ตอนที่ 14. คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง

แขกเหรื่อพวกนั้นรู้จักมู่เสวี่ยหลิงมานานย่อมรู้นิสัยเอาแต่ใจทั้งยังขี้เกียจขยับตัวของนางดี คราแรกที่มองนางอย่างเคลือบแคลงก็เริ่มจะสงสัยในคำพูดของหมิงเยี่ยบ้างแล้ว มู่เสวี่ยหลิงคล้ายยังไม่สาแก่ใจ นางพูดขึ้นอีกครั้ง

“หมิงเยี่ย ถ้าหากท่านหมายถึงคืนนั้นที่ข้าออกมาจากห้องท่านพ่อแล้วถูกท่านตามตอแยทั้งยังทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บแล้ว ข้าเองก็มีพยานในเรื่องนี้เช่นกัน”

หยวนเซิ่งเจ๋อขมวดคิ้วฉับ “เขาทำร้ายเจ้าหรือ?”

“พี่หยวนใจเย็น ๆ เถิดเจ้าค่ะ” มู่เสวี่ยหลิงกล่าวเสียงอ่อนปลอบประโลมเขา

“เพราะข้าเป็นคุณหนูในห้องหอ นาน ๆ ทีถึงจะออกจากจวนครั้งหนึ่งทำให้ผิวกายบอบบาง เขาบีบแขนข้าจนช้ำเลือดต้องตามหมอมาตรวจ คืนนั้นเขาขอให้ข้าแต่งงานไปเป็นภรรยาเขา ทั้งยังกล่าวอ้างว่าตนเองไร้ภรรยาเอก จะยกขบวนเกี้ยวแปดคนหามให้ข้า ท่านหมิง แล้วภรรยาเอกสกุลสวี่ของท่านเล่า นางรู้หรือไม่ว่าท่านต้องการยกตำแหน่งภรรยาเอกให้ข้า”

หมิงเยี่ยสร่างเมาขึ้นมาแล้ว เขายกนิ้วชี้หน้ามู่เสวี่ยหลิงด้วยความคับแค้นใจ ทว่าท่านลุงหยวนเป็นคนที่ยุติธรรมยิ่ง เขาเรียกบ่าวไพร่ไปสอบถามหมอชื่อดังของเมืองเป่ย คืนนั้นลี่ลี่สาวใช้ของนางมาตามท่านหมอจริงและท่านหมอก็ไปตรวจให้มู่เสวี่ยหลิงจริง เมื่อนางมีพยานหลักฐานพร้อมพรักถึงเพียงนี้ คำพูดของหมิงเยี่ยจะถือเป็นกระไรได้

ดวงตามู่เสวี่ยหลิงสว่างวาบด้วยความสาแก่ใจ นางพูดขึ้นอีกครั้ง “นายท่านหมิง ข้าปฏิเสธท่านเพราะรักพี่หยวนด้วยใจจริง หากท่านยังรังควานงานแต่งของข้าอยู่อีก ก็ถือว่าท่านเป็นคนหน้าไม่อายหมายแยกคู่นกยวนยางแล้ว”

หมิงเยี่ยกวาดมองรอบกายด้วยความตกใจ ไม่คิดว่ามู่เสวี่ยหลิงจะตอกกลับเขาได้มากถึงเพียงนี้ ทั้งสายตาหยามเหยียดและดูถูกที่มองมายังทำให้เขาคับแค้นใจเหลือแสน แต่ก่อนจะได้พูดประชดกลับ นายท่านหยวนก็ให้บ่าวไพร่เชิญคนออกจากงานแต่ง เป็นสถานการณ์ที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตเขา

มู่เสวี่ยหลิงพรูลมหายใจจากอก นางแย้มยิ้มภายใต้ผ้าคลุมหน้า ค้อมศีรษะลง “เป็นที่ขบขันแก่ทุกคนแล้วเจ้าค่ะ” ก่อนสดับฟังเสียงปลอบโยนและยกยอมากมายด้วยความสมใจ

“พี่หยวน ท่านตกใจหรือไม่เจ้าคะ”

มู่เสวี่ยหลิงถามสามีที่นั่งอยู่บนตั่งเตียง นางเพิ่งอาบน้ำเสร็จเส้นผมยังเปียกชื้นอยู่จึงยังไม่กล้าขึ้นเตียงไปนั่งข้างเขา หยวนเซิ่งเจ๋อเห็นดังนั้นก็เดินมาซ้อนด้านหลังนาง หยิบเอาผ้าผืนเล็กเช็ดผมนางด้วยตนเอง

“ไม่ตกใจหรอก เพียงแต่นึกโกรธที่เขาทำร้ายเจ้าเท่านั้น”

มู่เสวี่ยหลิงหัวเราะ “ก็แค่การละเล่นอย่างหนึ่ง พี่หยวนอย่าได้ใส่ใจไปเลยเจ้าค่ะ”

บทสนทนาเงียบลงแต่กลับรู้สึกถึงกลิ่นอายหอมหวานวนล้อมอยู่ในอากาศ มู่เสวี่ยหลิงพลันนึกสงสัยว่าเมื่อชาติก่อนนั้นนางเลือกหมิงเยี่ยได้อย่างไร เหตุใดถึงได้ดวงตามืดบอดเสียปานนั้น หยวนเซิ่งเจ๋อเห็นภรรยาคนงามขยับขยุกขยิกจนเห็นของที่ไม่ควรก็ใบหน้าแดงก่ำ ลนลานรีบวางผ้าลง

“ข้า- ข้าไปนอนก่อน”

มู่เสวี่ยหลิงนิ่งอึ้ง มองท่าทางเขาอยู่ครู่หนึ่งก็รับรู้ได้ว่าเพราะพี่หยวนของนางไม่เคยนี่เอง มู่เสวี่ยหลิงหัวเราะคิกคัก นางปีนขึ้นเตียงตามเขาไปเห็นหยวนเซิ่งเจ๋อหลับตาแน่นก็โน้มใบหน้าเข้าใกล้ กระซิบที่ข้างหูเขาคำหนึ่ง

“พี่หยวน วันนี้คืนเข้าหอนะเจ้าคะ คืนเข้าหอที่ค่าดั่งทองพันช่าง ท่านจะปล่อยให้เสียเปล่าไม่ได้เด็ดขาด”

มู่เสวี่ยหลิงรออยู่ครึ่งค่อนคืนก็ไม่เห็นเขาลงมือเสียที นางถอนหายใจ ตัดสินใจโน้มใบหน้าเข้าหาเขา กดจูบเข้ากับริมฝีปากหยักได้รูปของเขาอย่างนุ่มนวล เพราะมู่เสวี่ยหลิงผ่านศึกบนเตียงมาแล้ว นางจึงขยับพาเข้าร่ายรำไปในท่วงทำนองอัศจรรย์พร้อมนาง

เรียวลิ้นเล็กค่อย ๆ ปลุกอารมณ์ในตัวหยวนเซิ่งเจ๋อให้พุ่งสูง จนถึงจุดหนึ่งเขาก็ไม่อยากเป็นผู้ตามอีก พลิกกายนางลงนอนราบกับเตียง ส่วนเขาทาบทับอยู่ด้านบน ขยับริมฝีปากไปพร้อมกับนาง เขาสอดลิ้นเข้าไปด้านใน พัวพันกับนางไม่ห่างทั้งยังรู้สึกเสียดายลึก ๆ ที่ไม่แต่งกับนางให้เร็วกว่านี้

มู่เสวี่ยหลิงถูกเขาถอดชุดออกไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบได้ครั้นเขาแตะปลายนิ้วลงบนซาลาเปาขนาดพอดีมือของนาง มู่เสวี่ยหลิงก็เผลอส่งเสียงครางแว่วหวานในลำคอ นางแอ่นอกใส่มือสามีด้วยทนไม่ไหวแต่นั่นยิ่งกระตุ้นให้เขาลงมือหนักกว่าเดิมมาก หยวนเซิ่งเจ๋อเคยอ่านเรื่องพวกนี้มาไม่น้อย ถึงจะดูติดขัดไปสักหน่อยแต่เมื่อเขาจับจังหวะได้แล้วก็สามารถสร้างความสุขให้กับภรรยาได้อย่างน่าดูชม

เขาเลื่อนตัวด้านล่าง ซุกไซ้ใบหน้าเข้ากับเต้าอวบอิ่มของนาง ลิ้นร้อนลวกแลบออกแตะลงบนปลายยอดอกครั้งหนึ่ง เห็นนางมีอาการตอบสนองเขาก็ยิ่งขยับเรียวลิ้นให้เร็วขึ้นอีกหน่อย เร็วถึงขนาดที่มู่เสวี่ยหลิงทนไม่ไหว จิกเล็บลงบนบ่าเขาด้วยความกระสัน

“อ๊ะ- พี่หยวน”

หยวนเซิ่งเจ๋อค่อย ๆ ขยับมือปัดป่ายไปทุกส่วนในร่างกายนาง เขาฟอนเฟ้นเอวบางของภรรยา แกล้งแตะปลายยอดอกอีกข้าง หยอกล้อหนัก ๆ เสียจนส่วนนั้นเริ่มชูชันขึ้นมาทั้งยังรู้สึกได้ถึงเรียวขาที่บดเบียดเข้าหากันจนกลีบกุหลาบแสนอ่อนไหวของนางเริ่มชื้นแฉะด้วยหยาดน้ำหวาน

มู่เสวี่ยหลิงเม้มปากแน่นกลั้นเสียง นางเชิดใบหน้าขึ้น เขาใช้เรียวลิ้นลากไล้ไปตามผิวกายของภรรยาจนทำให้มู่เสวี่ยหลิงรู้สึกเหมือนมีกองเพลิงน้อย ๆ กำลังเต้นเร่าอยู่บนผิวนาง

มู่เสวี่ยหลิงรู้สึกว่าเขาหยุดมือก็เผลอเปิดเปลือกตาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย เห็นสามีกำลังถอดชุดออกจากร่างก็ใบหน้าแดงก่ำ รีบหันไปอีกทางด้วยไม่อาจทนมองร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทั้งยังชื้นเหงื่อจนรู้สึกเห็นประกายบางอย่างสะท้อนออกมาจากผิวเขา หยวนเซิ่งเจ๋อหัวเราะเสียงเบา เขาตามมาทาบทับกดจูบลงบนมุมปากนางครั้งหนึ่ง

“หลิงหลิง เจ้างามมากจริง ๆ”

“พี่หยวน พูดอะไรตอนนี้เล่าเจ้าคะ”

สามีขยับเข้าใกล้ภรรยา มือหนาของเขาลูบไล้ไปทั่วเรียวขายาวงดงามของมู่เสวี่ยหลิงคล้ายคนที่ตกอยู่ในบ่วงแห่งความหลงใหล มู่เสวี่ยหลิงเคยผ่านการเล่นพลิกผ้าห่มมาแล้วก็จริง แต่ไม่มีครั้งไหนที่นางรู้สึกเหมือนได้รับการทะนุถนอมเช่นนี้มาก่อน

หยวนเซิ่งเจ๋อจับเรียวขาของนางแยกออกกว้าง เขาแตะปลายนิ้วลงบนใจกลางกลีบกุหลาบ รู้สึกได้ถึงความเปียกแฉะก็นึกเอ็นดูนางในใจ

หยวนเซิ่งเจ๋อพรมนิ้วปรนเปรอกลีบกุหลาบของนางอยู่นาน นานกระทั่งได้ยินเสียงหอบหายใจและเสียงครางอ่อนหวานดังอยู่ข้างหูไม่ห่างหาย เขาขยับกายขึ้น จับส่วนนั้นของตนเองวางทาบทับกลีบกุหลาบสีแดงจัดของมู่เสวี่ยหลิง เขาช้อนสายตาขึ้นมองนาง

“หลิงหลิง ข้า-”

“พี่หยวน เข้ามาเถิดเจ้าค่ะ” มู่เสวี่ยหลิงยิ้มกว้างให้เขา

“ข้าอยากเป็นภรรยาท่าน”

หยวนเซิ่งเจ๋อเคยได้ยินว่าครั้งแรกจะทำให้สตรีเจ็บมาก เขาไม่กล้าทำอะไรผลีผลามค่อย ๆ ดันส่วนนั้นเข้าไปด้านใน มู่เสวี่ยหลิงแม้จะเตรียมใจมาบ้างแต่ก็ยังรู้สึกเจ็บเสียจนหยดน้ำตาเม็ดหนึ่งกลิ้งไหลจากหางตา ตกลงบนกลุ่มผมยาวสลวยแผ่กระจายของนาง

หยวนเซิ่งเจ๋อทาบทับนางอีกครั้ง เขาลูบศีรษะทั้งยังกดจูบลงบนเปลือกตาสีอ่อน ไล่ไปยังสันจมูกโด่งรั้น พวงแก้มอิ่มขึ้นสีเรื่อก่อนวกกลับมาที่ริมฝีปากเคลือบน้ำใสของนาง

เขาเล้าโลมมู่เสวี่ยหลิงกระทั่งรู้สึกว่าส่วนนั้นของนางไม่ได้เกร็งแน่นเหมือนคราแรกเขาจึงค่อย ๆ ขยับเอวเนิบช้า มู่เสวี่ยหลิงหลับตาแน่น นางยกมือขึ้นกอดลำคอแกร่ง ปล่อยให้เขาพานางล่องลอยไปไกลในห้วงอารมณ์แสนหวาน

“พี่หยวน-”

มู่เสวี่ยหลิงบิดตัวเร่าด้วยความกระสัน ยิ่งนางและเขาอารมณ์จุดติดมากเท่าไหร่หยวนเซิ่งเจ๋อที่มองดูเป็นคนสุภาพกลับยิ่งดุดันมากเท่านั้น หยวนเซิ่งเจ๋อขยับกายเข้าไปจนสุด ก่อนขยับเอวรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ มู่เสวี่ยหลิงถูกเขาใช้ฝ่ามือปรนเปรอทั้งเร่งเร้าอารมณ์ไม่ห่างก็ยิ่งสะบัดหน้าไปหาจนเส้นผมกระจายไปทั่วทั้งหมอนใบโต

หยวนเซิ่งเจ๋อมองภาพนั้นด้วยสายตาลึกล้ำ พลันรู้สึกว่าภรรยาของเขาช่างสวยงามเหลือเกิน งดงามจนเขาไม่อาจทานทนไหวได้แต่กอดรัดนางให้แน่นขึ้นอีกหน่อย สูดดมกลิ่นหอมหวานจากกายนาง สดับฟังเสียงร้องครวญครางข้างหูด้วยความสุขสม มู่เสวี่ยหลิงไม่นานก็ถึงจุดฝั่งฝันไปก่อนเขา หยวนเซิ่งเจ๋อเองก็ทนไม่ไหวเช่นกัน เขาปลดปล่อยเข้าไปในตัวนาง ทรุดกายลงนอนด้านข้างด้วยความเหนื่อยอ่อน

มู่เสวี่ยหลิงยกมือขึ้นแตะบนหน้าผากเขา

“พี่หยวน-”

หยวนเซิ่งเจ๋อติดใจในกลิ่นกายหอมกรุ่นของนางเข้าแล้ว เขาดึงฝ่ามือนางมาจูบครั้งหนึ่งก่อนทำตามที่นางว่าไว้ คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง เขาจับนางพลิกหัวพลิกหางเล่นบทรักอยู่เนิ่นนานกระทั่งเกือบฟ้าสางเห็นนางวิงวอนเสียงแหบแห้งถึงได้ข่มใจไว้ ยอมปล่อยให้นางนอนพักในที่สุด

มู่เสวี่ยหลิงลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเห็นสามียังคงหลับอย่างเป็นสุขก็ไม่อยากรบกวนเขา นางเดินออกไปนอกห้อง ลี่ลี่ที่กระวนกระวายรอนางอยู่นานถลาเข้ามานั่งคุกเข่าอยู่แทบเท้า มู่เสวี่ยหลิงกระชับเสื้อคลุมบนกาย ถามเสียงเบา

“มีอันใด”

ลี่ลี่ตัวสั่นงั่นงก “คุณหนู เมื่อครู่คนที่จวนมู่ส่งข่าวมาบอกว่านายท่านหมิงกลับเมืองหลวงไปแล้วเจ้าค่ะ”

มู่เสวี่ยหลิงรับคำในลำคอครั้งหนึ่ง นางพูดต่อ “ก่อนไปเขาทำลายข้าวของด้วยใช่หรือไม่”

ลี่ลี่เงยหน้าขึ้น ลืมความหวาดกลัวไปเสียสิ้น

“คุณหนูรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ”

“ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร กับคนสารเลวอย่างเขา ข้าจำได้ขึ้นใจเชียว”

มู่เสวี่ยหลิงดวงตาเป็นประกายวาบ ครานั้นนางไม่ใคร่สบายตัวจึงไม่อยากปรนนิบัติเขา มิคาดสามีที่เคยเอาอกเอาใจทั้งยังตามใจมาโดยตลอดจะพังข้าวของนางเสียหมดเรือนก่อนเดินกระฟัดกระเฟียดจากไป นิสัยอันธพาลของเขา นางล้วนจดจำได้หมดทั้งนั้น

“คุณหนูเจ้าคะ?”

มู่เสวี่ยหลิงทอดสายตาออกไปไกล คล้ายกับต้องการมองให้ทะลุไปถึงเมืองหลวง

“ลี่ลี่ เจ้าควรเรียกข้าว่าฮูหยินน้อย”

เพราะต่อจากนี้ไปนางไม่ใช่มู่เสวี่ยหลิงอีก แต่คือฮูหยินของนายน้อยตระกูลหยวน ภรรยาหยวนเซิ่งเจ๋อ หาใช่อนุลำดับที่ห้าของเดรัจฉานหมิงเยี่ย

โพสต์ข้อความ