ตอนที่ 15 หายไปสามวันสามคืน

ขบวนเดินทางมาถึงหมู่บ้านเมื่อตะวันตกดินพอดิบพอดี ฟากคนที่ท่านแม่ทัพอู๋ซานส่งมาเช่าจวนไว้รอนั้นกำลังกระวนกระวายอย่างหนัก ในความคิดเขาเดินทางด้วยระยะทางเท่านี้ไม่ควรจะใช้เวลานานขนาดที่ออกแต่เช้าถึงย่ำค่ำ ใจที่กำลังร้อนรุ่มดุจไฟเผาพลันสงบลงได้เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ท่านแม่ทัพกำชับนักหนาอยู่ในสายตา

เขารีบสาวเท้าเข้าไปหา ยกมือขึ้นประสานมือคารวะ “ท่านเขย ข้าเป็นคนที่ท่านแม่ทัพส่งมาขอรับ”

จี้ชิงหยางพยักหน้า เขายังคงอยู่บนหลังม้าตัวนั้น “นำทางไปเถอะ”

หมู่บ้านเหลียนจงหากจะกล่าวว่าใหญ่ ก็ไม่ใหญ่จนถึงขั้นตั้งเป็นเมืองเล็ก ๆ ได้ แต่หากจะกล่าวว่าเล็ก ก็เป็นหมู่บ้านที่มีคนอาศัยอยู่นับพัน แม้จะเป็นหมู่บ้านที่ยากจนไปสักหน่อยแต่เพราะครอบครัวชาวไร่ชาวสวนมักจะมีบุตรหลานมาก ๆ เพื่อช่วยงานทางบ้าน ต่อให้จะยากจนกว่านี้ก็จะยังคงมีเด็กตัวเล็ก ๆ วิ่งเท้าเปล่าไปทั่วอยู่ดี

คนของท่านแม่ทัพอู๋ซานรีบพาท่านเขยและฮูหยินไปยังบ้านที่เช่าไว้ มันเป็นบ้านเก่าของชาวนาผู้หนึ่ง เดิมที่เป็นบ้านที่ค่อนข้างมีฐานะและมีเงินจับจ่ายใช้สอยไม่ขาดมือ ผู้นำตระกูลเล็งเห็นแล้วว่าบุตรชายคนเล็กดูมีความสามารถ หลังจากส่งเขาไปเข้าร่วมกองทัพและได้ยศเล็ก ๆ ทั้งครอบครัวก็ประกาศขายบ้านนี้ทิ้งและย้ายตามกันไปยังเมืองหลวง

ถึงจะประกาศขายแต่ก็ไม่มีผู้ใดซื้อเนื่องด้วยราคาที่มากเกินกว่าจะสู้ไหว บ้านหลังใหญ่นี้จึงตกมาถึงมือแม่ทัพอู๋ซานได้โดยง่าย ถึงขนาดบ้านนี้จะใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านแต่ก็ยังมีขนาดเล็กนัก ขนาดไม่ถึงหนึ่งในสี่ของจวนอ๋องเสียด้วยซ้ำ แต่ในหมู่บ้านกันดารเช่นนี้ ได้เท่านี้ท่านแม่ทัพก็พอใจแล้ว

กว่าจะมาถึงก็เย็นย่ำ กว่าจะจัดหาอาหาร ห้องหับที่ทางสำหรับนอนก็ปาเข้าไปครึ่งค่อนคืน หลังจากอาบน้ำเช็ดผมจนแห้งสนิทดี เซี่ยลี่เจินก็ลืมสิ้นถึงประโยคที่ว่านอนทีหลังตื่นก่อนไปเสียสนิท นางไม่แม้แต่จะรั้งรอสามีที่ยังคงอาบน้ำอยู่หลังฉากกั้น มือหนึ่งดึงผ้าห่มเนื้อลื่นมือขึ้นคลุมถึงอก ไม่ทันไรก็ผล็อยหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน

โชคดีที่นางเป็นคนตื่นเช้า แต่อาจจะยังไม่เช้าเท่าสามีนางเท่าไหร่นัก เซี่ยลี่เจินตื่นขึ้นในปลายยามเหม่า (05.00 - 06.59) นางมองตั่งเตียงที่ไร้เงาคนก่อนจะส่งเสียงเรียกชุนเอ๋อร์ บ่าวรับใช้คนสนิทเดินถืออ่างล้างหน้าเข้ามาใกล้ เซี่ยลี่เจินเอ่ยปากถามทันที

“ท่านจอหงวนเล่า”

ชุนเอ๋อร์จับฝ่ามือนุ่มนิ่มของฮูหยินจุ่มลงในอ่างทองเหลือง “ออกไปตั้งแต่ต้นยามเหม่าแล้วเจ้าค่ะ”

เซี่ยลี่เจินตาโต “เช้าขนาดนั้นเชียว?”

“เจ้าค่ะ เห็นว่าต้องออกไปแจ้งผลการสอบกับพวกชาวบ้าน ท่านเขยสั่งไว้ว่าจะไม่กลับมารับสำรับเที่ยงเจ้าค่ะ”

เซี่ยลี่เจินขมวดคิ้ว กลับมาบ้านเก่าสามียังไม่ทันถึงวัน นางก็ลืมธรรมเนียมไปเสียแล้ว หากท่านแม่รู้เข้านางคงโดนเอ็ดเรื่องนอนก่อนตื่นทีหลังสามีเป็นแน่ แต่ไม่นานนางก็ปัดความคิดพวกนั้นออกจากศีรษะ

“จัดสำรับมาให้ข้าแล้วกัน ส่วนมื้อเย็นรอสามีกลับมาค่อยตั้งสำรับ”

“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”

อาจจะเป็นเพราะว่าจวนหลังนี้เข้าที่เข้าทางอยู่มาก เซี่ยลี่เจินจึงไม่ต้องทำสิ่งใดมากมีเวลาเดินสำรวจรอบ ๆ ตลอดทั้งเช้า ถึงแม้จะเล็กไปเสียหน่อยเมื่อเทียบกับบ้านเดิมแต่นางก็ชอบความร่มรื่นที่รายล้อมอยู่รอบจวน ทั้งสายลมสดชื่นและเสียงนกร้อนเสนาะหูพวกนั้นทำให้จิตใจของนางผ่อนคลายอย่างยิ่งยวด

เซี่ยลี่เจินนั่งอยู่บนเก้าอี้คนงาม สายตามองบ่าวรับใช้น้อยนิดคอยขนย้ายของส่วนตัวนางไปไว้ตรงโน้นตรงนี้ตามคำสั่งของชุนเอ๋อร์ ในมือยังมีชาชั้นยอดคอยอบอุ่นร่างกายไม่ให้เหน็บหนาวจนเกินไปนัก นางหลับกลางวันและตื่นขึ้นในยามเย็น มองแสงอาทิตย์สีทองสว่างสาดแสงไปทั่วทั้งห้องอย่างงุนงง

ชุนเอ๋อร์ที่ได้ยินเสียงผ้าเสียดสีก็พลันรู้ว่านายสาวตื่นจากนิทราแล้ว นางยกอ่างล้างหน้าเข้ามาในห้อง “ฮูหยิน ตั้งสำรับเลยหรือไม่เจ้าคะ”

เซี่ยลี่เจินละสายตาจากนอกหน้าต่าง ยื่นมือให้ชุนเอ๋อร์ “ท่านจอหงวนเล่า”

“ยังไม่กลับเจ้าค่ะ” บ่าวคนสนิทหลุบสายตาลงต่ำ “เมื่อครู่ท่านเขยส่งคนมาแจ้งว่าอาจจะไม่ได้กลับจวนเจ้าค่ะ”

“งั้นหรือ เขาบอกหรือไม่ว่าทำไม”

“ไม่ได้บอกเจ้าค่ะ”

เซี่ยลี่เจินเดิมทีก็ไม่ใช่คนคิดมาก หากเขาบอกว่าไม่กลับนางก็ไม่คิดถาม “งั้นก็ตั้งสำรับเลยแล้วกัน”

จี้ชิงหยางนั้นไม่ได้กลับจวนตลอดสามวัน เป็นสามวันที่เขาทิ้งภรรยาคนงามไว้ที่จวนเพียงคนเดียว ส่วนตัวเขานั้นต้องควบม้าไปทั่วทั้งอำเภอเพื่อแจ้งข่าวว่าตนเองได้เป็นจอหงวนแล้ว เงินทุกอีแปะที่ชาวบ้านมอบให้ เขาล้วนใช้มันได้อย่างคุ้มค่ายิ่ง

พวกชาวบ้านได้ยินดังนั้นก็ยิ่งดีอกดีใจ พากันจัดงานเลี้ยงฉลองไม่รู้จบ ยิ่งมีคนป่าวประกาศว่าท่านจอหงวนได้แต่งภรรยาแล้วซ้ำฝ่ายหญิงยังเป็นภรรยาที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้ด้วยพระองค์เอง คนพวกนั้นก็ยิ่งตื่นเต้น รั้งตัวจี้ชิงหยางไว้ถึงสามวันสามคืน

