เซี่ยเฉินแม้จะหงุดหงิดน้องชายต่างมารดาของตนเองมากแค่ไหนเขาก็ยังต้องทำตามคำที่ได้ลั่นวาจาออกไป หลังจากนั้นสามวันทางกรมพิธีการก็ส่งคนมาขอดวงชะตาองค์หญิงเซี่ยลี่เจินเพื่อไปเทียบดวงชะตากับจี้ชิงหยาง
ภายในห้องทรงพระอักษรมีเสียงโวยวายใหญ่โตสลับกับเสียงปาของลงพื้นดังโครมครามไปทั่วจนนางกำนัลและองครักษ์ที่รักษาการณ์อยู่แถวนั้นรีบก้มหน้าลงต่ำ คนไร้ความอดทนอย่างไท่จื่อกระวีกระวาดมาหาเรื่องเสด็จพ่อตนเองถึงในวังหลวง ใครจะกล้าพูดมันออกไปกัน?
เว้นเสียแต่ว่าคนผู้นั้นไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไป
องค์รัชทายาทใบหน้าแดงก่ำ คำหยาบคายสามหาวเหล่านั้นเขากล่าวออกมาต่อหน้าฮ่องเต้ได้อย่างไม่รู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นมู่กงกงเสียอีกที่แอบขมวดคิ้วอยู่ด้านหลังอย่างไม่ชอบใจนัก
เซี่ยเฉินถอนหายใจ เขาโบกมือไล่นางกำนัลออกไปจากห้องทรงพระอักษร เหลือไว้เพียงมู่กงกงคอยรับใช้เท่านั้น “เจ้าเจ็ด เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว เจ้าจะโมโหให้ได้อะไรขึ้นมา”
ทว่าองค์รัชทายาทกลับไม่คิดจะลดอารมณ์ของตนเองเลยแม้แต่น้อย ซ้ำเขากลับมีโทสะมากกว่าเดิม ราวกับไฟกองนั้นกำลังจะเผาภายในอกเขาให้มอดไหม้เป็นจุณ
“เสด็จพ่อ! พระองค์ตรัสอย่างนั้นได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ! ลี่เจินเป็นหมากของลูก!” แผ่นอกของไท่จื่อหนุ่มสะท้อนขึ้นลง “ข้าอุตส่าห์ดึงนางขึ้นมาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องแตะต้องเหมยเอ๋อร์ เว่ยชินอ๋องมีสิทธิ์อันใดมาดึงหมากตัวนี้กลับไป!”
เซี่ยเฉินหลุบสายตามองจอกชาสูงค่าในมือ เขาเลี้ยงเซี่ยอี้เจ๋อองค์ชายเจ็ดมากับมือและรับรู้นิสัยขี้โมโหและขี้อิจฉาของพระโอรสองค์นี้เป็นอย่างดี เซี่ยเฉินนั้นรักลูกคนนี้ยิ่งเพราะอี้เจ๋อเหมือนเขาราวกับถอดแบบกันมา ยิ่งพิศมองก็ยิ่งให้รู้สึกราวกับว่าส่องกระจกจึงคิดให้เขาขึ้นเป็นไท่จื่อด้วยคิดเอาง่าย ๆ ว่าหลังเขาเติบโต อี้เจ๋อก็คงจะลดอารมณ์รุนแรงนั่นลงเอง
แต่นอกจากอี้เจ๋อจะไม่ลดอารมณ์รุนแรงลงแล้ว เขายังโมโหร้ายมากขึ้นทุกที คาบเรียนกับราชครูก็ไม่อนุญาตให้ใครเก่งเกินหน้าเกินตา หากราชครูเอ่ยปากชมผู้อื่น เขาก็จะสั่งโบยและไล่ราชครูผู้นั้นออกโดยไม่สนใจมองหน้าพระราชบิดาแม้แต่นิดเดียว ตั้งแต่อี้เจ๋อเริ่มไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาก็ต้องเปลี่ยนราชครูไปถึงห้าคน หากมีขุนนางคนใดถวายฎีกากล่าวโทษ อี้เจ๋อก็จะพาองครักษ์ไปถล่มจวนขุนนางนั้นเสียราบคาบ ต้องวุ่นวายปิดข่าวไม่ให้ชาวบ้านด้านนอกรู้อีกยกใหญ่
เซี่ยเฉินเคยคิดจะเปลี่ยนรัชทายาท แต่ด้วยหัวใจที่เอนเอียงมาแต่แรก เขาไม่เคยตัดใจหักหาญความหวังของอี้เจ๋อได้แม้แต่สักครั้งเดียวและเบี่ยงไปโทษมารดาของเขาแทน มารดาของอี้เจ๋อเป็นเพียงหญิงลูกอนุของขุนนางขั้นห้าแต่กลับมีเสน่ห์มัดใจเขาที่ยามนั้นยังเป็นเพียงองค์ชายได้มั่น จนยอมยกนางจากตำแหน่งสาวใช้ข้างห้องเลื่อนขั้นให้เป็นถึงเช่อเฟย หลังจากเขาขึ้นครองราชย์ก็ยอมฟังคำขอของนางยกตำแหน่งฮองเฮาให้
และเซี่ยเฉินคิดว่านั่นอาจจะเป็นเรื่องผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตเขา เขาพาอี้เจ๋อมาตั้งแต่ยังสามหนาว มีบ้างบางครั้งที่ส่งเขากลับไปให้ฮองเฮาผู้เป็นมารดาได้พบเจอบ้างแต่ก็ไม่คิดว่าหญิงผู้นั้นจะสั่งสอนทายาทเขาจนกลายเป็นคนเหลาะแหละไร้น้ำอดน้ำทนเช่นนี้ ยิ่งอี้เจ๋อเติบโตเขาก็ยิ่งอยากจะจับหญิงผู้นั้นไปเฆี่ยนให้ตาย สั่งสอนอย่างไรลูกมังกรถึงได้กลายเป็นอันธพาลไปเช่นนี้?
