล้ว ถ้ารีบแต่งงานกันได้ก็ดีเลยนะ”
ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นก่อนที่สโรชาจะฝืนยิ้มฝืดเฝื่อน เธอพยายามที่จะทำตัวปกติแต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
“อยากได้สินสอดเท่าไหร่เรียกได้เต็มที่เลยนะลูก แม่พร้อมจ่าย”
วีรภพหลุดหัวเราะ โดยไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของแฟนสาวและพี่ชายอย่างวีรภัทร บรรยากาศในโต๊ะอาหารถูกแบ่งออกเป็นสองห้วงอารมณ์ ในขณะที่พ่อแม่และน้องชายกำลังยินดี แต่วีรภัทรและสโรชานั้นกลับรู้สึกตรงกันข้าม
หญิงสาวเริ่มลังเลใจว่าเธอควรไปต่อกับวีรภพหรือไม่ เพราะมันคงไม่ดีแน่หากเขามารู้ความจริงทีหลังเรื่องของเธอกับพี่ชายตัวเอง แต่เมื่อถึงความดีที่เขามี หญิงสาวก็รู้สึกว่ามันยากเย็นที่จะเดินออกไปจากชีวิตเขา
“แล้วนี่จะแต่งเมื่อไหร่ล่ะ”
ผู้เป็นพ่อร้อนใจอยากอุ้มหลานเต็มทน ตอนแรกก็คาดหวังกับลูกชายคนโตแต่เพราะวีรภัทรเพิ่งจบความสัมพันธ์กับแฟนสาวไปไม่นาน สองสามีภรรยาจึงหมดความหวังที่จะได้อุ้มหลาน จนเมื่อวีรภพพาแฟนสาวมาเปิดตัว ความหวังนั้นก็ถูกจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็คงแล้วแต่ชาครับพ่อ”
ชายหนุ่มว่าอย่างนั้นก่อนสบตาแฟนสาวที่ส่งยิ้มจืดเจื่อนมาให้
“ชาไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
หญิงสาวกระซิบแฟนหนุ่ม ความใกล้ชิดสนิทสนมนั้นทำให้หัวใจของวีรภัทรเจ็บแปลบขึ้นมา เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าแฟนเก่าที่เขายังรักสุดหัวใจ จะกลายมาเป็นคนรักของน้องชายแท้ ๆ อย่างวีรภพได้
สโรชาสูดลมหายใจลึกมองตัวเองในกระจก สมองของเธอพร่าเบลอไปหมดเมื่อสบสายตากับอดีตคนรักอย่างวีรภัทร หญิงสาววักน้ำล้างหน้าก่อนเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างเชื่องช้า แต่แล้วก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อใครบางคนที่เธอไม่อยากเจอหน้ากำลังดักรออยู่
“คุยกันหน่อยไหม”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?