“คุณหนูเจ้าคะ! ออกไปเดินเล่นที่ตลาดกันไหมเจ้าคะ? ตลาดหลวงวันนี้คึกคักมากเจ้าค่ะ! ข้าได้ยินว่ามีพ่อค้าแคว้นเยี่ยนนำผ้าไหมชั้นดีมาขายด้วย หากไม่ไปดูอาจต้องเสียดายเป็นแน่เจ้าค่ะคุณหนู” นางรับใช้คนสนิทเสนอความคิดเสียงอ่อน สองดวงตาทอดมองผู้เป็นนายด้วยความหวัง
หวังอ้ายหลิงลดมือลงอย่างเชื่องช้า ก่อนที่จะละสายตามามองสาวรับใช้คนสนิทด้วยสีหน้าสงบ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ อย่างอ่อนใจ
“เจ้ารู้ว่าข้าไม่ชอบออกไปพบผู้คนเท่าใดนัก...” ผู้เป็นนายเอ่ยน้ำเสียงเนิบนาบก่อนจะยกหนังสือขึ้นกวาดตาหาบรรทัดที่ต้องอ่านต่อ
“แต่คุณหนู! ใต้เท้าหวังกับฮูหยินก็อยากให้ท่านออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ท่านไม่ได้ออกจากจวนมานานมากแล้วนะเจ้าคะ!”
หวังอ้ายหลิงชะงักงันไปชั่วขณะ เมื่อดวงตาเรียวรีของสาวใช้คนสนิทฉายแวววิตกกังวล ยามนี้นางย่อมประจักษ์แก่ใจดีว่า บิดามารดาของนางต่างก็เป็นกังวล ด้วยเกรงว่าบุตรีเพียงคนเดียวของพวกเขาอาจต้องกลายเป็นสตรีทึนทึกที่ไร้บุรุษเหลียวแล อาจต้องใช้ชีวิตร่มเงาของตระกูลหวังไปจนแก่เฒ่า คิดได้เช่นนั้น หวังอ้ายหลิงจึงได้หนังสือที่ถืออยู่ติดมือลง
“ก็ได้ เช่นนั้น...ข้าจะออกไปเดินเล่นสักครู่เพื่อเจ้าก็แล้วกัน เสี่ยวหรู”
“คุณหนูพูดแล้วนะเจ้าคะ!” เสี่ยวหรูรีบยอบกายลงคำนับ ก่อนที่จะผลุนผลันวิ่งสลับเดินออกไปจากจวน ตรงไปยังจุดจอดเกี้ยวของจวน
“เตรียมเกี้ยว ไปรับคุณหนูที่จวนด้วย คุณหนูจะไปเดินเที่ยวที่ตลาด”เสี่ยวหรูส่งเสียงสดใสอย่างเริงร่า ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าตรงไปยังจวนหลัก
“เรียบร้อยเจ้าค่ะใต้เท้า” เสี่ยวหรูรีบรายงานหลังจากยอบตัวทำความเคารพ
“ในที่สุด บุตรีของพวกเราก็ยอมออกไปพบผู้คนเสียที” ฮูหยินหวังหันมองหน้าผู้เป็นสามีด้วยความอย่างโล่งอก
“ขอบใจเจ้ามากเสี่ยวหรู ที่เจ้าเกลี้ยกล่อมหลิงเอ๋อร์ได้...”ฮูหยินยิ้มบาง ๆ อย่างใจดี ก่อนที่จะหยิบถุงแดงออกมาถือไว้ในมือ
“นี่สินน้ำใจของเจ้า” ฮูหยินหวังเอ่ยเสียงเรียบ
เสี่ยวหรูก้มลงคำนับ แท้จริงแล้วนางไม่ได้ทำเพื่อให้ได้สินน้ำใจหรือสิ่งอื่นใดเลย เพราะจวนสกุลหวังไม่ได้ขาดตกปกพร่องที่จะเลี้ยงดูบ่าวไพร่ แต่ทั้งหมดที่นางทำลงไปก็เพื่อขนมเปี๊ยะถั่วแดงที่อร่อยที่สุดในหลงเฉิงที่ในจวนไม่อาจมีให้ลิ้มลองได้ต่างหาก!
