มู่เสวี่ยหลิงรับรู้ถึงสายตาของหยวนเซิ่งเจ๋อที่ทอดมองมาก็หัวเราะเสียงเบา นางวางตะเกียบลงข้างมือ
“พี่หยวน อยากพูดอะไรก็พูดออกมาเถิดเจ้าค่ะ ที่นี้มีแค่ข้ากับท่าน ไม่ว่าสิ่งใดล้วนพูดได้ทั้งนั้น”
หยวนเซิ่งเจ๋อขยับตัวอย่างอึดอัด เขาไม่ได้อึดอัดกับความใกล้ชิดระหว่างเขาและมู่เสวี่ยหลิง แต่อึดอัดกับสายตาและความนัยที่หมิงเยี่ยพยายามจะสื่อ เขาเองก็เป็นบุรุษผู้หนึ่ง ถึงจะความรู้สึกช้าไปบ้างอย่างที่มารดาเคยปรามาสไว้ แต่เมื่อมีคนต้องตาคู่หมั้นตนเองเข้า มีหรือเขาจะไม่รู้เรื่องเลย
หยวนเซิ่งเจ๋อขมวดคิ้ว “เสวี่ยหลิง-”
เขายังพูดไม่ทันจบนางก็ขัดคอเขาแล้ว “หลิงหลิงเจ้าค่ะ”
“หลิงหลิง” หยวนเซิ่งเจ๋ออ่อนอกอ่อนใจเหลือแสน เขาอมยิ้ม
“เจ้าหักหน้าบิดาถึงขั้นนั้นไม่กลัวว่าเขาจะยกเลิกงานหมั้นของพวกเราหรือ”
“บิดาข้าน่ะหรือ?” มู่เสวี่ยหลิงหัวเราะเสียงใส นางโบกมือไปมาเสมือนว่าเจอเรื่องขบขันที่สุดในชีวิต
“บิดาข้าเป็นเพียงหมาป่าตาขาวผู้หนึ่งเท่านั้น พี่หยวน คราแรกกลัวว่าบ้านท่านจะกดสกุลมู่จมดินไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้อีกถึงได้จับท่านกับข้าหมั้นหมายตั้งแต่ยังเล็ก พอโตมาเห็นข้างดงามสามารถไปได้ไกลกว่าการเป็นภรรยาเอกตระกูลพ่อค้าถึงได้จับข้าใส่ตะกร้าส่งไปถึงหน้าหมิงเยี่ยผู้นั้น”
หยวนเซิ่งเจ๋อลอบมองคนงาม เห็นนางมีสายตาเย็นชาสุดขั้วทั้งยังดูแค้นเคืองลึกสุดหยั่งก็นึกสงสัยทว่าไม่ได้ถามออกไป เรื่องของมู่เหยียนจง หยวนเซิ่งเจ๋อเองก็เคยได้ยินจากบิดามาบ้าง เพียงแต่เขาเห็นว่าใกล้จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว เรื่องบางเรื่องหากปล่อยผ่านได้ก็ย่อมปล่อยผ่าน
แต่เรื่องที่เอาหลิงหลิงยื่นไปตรงหน้าหมิงเยี่ย ให้ทำอย่างไรเขาก็ปล่อยผ่านไม่ได้
“แล้วเจ้าเล่า” หยวนเซิ่งเจ๋อคลึงจอกชาในมือ สายตาเขาดูเลื่อนลอยไม่น้อย “อยากไปได้ไกลกว่าการเป็นภรรยาพ่อค้าหรือไม่”
มู่เสวี่ยหลิงนิ่งอึ้ง เนิ่นนานกว่าจะเค้นออกมาได้ประโยคหนึ่ง “พี่หยวน ท่านรักข้าหรือไม่เจ้าคะ”
หยวนเซิ่งเจ๋อตอบโดยไม่ต้องคิด “ข้ารักเจ้า”
“เช่นนั้นต่อให้หนทางยาวไกลถึงเป็นซูเฟย ข้าก็ยังเลือกอยู่กับพี่หยวนเจ้าค่ะ” มู่เสวี่ยหลิงยกยิ้มกว้าง ดวงตาดอกท้อของนางโค้งลงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ลอยเด่นกลางธาราใสกระจ่าง ประทับตราตรึงลงในจิตใจของหยวนเซิ่งเจ๋อ
ปีนั้นนางเลือกหนทางผิด คิดอยากพึ่งพิงบิดาเขากลับหลีกหนีหน้าไม่มองไม่ช่วยเหลือ มีเพียงเขาที่ยื่นมือฉุดรั้งนางขึ้นจากความโสมมต่าง ๆ เป็นเขาที่อยู่เคียงข้างนางตราบจนชั่วลมหายใจสุดท้าย ต่อให้ชาตินี้เขาไม่รักนางก็ช่างปะไร ขอเพียงนางมีใจอยากช่วยเขา สิบมู่เหยียนจงก็ห้ามนางไว้ไม่ได้
หยวนเซิ่งเจ๋อมองใบหน้างามล้ำของนาง เห็นแววตาเทิดทูนทั้งยังเคารพถึงขนาดนั้นก็รู้สึกเหมือนตัวลอยขึ้นจากพื้น ในอกมีความรู้สึกนับหมื่นนับพันหมุนเวียนแต่มีเพียงความคิดเดียวที่แจ่มชัด นั่นคือเขารักนาง รักนางมาก รักนางมาโดยตลอดทั้งยังเฝ้าหวังว่าจะได้ครองเรือนเคียงคู่มู่เสวี่ยหลิง
