ตอนที่ 13 คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง

พิธีสมรสพระราชทานระหว่างจี้ชิงหยางและเซี่ยลี่เจินถูกจัดขึ้นอย่างกระชั้นชิดเพราะกรมพิธีการเพิ่งได้ดวงชะตากลับมา หากพลาดอาทิตย์ปลายฤดูไปแล้วต้องรอจนถึงปีหน้าและเว่ยชินอ๋องก็ไม่มีเวลารอนานถึงขนาดนั้น ใครเลยจะรู้ว่าหากเขากลับไปยังซันไห่แล้วจะเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ต้องให้ลี่เอ๋อร์ออกเรือนไปก่อน เขาถึงจะกลับไปชายแดนได้อย่างสบายใจ

ท่านแม่ทัพอู๋ซานนั่งคัดเลือกของขวัญสำหรับบุตรสาวอยู่ในห้องหนังสือ มันมีทั้งหยกทับกระดาษแกะสลักลายมงคล เครื่องประดับสำหรับสตรีของพวกนอกด่านที่บุตรสาวเขาชอบนักชอบหนาและหนังสือเรื่องเล่าประโลมโลกที่นางมักจะอ่านในเวลาว่าง

ในตอนที่เขากำลังจะหยิบหยกทับกระดาษใส่กล่องไม้ก็พลันมีเสียงเปิดประตูห้องหนังสือดังปัง ท่านแม่ทัพขมวดคิ้วมุ่น เงยหน้ามองคนมาใหม่ “เจ้าสาม เหตุใดไม่เคาะประตูก่อน พ่อสอนเจ้าให้ไร้มารยาทเช่นนี้รึ”

ทว่าเซี่ยรุ่ยไม่มีจิตใจจะขอโทษขอโพยบิดา เขาเดินตรงเข้าไปในห้องด้านหลังมีเซี่ยจ้าวน้องชายคนที่สี่ตามมาติด ๆ ท่านแม่ทัพเหลือบมองเจ้าสี่ที่มีสีหน้าเหนื่อยอกเหนื่อยใจก็พลันรู้ว่าเจ้าตัวคงทะเลาะกับพี่ชายตนเองมาก่อนยกหนึ่งถึงได้ยกโขยงกันมาที่นี่

เซี่ยรุ่ยตะโกนเสียงดัง “ท่านพ่อ! เหตุใดถึงให้ลี่เจินแต่งงานกับสุนัขรับใช้ของพวกมัน ท่านเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร!”

เซี่ยจ้าวขมวดคิ้วแน่น “พี่สาม ระวังวาจาด้วย” เซี่ยจ้าวเองแม้จะไม่เห็นด้วยกับการส่งน้องสาวไปแต่งกับจี้ชิงหยาง แต่เขาก็มองหาทางเลือกอื่น ๆ ที่ดีกว่านี้ไม่เจอเช่นกันถึงได้ยอมปล่อยน้องสาวแสนล้ำค่าให้กับคนแบบนั้นไป คนเป็นพี่มีหรือจะไม่อยากให้น้องสาวได้แต่งเข้าบ้านดี ๆ แล้วเจ้าจอหงวนนั่นมีดีอะไรนอกจากปัญญาบ้าง

เงินทองก็ไม่มีสักแดงเดียว แต่งกับมันไปน้องสาวเขาจะต้องอดมื้อกินมื้อหรือไม่ก็ยังไม่รู้

ทว่าเซี่ยจ้าวที่ได้แต่งงานและแยกบ้านไปได้สองสามปีนั้นกำลังทำงานอยู่ในกรมพระคลัง แม้จะเป็นเพียงขุนนางขั้นห้าแต่ก็ได้พบเห็นเล่ห์กลสกปรกมานักต่อนัก เขารู้ดีว่าหากไม่เลือกทางนี้ สกุลเซี่ยของเว่ยชินอ๋องก็นับวันรอที่เซี่ยลี่เจินจะถูกส่งไปขายให้พวกนอกด่านได้เลย

เซี่ยรุ่ยถลึงตาใส่น้องชายตนเอง “เจ้าที่คอยส่งเสริมท่านพ่อมีสิทธิ์พูดด้วยหรือ” เขาหันไปหาบิดา “ข้าไม่เห็นด้วย สมรสพระราชทานนี้ต้องยกเลิก”

ท่านแม่ทัพอู๋ซานขมวดคิ้ว “งานแต่งงานประกาศไปทั่วทั้งเมืองหลวงตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน งานแต่งจวนจะจัดขึ้นวันพรุ่งแล้วเจ้าเพิ่งมาโวยวาย ระหว่างนั้นไปกกกอดสตรีที่ไหนอยู่ล่ะ”

เซี่ยรุ่ยอ้ำอึ้ง เขาไม่ได้อยู่เมืองหลวงมาเกือบเดือนจะได้ยินข่าวงานแต่งของน้องสาวได้อย่างไร เขาเองก็เพิ่งจะกลับเข้าเมืองมาเมื่อบ่ายจนสหายที่ร่วมกินดื่มด้วยกันมาแสดงความยินดี เขาถึงเพิ่งรู้ว่าจวนตนเองกำลังจะจัดงานมงคล

ท่านแม่ทัพอู๋ซานโบกมือปัด “งานแต่งนี้เป็นสมรสพระราชทาน ยกเลิกงานแต่ง? เจ้าอยากหัวหลุดออกจากบ่าทั้งจวนหรืออย่างไร”

เซี่ยรุ่ยยังไม่ยอมแพ้ “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ท่านพ่อทำได้อย่างไร พวกมันเป็นคนสั่งฆ่าพี่ใหญ่นะ”

เซี่ยจ้าวดวงตาเบิกกว้าง “พี่สาม!”

บิดาของพวกเขาทั้งสองนั่งเงียบไป แต่เซี่ยจ้าวยังคงเห็นมือที่กำลังจะเอื้อมแตะหยกพวกนั้นสั่นไหว พี่ใหญ่ของพวกเขา เซี่ยจางเป็นหัวหน้านายกองที่หนึ่ง หากผ่านฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ไปเขาก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นรองแม่ทัพในกองพลของท่านพ่อ เป็นบุตรชายที่ท่านพ่อภาคภูมิใจมากที่สุดและคิดจะฝากฝังสกุลไว้ที่เขา แต่พี่ใหญ่โชคไม่ดีนัก เขาถูกลูกศรพิษยิงจนตกจากม้าสิ้นใจกลางสนามรบไปเมื่อห้าเดือนก่อน

เซี่ยจ้าวไม่เคยเห็นบิดาร่ำไห้มาก่อนแม้จะเป็นงานศพของพี่รอง เจ้าห้าหรือเจ้าหก แต่ในงานศพพี่ใหญ่เขาเห็นบิดาที่เป็นดั่งต้นไม้ค้ำฟ้าหลังงองุ้ม ร้องไห้ไร้เสียงอยู่หน้าโลงศพเซี่ยจางทั้งคืน ไม่มีใครรู้ว่าลูกศรนั้นมาจากทิศทางใด ซ้ำพิษที่ใช้ก็ยังเป็นพิษของพวกชนเผ่า คนจากราชสำนักจึงสรุปกันว่าพี่ใหญ่ของพวกเขานั้นพลีชีพเพื่อแผ่นดิน แต่กับผู้คนที่ซันไห่นั้นรู้ดีว่าไม่ใช่

พวกชนเผ่าอาจจะถนัดด้านพิษ แต่ก็มีไว้เพื่อล่า พวกมันถือคติสู้อย่างชายชาตรี ยิ่งไม่มีทางใช้ลูกศรอาบพิษกลางสนามรบเด็ดขาด เรื่องนี้ยังคงติดอยู่ในใจสกุลเซี่ยของเว่ยชินอ๋องทุกคน แม้แต่บิดาที่หลังผ่านงานศพไปแล้วก็ไม่พูดถึงเซี่ยจางอีกเลย

“ออกไป” ท่านแม่ทัพกดเสียงต่ำ ทันใดนั้นเขาก็หยิบหยกทับกระดาษราคาแพงนั่นปาใส่บุตรชายคนที่สาม “เจ้าไสหัวไป! ออกไปจากจวนข้า!”

เซี่ยรุ่ยหลบของพรรค์นั้นได้อยู่แล้ว เขาฮึดฮัดทำท่าอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมาและหันหลังวิ่งออกไปแทน เซี่ยจ้าวมองบิดาสลับกับพี่ชาย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ทำความเคารพเร็ว ๆ แล้ววิ่งตามพี่ชายออกไป

พ่อบ้านอู่มองเจ้านายที่ดูแก่ชราลงภายในชั่วพริบตาอย่างเห็นใจ เขาไม่อาจจินตนาการถึงความสูญเสียของท่านแม่ทัพได้ คนหัวขาวส่งคนหัวดำถึงสี่ครั้งสี่ครา ความเจ็บปวดนั่นจะมากเท่าใดกัน?

เซี่ยเว่ยเก็บกดอารมณ์ลงไปในอก พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญเขาไม่ยอมให้มีสิ่งใดผิดพลาดเด็ดขาด “พ่อบ้านอู่ ส่งคนไปจับตามองเจ้าสามอย่าให้เขาได้ทำอะไรที่จะส่งผลเสียต่องานแต่ง แล้วส่งคนไปตรวจของที่จะใช้งานวันพรุ่งนี้ด้วย ห้ามมีอะไรผิดพลาดเป็นอันขาด”

พ่อบ้านอู่ค้อมกายลง “ขอรับ ท่านแม่ทัพ”

วันฤกษ์ดีในที่สุดก็มาถึง เสียงกลองและเสียงโห่ร้องต้อนรับดังไปทั่วทั้งถนนหน้าจวนของเว่ยชินอ๋อง ขุนนางน้อยใหญ่ต่างตบเท้าเข้ามาร่วมงานแต่งประจำปีของฉางอัน กระทั่งมู่กงกงคนสนิทข้างกายฮ่องเต้ก็ยังถูกส่งมาเป็นสักขีพยานในครั้งนี้

เนื่องด้วยจี้ชิงหยางไม่มีจวนในเมืองหลวง ฮ่องเต้ก็ไม่แล้งน้ำใจ แสดงความเมตตาด้วยการพระราชทานจวนหลังใหญ่ใจกลางถนนที่เต็มได้ด้วยจวนของขุนนางตำแหน่งใหญ่ให้เขา ซ้ำยังส่งบรรดานางกำนัล กูกูและขันทีมาช่วยตกแต่งให้อย่างสวยงาม

เซี่ยลี่เจินนั่งอยู่ในเกี้ยวแปดคนหามตกแต่งเสียจนโดดเด่นสะดุดสายตาผู้คน เมื่อเช้าพี่ชายสี่เป็นคนอุ้มนางขึ้นเกี้ยวทั้ง ๆ ที่มันควรจะเป็นหน้าที่ของพี่ชายสาม แต่ท่านแม่กล่าวว่าพี่ชายสามล่วงหน้าไปที่งานแล้วจึงปล่อยให้พี่ชายสี่จัดแจงงานที่จวนอ๋อง

นางนั่งบีบมืออยู่ในเกี้ยวหลังใหญ่ ข้างเท้ามีชุนเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ด้านในคอยช่วยเหลือเจ้าสาวที่สวมชุดแต่งงานหนักหลายจินจนขยับร่างกายได้ลำบาก เซี่ยลี่เจินหัวใจเต้นถี่รัว หลังจากเกี้ยววางลงและนางถูกแม่สื่อพาไปให้เจ้าบ่าว นางก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีก

“บ่าวสาวคำนับฟ้าดิน”

เซี่ยลี่เจินค้อมศีรษะลง นางเกร็งลำคอแน่นพยายามไม่ให้มงกุฎหงส์บนศีรษะตกลงมาเป็นที่อับอายแก่แขกเหรื่อ

“บ่าวสาวคำนับบิดามารดา”

ทั้งสองคนหันไปทางมู่กงกงที่ถือพระราชโองการแทนองค์ฮ่องเต้มาด้วย ก่อนจะหันไปทางเว่ยชินอ๋องและพระชายา

“บ่าวสาวคำนับคู่สมรส”

เซี่ยลี่เจินขมวดคิ้ว นางไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกกับสามีอย่างไร คำสอนที่ท่านแม่พูดพร่ำใส่หูว่าต้องอ่อนหวานและโอนอ่อนให้สามียังคงดังก้องอยู่ในหัว แต่นางไม่แน่ใจนักว่ากับคนเช่นท่านจอหงวน นางจะไปอ่อนหวานให้เขาได้อย่างไรกัน

เซี่ยลี่เจินถูกพาไปยังห้องหอที่จัดไว้สำหรับบ่าวสาว นางนั่งลงบนตั่งเตียงที่เต็มไปด้วยเมล็ดมงคลพวกนั้น มือวางอยู่บนหน้าตัก รอให้สามีมาเปิดผ้าคลุมหน้าปักดิ้นทองของนางเงียบ ๆ จนกระทั่งผ่านไปครึ่งค่อนคืน เสียงเฮฮาก็ดังลอดเข้ามาภายในห้อง เซี่ยลี่เจินที่ใกล้จะเคลิ้มหลับนั้นพลันสะดุ้งตื่น รีบปรับท่าทางกลับมานั่งหลังตรง