หากบุตรชายของเขามีมารดาพรั่งพร้อมดังเช่นเสียนเฟย เซี่ยอี้เจ๋อจะเป็นผู้เป็นคนกว่านี้หรือไม่?
เซี่ยอี้เจ๋อครั้นไม่ได้ยินคำตอบของบิดาก็พลันตะโกนลั่น “เสด็จพ่อ!”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วปาจอกชาในมือลงตรงหน้าบุตรชายทันที เขาคำรามเสียงดังไม่ต่างกัน “อี้เจ๋อ! อย่าให้มันมากไปนัก ข้าเป็นบิดาเจ้าและเป็นฮ่องเต้ของเจ้าด้วย!”
เซี่ยอี้เจ๋อได้รับการสั่งสอนทั้งจากฮองเฮาและฮ่องเต้ แต่ไม่รู้ด้วยเพราะเหตุผลอันใดเขาถึงได้เลือกเชื่อคำพูดของมารดาที่ไม่ได้ร่ำเรียนแม้แต่ศาสตร์สตรีชั้นสูงมากกว่าบิดาที่ได้รับการสอนสั่งจากนักปราชญ์ล้ำเลิศพวกนั้น
เซี่ยอี้เจ๋อมองใบหน้าเคร่งเครียดของบิดาก็รู้ว่าเขาแตะขีดจำกัดของฮ่องเต้เข้าแล้ว ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่อนาทรร้อนใจ เดินเข้าไปใกล้บิดามังกรที่กำลังโมโหโทโสนั่นอย่างไม่เกรงกลัว เซี่ยอี้เจ๋อแสร้งก้มหน้ามองพื้น มือทั้งสองข้างกุมกันไว้อย่างสำนึกผิด “เสด็จพ่อ ลูกผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เขารู้ดียิ่งกว่าใคร หากเสด็จพ่อโมโหขึ้นมาก็ให้ก้มหน้ายอมรับผิดไว้ก่อน อย่าได้ถกเถียงเป็นอันขาดและต้องทำตัวว่านอนสอนง่ายเข้าไว้ ไม่ว่าก่อนหน้านั้นเจ้าจะก่อเรื่องไว้หนักแค่ไหน เพียงทำตามนี้เสด็จพ่อต้องยอมให้อภัยอย่างแน่นอน
และมันก็เป็นอย่างที่เซี่ยอี้เจ๋อคาดไว้ เซี่ยเฉินยกมือขึ้นกุมขมับ เสียงเขาพลันอ่อนลง “ช่างเถอะ เจ้ายังเด็กนัก”
เซี่ยอี้เจ๋อลอบยิ้ม เขาเงยหน้าขึ้นถามเสียงเบา “เสด็จพ่อ แล้วจะทำอย่างไรกับลี่เจินดีพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้นั่งนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาอย่างแสนเสียดาย “เซี่ยลี่เจินผู้นั้นคงใช้งานไม่ได้แล้ว เจ้าไปเฟ้นหาบุตรสาวขุนนางที่มีหน้าตางดงามเข้าขั้นสักหน่อยมาแทนนางแล้วกัน” เขาหยิบราชโองการสีทองสูงส่งยื่นให้มู่กงกง “อย่างไรหญิงงามก็สู้ชายมากปัญญาไม่ได้ เสียนางไปดีกว่าเสียทั้งเว่ยชินอ๋องทั้งจี้ชิงหยาง เจ้าตัดใจเสียเถอะ”
เซี่ยอี้เจ๋อมีสีหน้าไม่ยอมรับ แต่เสด็จพ่อตรัสมาขนาดนั้นเขาก็ไม่อาจดื้อดึงได้อีก “เช่นนั้นลูกขอตัวไปพบเสด็จแม่ฮองเฮาก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปเถอะ”
มู่กงกงเดินถือราชโองการออกไปภายใต้สายตาของเซี่ยเฉิน ในผ้าไหมสีทองนั่นเขาสั่งให้จี้ชิงหยางกลับไปรับตำแหน่งเล็ก ๆ ที่หมู่บ้านเหลียนจงและแสดงความเมตตากรุณาด้วยการรับหน้าที่เป็นบิดามารดาฝ่ายเจ้าบ่าวให้แต่งกับบุตรสาวเพียงคนเดียวของเว่ยชินอ๋อง ซ้ำยังพระราชทานจวนหลังใหม่อันงดงามเป็นเรือนหอเพื่อครองคู่กับฝ่ายหญิง
เซี่ยเฉินดวงตาคมปลาบ บ่วงบุญคุณนี้เขาก็อยากจะรู้เช่นกันว่าจอหงวนผู้มากล้นไปด้วยปัญญาจะดิ้นหลุดไปได้อย่างไร
“แต่งงานหรือเจ้าคะ?”
เซี่ยลี่เจินดวงตาเบิกกว้าง มือที่ถือจอกชาไว้รีบวางลงด้านข้างโต๊ะด้วยกลัวว่ามือสั่น ๆ ของนางนั้นจะทำมันตกแตก นางมองบิดาด้วยสีหน้าไม่มั่นใจนัก แต่ก็ยังอ้อมแอ้มถามออกไป “เอ่อ- กับผู้ใดหรือเจ้าคะ”
เซี่ยเว่ยแย้มยิ้มบาง เขายกมือกวักเรียกนางเข้ามาใกล้ ๆ รอกระทั่งเซี่ยลี่เจินเดินมาหยุดอยู่ข้างโต๊ะแล้วก็หยิบภาพเหมือนของจี้ชิงหยางมาวางไว้บนโต๊ะ “กับเขา”
เซี่ยลี่เจินเอียงคอมอง นางตกใจจนแทบจะสะดุดเท้าตนเองล้ม “กับ- กับเขาหรือเจ้าคะ?”
เซี่ยเว่ยพยักหน้ารับ “ไม่ใช่ว่าเจ้าชื่นชมเขามากหรอกหรือ”
บุตรสาวท่านแม่ทัพยกมือขึ้นลูบไล้ท่อนแขนตนเอง นางเดินกลับไปนั่งที่เดิม “ข้าชื่นชมเขาจริงเจ้าค่ะ เพียงแค่ไม่เคยนึกภาพตนเองลงเอยกับเขามาก่อน”
“เจ้าไม่ชอบเขาหรือ”
เซี่ยลี่เจินส่ายหน้าหวือจนต่างหูหยกขาวราคาแพงพวกนั้นขยับไปมาดังกรุ๊งกริ๊งเสียงเสนาะหู “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าชอบเขา แต่ข้า-” นางก็ไม่แน่ใจนักว่าความรู้สึกในตอนนี้ของนางจะต้องอธิบายออกไปอย่างไร เซี่ยลี่เจินขมวดคิ้วอยู่นานสองนานก็หาคำพูดเหมาะ ๆ ไม่ได้ สุดท้ายนางก็ยอมแพ้ “ข้าจะแต่งกับเขาเจ้าค่ะ”
เซี่ยเว่ยไม่ได้คาดหวังคำปฏิเสธจากบุตรสาวอยู่แล้ว เขาเป็นบิดาย่อมรู้นิสัยของนางดีที่สุด เซี่ยลี่เจินที่เชื่อฟังบิดาและมารดามากจนถือเป็นคำสั่งในชีวิตนั้นไม่มีทางขัดงานแต่งงานที่เขาเป็นคนลงมือเองอย่างแน่นอน
“เจ้าไปหามารดาเถอะ ป่านนี้นางคงชะเง้อรอเจ้าไปวัดตัวตัดชุดแต่งงานแล้วกระมัง”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ”
เซี่ยลี่เจินเดินออกไปนอกห้องหนังสือ ชั่วขณะนั้นนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าความรู้สึกเมื่อครู่ของนางคือความรู้สึกว่าเขาแก่ไปสักหน่อยสำหรับหญิงสาวที่ยังอายุไม่ครบสิบแปดดีเช่นนาง แต่ถ้าหากเขาเป็นคนที่ท่านพ่อยอมรับ นางก็ไม่คิดจะพูดออกไป
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?