…
หนึ่งสาวใช้หนึ่งคุณหนูสูงศักดิ์เดินจูงมือกันฝ่าฝูงชน ท่ามกลางความคึกคักของตลาดหลงเฉิงที่อวลไปด้วยกลิ่นคาวปลาและเครื่องเทศนานาชนิด หลังจากเดินเรื่อยมาระยะหนึ่ง สายลมได้พัดพาเอาไออุ่นระคนกลิ่นหอมหวานของถั่วแดงกวนลอยมาแตะจมูก ชวนให้ผู้คนที่สัญจรไปมาต้องเหลียวมองหาต้นตอ ในเวลานั้น สายตาพลันสะดุดเข้ากับฝูงชนที่ยืนรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนหน้าห้องแถวไม้โบราณหลังเล็กที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางซอย แลดูโอ่อ่ากว่าร้านรวงอื่นใด ป้ายไม้แกะสลักพู่กันจีนโบราณประดับเหนือประตู มีตัวอักษรสีทองอร่ามเขียนว่า “เปี๊ยะถั่วแดงเลิศรส”
เสี่ยวหรูยืนเขย่งปลายเท้า สอดตาดูขนมเปี้ยะที่ถูกลำเลียงออกมาจากเตา ไม่ต่างจากผู้คนต่างยืนเรียงรายเป็นทางยาว ไม่ย่อท้อต่อแสงแดดที่แผดจ้า บ้างก็ชะเง้อคอมองเข้าไปในร้านด้วยความคาดหวัง บ้างก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยถึงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของขนมเปี๊ยะร้านนี้ พนักงานภายในร้าน ต่างขะมักเขม้นกับการทำขนมเปี๊ยะ เสียงตอกแป้งกระทบไม้ดังเป็นจังหวะ ผสมผสานกับ กลิ่นหอมของแป้งที่ถูกอบจนเหลืองทองลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ ชวนให้น้ำลายสอ
และแล้ว เมื่อขนมเปี๊ยะร้อน ๆ ถูกยกออกมาวางเรียงรายบนถาดไม้ ผู้คนต่างเบียดเสียดกันเข้ามาเพื่อช่วงชิง ขนมเปี๊ยะถั่วแดงเลิศรสนี้มีรูปทรงกลมแป้น ผิวแป้งบางเฉียบราวกับกระดาษสา สีเหลืองทองอร่ามราวกับพระอาทิตย์ยามอัสดง เมื่อกัดลงไปจะสัมผัสได้ถึงความกรอบร่วนของแป้งที่แตกละลายในปาก เผยให้เห็นไส้ถั่วแดงกวนที่เนียนละเอียด หอมกลิ่นถั่วแดงคั่วอ่อน ๆ แฝงไว้ด้วยรสสัมผัสอันนุ่มนวล รสชาติหวานมันกำลังดี ไม่เลี่ยนบาดคอ ชวนให้เคลิบเคลิ้มราวกับได้ลิ้มรสอาหารทิพย์จากสวรรค์ ผู้คนถึงกับเล่าขานเป็นตำนานความอร่อยอันเป็นเลิศของหลงเฉิง
“เถ้าแก่ ขนมงาแปดชิ้น ขนมเปี๊ยะถั่วแดงหกชิ้น!” เสี่ยวหรูตะโกนสั่งทันทีที่ถึงคิวของตน
“ได้เลยขอรับ!”
ขณะหวังอ้ายหลิงกำลังเผลอมองรอบ ๆ อยู่นั้น เสียงวุ่นวายก็ดังขึ้นจากอีกฟากของตลาดได้ดังขึ้น เรียกความสนใจจากทุกคนไปจากจุดนี้
“จับขโมย! อย่าให้มันหนีไปได้!”
สิ้นเสียงดังกล่าว ได้ปรากฏเงาร่างของบุรุษผู้หนึ่งวิ่งผ่านฝูงชนด้วยความรวดเร็ว บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างรีบถอยหลบ เสียงข้าวของล้มระเนระนาดดังขึ้น เพียงไม่กี่ชั่วอึดใจ บุรุษผู้นั้นได้พุ่งตรงมายังทิศที่หวังอ้ายหลิงยืนอยู่เสียอย่างนั้น!
“คุณหนูระวังเจ้าค่ะ!” เสี่ยวหรูร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ มือหนึ่งคว้าแขนของผู้เป็นนายเอาไว้หวังอ้ายหลิงพลันชะงักงันไปชั่วขณะ
นางถอยหลังไปหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณเป็นจังหวะเดียวกันที่ร่างของหัวขโมยหนุ่มปะทะเข้ากับขอบโต๊ะร้านขนมเสียงดังโครม จนขนมที่วางซ้อนกันอยู่กระจัดกระจายไปทั่วก่อนจะล้มลงกับพื้น ทว่าเพียงพริบตาเดียวเขาก็ดีดตัวลุกขึ้นใหม่ จังหวะเดียวกันนั้นก็มีบุรุษอีกกลุ่มไล่ตามมา หนึ่งในนั้นแต่งกายด้วยอาภรณ์ของเจ้าหน้าที่กองลาดตระเวน
“เจ้ายังคิดหนีอีกหรือ!” หนึ่งในเจ้าหน้าที่กองลาดตระเวนตวาดดังขึ้น
ขโมยหนุ่มหอบหายใจหนัก หันซ้ายแลขวาหาทางหลบหนี ทว่าด้วยความรีบร้อนและความโกลาหลของตลาดรอบตัว เขากลับถอยหลังพลาดไปชนกับร่างของหวังอ้ายหลิงเต็มแรง!
“โอ้ย!” หวังอ้ายหลิงเสียหลัก โดยที่เสี่ยวหรูรีบคว้าตัวนางไว้แทบไม่ทัน
หัวขโมยหนุ่มตวัดสายตาขึ้นสบมองนางเพียงเสี้ยววินาที ดวงตาคมลึกลับสะท้อนแววอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันหลังเตรียมวิ่งต่อ แต่ไม่ทันพ้นก้าวแรก ก็มีเงาดำวูบผ่านเข้ามาอย่างทันท่วงที
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?