ต่อให้มีหญิงงามล่มเมืองอยู่ตรงหน้า ต่อให้หญิงผู้นั้นจะดีกว่ามู่เสวี่ยหลิงเป็นสิบเท่าพันเท่า คนที่หยวนเซิ่งเจ๋อเลือกรัก คนที่เข้ามานั่งในใจเขานานเป็นปีก็ยังเป็นนางอยู่ดี หยวนเซิ่งเจ๋อขัดเขินอยู่มาก เขาค่อย ๆ เลื่อนมือทาบทับลงบนฝ่ามือบอบบางของนาง เอ่ยเสียงเบา
“หลิงหลิง หากเจ้าไม่รังเกียจ ข้าจะให้บิดาส่งแม่สื่อทำเรื่องสู่ขอให้เร็วที่สุด”
“ไม่รังเกียจอยู่แล้วเจ้าค่ะ” มู่เสวี่ยหลิงยิ้มกว้าง “พี่หยวน เป็นพรุ่งนี้เลยได้หรือไม่เจ้าคะ”
นางอยากไปจากจวนเฮงซวยนี่เต็มที แค่คิดว่าต้องตื่นมาเจอหน้าหมิงเยี่ยทุกวันก็ทำเอานางรู้สึกป่วยแล้ว
วันถัดมาขบวนแม่สื่อแม่ชักก็เคลื่อนตัวมาตั้งแต่เช้าตรู่ทำเอามู่เหยียนจงตั้งรับไม่ทันอยู่บ้าง เขาหันมองบุตรสาวเดินยิ้มแย้มออกมาจากเรือน มู่เสวี่ยหลิงในชุดสีอ่อนเยื้องย่างอย่างอ้อนช้อยเข้ามาในห้องโถงใหญ่ บนศีรษะมีเครื่องประดับหยกแดงที่นางเคยพลิกเรือนหาชุดนั้นปักอยู่บนมวยผมทั้งติ่งหูขาวสะอาดก็ยังใส่ต่างหูเข้าชุดไว้ด้วยกัน ยามนางขยับเท้าออกเดินยังได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งลอยมาตามลมพาให้ผู้คนหัวใจสั่นไหวอยู่บ้าง
แม่สื่อเห็นว่าที่เจ้าสาวยินดีปรีดาถึงเพียงนี้ก็ไม่ลืมคำที่คุณชายหยวนกำชับไว้ ไม่ว่าอย่างไรวันนี้นางก็ต้องทำให้นายท่านมู่ตกปากรับคำเรื่องงานแต่งงานให้จงได้ แม่สื่อขยับตัวตรง มือถือพัดด้ามจิ๋วโบกไปมาอย่างพอเหมาะ
“นายท่านมู่ บุตรสาวท่านช่างงดงามเป็นหนึ่งเสียจริง เห็นทีคงจะงามที่สุดในเมืองเป่ยแล้วกระมัง” แม่สื่อหัวเราะเสียงเบา นางชายตามองคุณชายหยวนที่นั่งอยู่ข้างกัน
“คุณชายหยวนของข้าแต่เดิมก็มีใจให้คุณหนูมู่อยู่แล้ว เห็นทีครานี้เขาคงตกบ่วงความงามของนางจนถอนตัวไม่ขึ้นเป็นแน่”
มู่เสวี่ยหลิงแสร้งทำสีหน้าเขินอาย เมื่อวานนางกับหยวนเซิ่งเจ๋อซักซ้อมกันไว้เรียบร้อยแล้ว บิดานางมักจะรับสำรับเช้าสายอยู่สักหน่อย หลังอิ่มแล้วเขาชอบเอนหลังพักสายตาอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่มู่เหยียนจงไม่ระมัดระวังตัวจนถึงที่สุด ขอแค่แม่สื่อมาถูกเวลา นางก็มีหลายร้อยวิธีในการปั่นหัวท่านพ่อให้ตกปากรับคำ
“แม่สื่อกล่าวเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” นางทรุดกายนั่งลงข้างมู่เหยียนจง ทำเป็นไม่เห็นสายตาคมล้ำลึกของหมิงเยี่ย “พี่หยวนเองก็สง่างามถึงเพียงนี้ อย่าว่าแต่เขาหลงความงามของข้าเลย ข้าเองก็หลงใหลในความหล่อเหลาของเขาเช่นกัน”
แม่สื่ออึ้งเล็กน้อย นางพอรู้มาว่าคุณหนูมู่ต้องการแต่งงานกับคุณชายหยวนให้เร็วที่สุดแต่ก็ไม่คิดว่าเด็กสาวที่เพิ่งพ้นวัยปักปิ่นมาได้ไม่ถึงปีอย่างนางจะใจร้อนถึงเพียงนี้ แม่สื่อแต่ไหนแต่ไรมาเคยแต่รับมือกับพวกคุณหนูในห้องหอที่ทำตัวเอียงอาย
ครึ่งค่อนวันกว่าจะยอมเอ่ยปากรับแต่งงาน มาคราวนี้ต้องจัดการกับมู่เสวี่ยหลิงที่ทั้งเปิดเผยและใสซื่อสุด ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี