ตอนที่ 15. ภรรยาข้าหายไปไหน

ภายในจวนหยวนมีงานมงคลเป็นหน้าเป็นตาทั้งมู่เสวี่ยหลิงเองก็สามารถปัดสวะพ้นตัวได้อย่างสวยงาม นายท่านหยวนแม้จะยังขัดเคืองขุนนางแซ่หมิงไม่หายแต่ก็ไม่เก็บมันมาเป็นอารมณ์ลงที่ลูกสะใภ้คนงามของเขา

เช้าหลังวันแต่งงานตามประเพณีแล้วลูกสะใภ้จะต้องไปยกน้ำชาคารวะพ่อแม่สามี แต่เพราะท่านแม่สามีเห็นว่าเมื่อวานนางได้รับความตกใจใหญ่หลวง พิธีนี้ก็เป็นอันงดไป มู่เสวี่ยหลิงจึงกลับเข้าห้องชั้นใน ทว่านางเดินเข้าไปได้สามก้าวก็เห็นสามีนั่งหน้าตาตื่นอยู่บนเตียง

“พี่หยวน เป็นอะไรไปเจ้าคะ”

หยวนเซิ่งเจ๋อหันมาเห็นนางก็คลายใจ ลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาใกล้สวมกอดนางแนบแน่น เขาถอนหายใจยาว

“ตื่นมาไม่เห็นเจ้าอยู่ข้าง ๆ ข้านึกว่าเมื่อวานเป็นฝันไปเสียแล้ว”

มู่เสวี่ยหลิงหัวเราะเสียงเบา นางยกมือขึ้นกอดเอวสอบ “พี่หยวนช่างพูดเสียจริง จะเป็นความฝันไปได้อย่างไรเล่า ข้าแค่ออกไปเรียกสาวใช้ยกน้ำอุ่นมาให้ท่าน อยากอาบน้ำเลยหรือไม่เจ้าคะ”

มู่เสวี่ยหลิงวางคางบนอกแกร่ง ช้อนสายตาขึ้นมองเขา มันเป็นท่าทางออดอ้อนที่นางมักใช้กับหมิงเยี่ยในตอนที่นางยังเป็นอนุ เจ้าคนสารเลวผู้นั้นเห็นนางทำเสียงอ่อนหวานเป็นฝ่ายซุกกายเข้าหาก่อนก็หัวเราะชอบใจใหญ่ มานึก ๆ ดูแล้วตอนนั้นนางน่าจะหยิบมีดแถวนั้นแทงเขาเสีย จะได้ไม่ต้องกลับมาเป็นภาระให้หยวนเซิ่งเจ๋อที่นี่

“หลิงหลิง คิดสิ่งใดอยู่ คิ้วเจ้าขมวดเป็นปมหมดแล้ว”

มู่เสวี่ยหลิงเพิ่งรู้ว่าตนเองใจลอยถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว นางส่ายหน้า รีบยกยิ้มให้เขาคลายใจ

“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่เมื่อครู่สาวใช้เรือนท่านแม่ส่งคนมาแจ้งว่าวันนี้ไม่ต้องไปคารวะยกน้ำชา ข้าเลยคิดอยู่ว่าหรือควรจะขัดคำสั่งนางเพื่อไปแสดงความกตัญญูดี”

หยวนเซิ่งเจ๋อยิ้มจาง ยกมือขึ้นลูบพวงแก้มอวบอิ่มนางในดวงใจครั้งหนึ่ง ส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ไม่ต้องไปหรอก ถ้าท่านแม่เอ่ยปากยกเว้นแล้วเจ้ายังไปนั่นถือว่าไม่ให้เกียรติท่านแม่แล้ว”

“ถ้าเช่นนั้นข้าไม่ไปนะเจ้าคะ”

มู่เสวี่ยหลิงเป่าปากโล่งอก นางมีความทรงจำแย่ ๆ เกี่ยวกับพิธียกน้ำชาอยู่มาก เพราะตอนนั้นแต่งเป็นอนุของหมิงเยี่ย เขาหลงรูปนางมากเสียจนทำพิธีประหนึ่งแต่งฮูหยินรอง ทำเอาฮูหยินใหญ่แซ่สวี่ผู้นั้นเจ็บแค้นน้ำใจเหลือแสน วันถัดมาหมิงเยี่ยออกไปทำงาน นางยังกดดันให้มู่เสวี่ยหลิงยืนยอบกายอยู่หน้าเรือนเป็นนานสองนาน

มู่เสวี่ยหลิงเกิดมาบนกองเงินกองทอง ถึงจะเป็นลูกพ่อค้าแต่นายท่านมู่ก็ดูแลนางอย่างดีไม่เคยทำโทษให้เจ็บช้ำน้ำใจ แล้วนางจะไปทนการกลั่นแกล้งนั่นไหวได้ยังไงกัน ยืนได้เพียงครึ่งชั่วยามนางก็ยืนต่อไม่ไหวล้มลงกับพื้นไม้ ฮูหยินใหญ่ใจมารนั่นยังหาว่านางกระด้างกระเดื่องไม่เคารพจะโบยนางร้อยไม้เสียให้ได้

โชคดีที่ลี่ลี่หัวไว ก้าวขึ้นมาบอกว่าวันนี้นายท่านหมิงต้องการมาที่เรือนใสกระจ่างของพวกนาง ฮูหยินใหญ่ถึงยอมรามือ หาไม่แล้วนางคงตกตายตั้งแต่คืนแรกของวันแต่งงานจริง ๆ

หยวนเซิ่งเจ๋อเห็นนางสีหน้าไม่ดีก็นึกว่าเหน็ดเหนื่อยกับกิจกรรมพลิกผ้าห่มมากเกินไป เขากระแอมไอกลบเกลื่อนความประหม่าเอ่ยบอกนางเสียงเบา

“เช่นนั้นเจ้าไปนอนเถิด ข้าว่าจะไปหาท่านพ่อเสียหน่อย”

ภรรยานอนอยู่ในห้องแต่สามีกลับออกไปด้านนอกหลังคืนเข้าหอ เรื่องเช่นนี้มีที่ไหนกัน หยวนเซิ่งเจ๋อเป็นบุรุษย่อมไม่คิดอันใดมากแต่พวกสตรีหาได้คิดเช่นนั้นไม่ นายท่านหยวนมีอนุมากย่อมมีบุตรหลานมาก ถ้าหากมีคนเอาไปร่ำลือว่าหยวนเซิ่งเจ๋อเกิดไม่พอใจในตัวนางจนหลีกหนีหน้าตั้งแต่วันแรกของชีวิตคู่ ถึงตอนนั้นนางมีสิบปากก็ล้างมลทินนี้ไม่สะอาดแล้ว

มู่เสวี่ยหลิงถูกหมิงเยี่ยกดขี่มาเป็นปี นางจึงรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร กระทั่งการออดอ้อนก็ยังทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ท่อนแขนเรียวงามกอดเอวสามีแนบแน่น นางโยกตัวไปมา

“ท่านพี่ ท่านจะทิ้งข้าไว้คนเดียวจริง ๆ หรือเจ้าคะ” นางมุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน ทำท่าเหมือนรู้สึกไม่ดีเต็มประดา “ข้าเพิ่งแต่งเข้าจวนท่าน ยังไม่คุ้นชินอยู่บ้าง พี่หยวน ข้ากลัวเจ้าค่ะ”

ความหมายของนางคือกลัวคนมาหาเรื่องนั่นเอง

“หลิงหลิง จวนสกุลหยวนถึงจะใหญ่โตแต่ก็จัดสรรเป็นระเบียบยิ่ง ถ้าหากใครทำให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจก็ไปแจ้งท่านแม่หรือท่านพ่อก็ได้ ถ้าหากไม่อยากรบกวนพวกท่านก็มาแจ้งข้า” หยวนเซิ่งเจ๋อนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนสำทับ

“ช่างเถิด เป็นความผิดข้าเองที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยพาเจ้ามาสกุลหยวนเลย วันนี้ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าก่อน”

มู่เสวี่ยหลิงยกยิ้มกว้าง เดินตามสามีไปยังตั่งเตียง “ขอบคุณพี่หยวนเจ้าค่ะ”

พลางนึกขอบคุณตนเองที่เมื่อก่อนขี้เกียจถึงขั้นจะมาจวนคู่หมั้นก็ยังไม่โผล่หน้ามา หาไม่แล้วถ้าท่านพ่อและท่านแม่สามีเห็นกิริยาปั้นปึ่งถลึงตาใส่บุตรชายของพวกเขาจะยังต้อนรับนางดีถึงเพียงนี้หรือไม่

โพสต์ข้อความ