ตอนที่ 4 ผู้หญิงของวีรภัทร

“ไม่เข้าบริษัทเหรอพี่ภัทร”

วีรภพเอ่ยถามพี่ชายที่นอนอยู่บนโซฟากลางห้องโถง ชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อยืดคอกลมสีเทา กางเกงวอร์มขาจั๊มสีดำ เขายกแขนก่ายหน้าผากเหม่อมองเพดานสูงนิ่ง

ผู้เป็นน้องชายเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะเอ่ยเรียกอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าวีรภัทรจะตกอยู่ในภวังค์ความคิดจนไม่ได้ยินเสียงน้องชาย

“พี่ภัทร!”

วีรภัทรเลื่อนสายตามองวีรภพก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นนั่งช้า ๆ ผู้เป็นน้องนั่งลงตรงข้ามพี่ชายก่อนจ้องมองอีกฝ่ายและเอ่ยถามขึ้น

“ไม่สบายหรือเปล่าพี่ภัทร”

ชายหนุ่มผู้ถูกถามถอนหายใจยาวก่อนจะส่ายศีรษะ เขาคว้าขวดเบียร์ที่อยู่ตรงหน้ามากระดกดื่มจนหมด

“มีอะไรหรือเปล่า เล่าให้ผมฟังได้นะ”

วีรภพเอ่ยขึ้น เห็นพี่ชายคล้ายกับมีเรื่องหนักใจเขาก็อยากช่วยรับฟัง อีกทั้งเขาได้ยินมาว่าช่วงนี้อีกฝ่ายลางานยาว ซึ่งผิดวิสัยคนบ้างานอย่างวีรภัทรเป็นอย่างมาก

ผู้เป็นพี่ถอนหายใจยาวก่อนจะตะโกนเรียกแม่บ้านที่เดินผ่านมา เขาสั่งอีกฝ่ายให้ไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นแต่วีรภพกลับห้ามเอาไว้

“ไม่ต้องครับ ป้าไปทำงานเถอะ”

วีรภัทรพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนและยกแขนก่ายหน้าผากอีกครั้ง เขาแค่อยากดื่ม ดื่มให้เมามายจะได้ไม่คิดถึงเรื่องสโรชาอีก แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเมาเขาก็ยิ่งคิดถึงอีกฝ่ายมากขึ้น

วีรภัทรทรมานใจ เขาอยากง้องอนเธอ แต่ก็ไม่กล้าพอที่โผล่ไปเจอหน้าหญิงสาว ทั้งเธอยังเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เปลี่ยนช่องทางการติดต่อทั้งหมด ชายหนุ่มหมดปัญญาเขาพยายามส่งคนไปสืบดูว่าเธอยังอยู่ที่คอนโดเดิมหรือไม่

แต่แม้ว่าเธอจะยังอยู่ที่เดิมแต่เขาก็ไม่อาจไปเจอหน้าเธอได้ เพราะได้ยินว่าเธอนั้นมีคนรักใหม่แล้ว

แม้จะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร

ชายหนุ่มหมดอาลัยตายอยากในชีวิต เขาทิ้งงานทิ้งทุกอย่างเพื่อขังตัวเองไว้กับความเศร้าในใจ วีรภพเห็นพี่ชายเมามายหมดสภาพก็ได้แต่ส่ายหน้า เขาเก็บขวดเบียร์ทั้งหมดใส่ลังกระดาษก่อนจะเลื่อนไปวางมุมห้อง

ทั้งสองเดินออกมาที่สวนหลังบ้าน วีภัทรหลับตาลงเมื่อแสงแดดส่องลงมา ดูเหมือนว่าเขาจะใช้ชีวิตในความมืดมานานหลายวัน เลยไม่ชินกับธรรมชาตินอกบ้านเท่าไหร่นัก

ลมพัดเอื่อยผ่านมาช่วยให้ชายหนุ่มผ่อนคลายได้บ้างเล็กน้อย วีรภพเห็นพี่ชายกำลังจะสูบบุหรี่ก็ยึดมาเก็บไว้ในกระเป๋า

“แกนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ”

ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาว เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนที่จะเอ่ยขึ้น

“ฉันไม่เข้าใจว่าฉันทำไรผิด ทำไมเขาถึงทิ้งฉันไป”

ในที่สุดผู้เป็นพี่ก็ยอมระบายออกมา เขาไม่ได้ลืมวันเกิดเธอแต่ตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ ไม่คิดว่าวันนั้นมนชนกจะปวดท้องกะทันหันจนขอร้องให้เขาอยู่ดูแลเธอ ชายหนุ่มไม่มีทางเลือก เขาจึงจำต้องอยู่เป็นเพื่อนอีกฝ่ายรอจนกว่ามนชนกจะหายดีถึงได้รีบปลีกตัวออกมา

แต่ไม่คิดว่าสโรชาจะโกรธจนถึงขั้นบอกเลิกเขา

วีรภัทรไม่มีเวลาได้อธิบายด้วยซ้ำเพราะหญิงสาวจากไปแล้ว และยังตัดช่องทางทุกอย่างไม่ให้เขาติดต่อเธอได้

ตอนแรกเขาตั้งใจจะไปง้อเธอถึงที่ แต่เมื่อได้ยินว่าเธอนั้นกำลังมีรักใหม่ เขาก็จำต้องหยุดยั้งความคิดตัวเองเอาไว้

“ฉันพยายามทำทุกอย่างให้มันดี แต่เขาก็ไม่เข้าใจ”

ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวไม่สามารถใช้ความดีทั้งหมดที่มีมาลบล้างได้ ที่ผ่านมาเขาทำหน้าที่แฟนที่ดีมาโดยตลอด แม้จะงานรัดตัวแค่ไหนก็ยังพยายามหาเวลาเพื่ออยู่ด้วยกัน แต่สโรชาคงจะเอือมระอามานานที่เขาผิดนัดบ่อยครั้ง ครั้งนี้ถึงได้ทนไม่ได้

“แล้วได้ปรับความเข้าใจกับเขาหรือยัง”

ผู้เป็นน้องเอ่ยถาม คนรักกันหากไม่ใช่เรื่องใหญ่โตก็น่าจะยังพูดคุยตกลงกันได้ แต่หากเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้หญิงรับไม่ได้เห็นทีคงจะยาก เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าฉนวนเหตุของการเลิกราระหว่างวีรภัทรกับผู้หญิงคนนั้นคืออะไร

“เขามีคนใหม่ไปแล้ว”

ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนหน้าตัก เพียงช้าไปก้าวเดียวทุกอย่างก็สายเกินแก้ เขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากอวยพรให้เธอได้เจอคนดี ๆ ที่จะดูแลเธอได้

“แล้วพี่จะไปทำงานเมื่อไหร่”

เขาเอ่ยถามพี่ชายที่นั่งหน้าหม่น วีรภัทรครุ่นคิดก่อนตอบ

“อีกสักสองสามวัน”

“ดีแล้ว พี่เป็นผู้บริหารนะอย่าลืม ยังไงหน้าที่ก็ต้องมาก่อน”

เขาเตือนสติพี่ชายก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น ท่าทางเคร่งเครียดมลายหายไป ปรากฏรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

“ว่าไงครับชา”

วรีภพเอ่ยทักทายปลายสาย น้ำเสียงนั้นอ่อนนุ่มจนวีรภัทรอดไม่ได้ที่จะหันมองน้องชาย คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายยกมือลูบหลังคอ ทั้งยังยกยิ้มราวกับมีความสุขจนล้นอก

“ว่างครับ สำหรับชาผมว่างเสมอ”

เขาป้อนคำหวานลงในในโทรศัพท์ก่อนที่จะเหลือบตามองพี่ชายเล็กน้อย หลังจากที่กดวางสายเขาก็สอดโทรศัพท์เครื่องหรูลงไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเอ่ยชวนพี่ชายให้ออกไปข้างนอกด้วยกัน

“ผมว่าพี่ออกไปเปิดหูเปิดตาหน่อยดีไหม”

วีรภพเอ่ยชวนพี่ชายออกไปด้วยกัน เพราะเมื่อครู่สโรชาเพิ่งโทรมาชวนเขาไปกินข้าวและเขาเองก็อยากจะแนะนำอีกฝ่ายให้พี่ชายรู้จัก

แต่วีรภัทรกลับปฏิเสธ เขาไม่อยากออกไปไหน อยากใช้เวลาคิดทบทวนตัวเองก่อนจะต้องกลับไปทำงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

“ฉันไม่อยากเป็นก้างขวางคอ”

วีรภัทรเอ่ยก่อนที่วีรภพจะหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน

“ก้างอะไรล่ะ ผมกับเขายังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

ถึงจะอยากเป็นแค่ไหนก็ตามแต่ดูเหมือนว่าสโรชาจะยังไม่เปิดใจยอมรับเขา คล้ายกับว่าเธอนั้นยังมีปัญหาอะไรบางอย่างที่ไม่กล้าพูดกล้าเอ่ยออกมา

แต่ชายหนุ่มไม่คิดกดดันหญิงสาว เขารอได้ รอจนกว่าเธอนั้นจะยอมเปิดใจให้กับเขา ต่อให้ต้องรอเป็นปีก็คุ้มค่าอยู่ดี

“ผู้หญิงคนไหนอยู่ใกล้นายก็ตกหลุมรักทั้งนั้น”

วีรภัทรเอ่ยตามความจริง วีรภพเป็นคนสุภาพทั้งยังอ่อนโยน ชอบดูแลผู้อื่นอยู่เสมอ เขาจึงเชื่อว่าน้องชายผู้นี้คงทำให้ผู้หญิงคนนั้นตกลงปลงใจได้ไม่ยาก

“ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”

หากสโรชายอมเปิดใจให้เขาเมื่อไหร่ เขาจะพาเธอมาแนะนำให้พี่ชายรู้จักเป็นคนแรก วีรภัทรรีบไล่น้องชายเพราะคงดูไม่ดีนักหากปล่อยให้อีกฝ่ายรอนาน

วีรภพแตะบ่าพี่ชายอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป วีรภัทรถอนหายใจยาว ขณะที่เขากำลังจมอยู่กับความมืดมิดในใจ น้องชายก็กำลังจะเริ่มต้นรักใหม่อีกครั้ง

วีรภัทรกลับเข้ามาในห้องนอนก่อนทิ้งตัวลงบนเตียง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกหมดอาลัยตายอยากจนยอมทิ้งทุกอย่าง แม้แต่หน้าที่ของตัวเอง โชคดีที่ผู้เป็นพ่อนั้นเข้าใจ จึงได้เข้าไปดูแลงานในบริษัทแทนในช่วงที่เขานั้นพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ส่วนผู้เป็นแม่ก็เดินทางออกไปทำบุญกับเพื่อนแต่เช้า ทิ้งให้เขาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่เพียงลำพัง

วีรภัทรเหลือบมองกรอบรูปที่วางอยู่บนหัวเตียง ภาพถ่ายของเขาและสโรชาเมื่อครั้งที่เดินทางไปเที่ยวภาคเหนือด้วยกัน ชายหนุ่มชั่งใจอยู่นานว่าควรทิ้งดีหรือไม่ แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงวางเอาไว้ที่เดิม

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