เสียงคนพวกนั้นที่ตามมาป่วนห้องหอดังไกลออกไป คงเดินกลับไปที่งานเลี้ยงกันหมดแล้ว เซี่ยลี่เจินหลุบสายตามองมือตนเองผ่านผ้าคลุมสีแดงสด กลิ่นสุราที่ลอยออกมาจากร่างของสามีแตะวนลงบนปลายจมูกนางแผ่วเบา ยิ่งทำให้หัวใจของนางเต้นแรงขึ้น

จี้ชิงหยางมองคนที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงนั่นอย่างพิจารณาก่อนจะถอนหายใจ เขาไม่แน่ใจนักว่าตนเองที่ออกจากหมู่บ้านด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะเป็นจอหงวนให้อาจารย์มาอยู่ในสถานการณ์ที่กลายเป็นคนแต่งภรรยาแล้วได้อย่างไร แต่เขาก็ไม่อาจทำตัวผิดธรรมเนียม จี้ชิงหยางเดินไปหยิบคันชั่งหยกขาว เกี่ยวผ้าคลุมหน้าสีแดงสดให้เปิดออก

เซี่ยลี่เจินข่มกลั้นอาการเขินอาย นางช้อนสายตาขึ้นมองเขาแล้วก็พลันนิ่งอึ้งไป

นี่สามีของนางหรือ?

สามีของนางกลายเป็นคนรูปโฉมสง่างามตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

อาจจะเพราะจี้ชิงหยางนั้นโกนหนวดเคราทิ้งและจัดแต่งทรงผมให้เข้าที่เข้าทาง เขาถึงได้ดูสมวัยมากกว่าครั้งก่อน ๆ ที่ได้เจอกัน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายและคิ้วกระบี่ที่เฉียงขึ้นอย่างพอดิบพอดี ซ้ำดวงตาดำสนิทคู่นั้นยิ่งราวกับราตรีมืดมิดที่ล่อลวงให้ผู้คนติดอยู่ในนั้นอย่างไร้ทางออก เซี่ยลี่เจินหน้าแดงขึ้นมาทันควัน

สามีของนางหาใช่ชายแก่หรือบ่าวรับใช้ นอกจากจะไม่ใช่แล้วเขายังหล่อเหลามากด้วย

จี้ชิงหยางวางคันชั่งไว้บนโต๊ะด้านข้างเตียง เขาเอ่ยเสียงเรียบ “ไปอาบน้ำเถอะ เจ้าคงเหนียวตัวไม่น้อย”

เซี่ยลี่เจินพลันได้สติจากความคิดตนเอง นางพยักหน้า “เจ้าค่ะ” มือรีบยกขึ้นแตะลงบนมงกุฎหงส์หนาหนักพวกนั้น แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่สามารถแกะมันออกได้จนจี้ชิงหยางที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลขยับกายเข้าใกล้และเป็นฝ่ายปัดมือนางออก ก่อนจะแกะเครื่องประดับทองคำพวกนั้นออกทีละชิ้น

จี้ชิงหยางวางเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายลงบนโต๊ะด้านข้าง สายตาพลันเหลือบไปเห็นรอยกดสีแดงจางกลางหน้าผากขาวสะอาด คงเป็นรอยจากมงกุฎที่นางสวมใส่มาทั้งวัน เขาเอียงคอมองรอยพวกนั้น ในใจรู้สึกว่ามันก็น่ารักดีจนหลุดหัวเราะออกไปแผ่วเบา ทว่าดวงตายังคงจับจ้องไม่ห่าง

เซี่ยลี่เจินสดับฟังเสียงทุ้มนั่นด้วยหัวใจเต้นแรง จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าร่างกายของนางร้อนรุ่มขึ้นมาจนทำตัวไม่ถูกรีบผุดลุกขึ้น “ข้า- ข้าไปอาบน้ำก่อนนะเจ้าคะ”

เซี่ยลี่เจินไม่แน่ใจนักว่าตนเองใช้เวลาในอ่างไม้นานเท่าไหร่แต่ตอนที่นางกลับออกมา สามีของนางก็นอนหลับไปแล้ว ภาพพวกนั้นที่กูกูในวังบังคับให้นางดูและเรียนรู้และคำสั่งสอนของท่านแม่วนเวียนอยู่ในหัวไม่ห่างหาย คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง แต่ถ้าสามีนางไม่คิดเช่นนั้นแล้วจะให้นางทำอย่างไร?

เซี่ยลี่เจินตัดสินใจปัดความคิดพวกนั้นออกจากหัว นางค่อย ๆ หย่อนกายลงข้างสามี เอนหลังลงกับตั่งเตียงกว้างและหลับไปทั้งหัวใจเต้นแรง 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