จี้ชิงหยางมองดวงตะวันที่ตรงหัวอย่างปลดปลง เขาเดินเข้าจวนไป อาจจะเป็นเพราะได้รับการสอนสั่งจากพระอาจารย์ให้สำรวมกิริยามาตั้งแต่เด็ก ฝีเท้าของเขาจึงเบาเสียยิ่งกว่าขนนกร่วงลงพื้น เบาเสียจนไม่มีใครรู้ว่าท่านเขยได้กลับมาถึงจวนแล้ว

“เอาไปไว้ตรงนั้น ฮูหยินจะได้หยิบจับได้ง่าย ๆ”

จี้ชิงหยางขมวดคิ้ว นั่นเป็นเสียงชุนเอ๋อร์ฟังจากรูปการณ์แล้วนางคงกำลังชี้นิ้วสั่งบ่าวรับใช้คนอื่น ๆ ให้ทำตามเป็นแน่ มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอันใด ด้วยฐานะสาวใช้คนสนิทของนายหญิง นางจะเป็นหัวหน้าบ่าวรับใช้ก็ไม่แปลก ที่แปลกคือคำพูดของนางต่างหาก

เหตุใดสิ่งของของภรรยา คนอื่นถึงได้มาเป็นผู้จัดให้กัน?

จี้ชิงหยางหลบอยู่อีกทาง มองภรรยาคนงามที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ ด้านข้างมีสาวใช้นางหนึ่งคอยพัดให้ไม่ห่าง ข้างมือยังมีจานผลไม้รสหวานฉ่ำคอยหยิบจับใส่ปากอย่างสบายอารมณ์ เขาขมวดคิ้ว เดินเข้าไปในเรือนใหญ่ทันที

เซี่ยลี่เจินเห็นร่างสูงเดินเข้ามาก็พลันผุดลุกขึ้นยืน ใบหน้างดงามของนางฉายแววยินดียิ่ง “สามี”

ทว่าจี้ชิงหยางกลับไม่คิดจะใส่ใจสีหน้านั้น เขากล่าวเสียงเข้ม “พวกเจ้าออกไปก่อน”

สาวใช้รีบยอบกายแล้วเดินจากไป ชุนเอ๋อร์ที่มองสีหน้าคนเก่งเป็นที่หนึ่งยังมีแก่ใจงับบานประตูปิดสนิทและไล่สาวใช้คนอื่น ๆ ให้ออกไปยืนไกลจนพ้นระยะได้ยิน

เซี่ยลี่เจินกระพริบตาปริบอย่างงุนงง “ท่านพี่ มีอะไรหรือเจ้าคะ”

เขาปรายตามองของล้ำค่าพวกนั้นที่วางกองกันอยู่บนพื้น “ของพวกนี้ของเจ้าหรือ”

“เจ้าค่ะ ข้านำมันมาจากเมืองหลวง” เซี่ยลี่เจินงุนงงยิ่งกว่าเดิม “ทำไมหรือเจ้าคะ”

จี้ชิงหยางมองภรรยาที่อยู่ดีกินดีจนใบหน้าอิ่มเอิบอย่างไม่ชอบใจนัก เขาถาม “เจ้าทำอะไรบ้างช่วงที่ข้าไม่อยู่”

เซี่ยลี่เจินเอียงคอ นางไม่เข้าใจเจตนาของเขาจริง ๆ “ก็ไม่ได้ทำอะไรเจ้าค่ะ ข้าต้องทำอะไรด้วยหรือ”

“ของพวกนี้” เขาชี้นิ้วไปที่หีบกองใหญ่บนพื้น “เป็นของของเจ้า เหตุใดถึงให้คนอื่นเป็นผู้จัดให้ มันใช่ของของสาวใช้หรือ แล้วเจ้ายังจะนั่งมองอยู่เฉย ๆ อีก นี่คิดว่าที่นี่เป็นจวนชินอ๋องของบิดาเจ้าหรืออย่างไร”

เซี่ยลี่เจินเกิดมาไม่เคยโดนผู้ใดต่อว่ามาก่อน ทั้งจากท่านพ่อท่านแม่และบรรดาพี่ชายของนาง พวกเขารักนางยิ่งกว่าอะไร กระทั่งฮ่องเต้และรัชทายาทก็ทะนุถนอมให้นางตายใจอย่างดี นางไม่เคยคิดและไม่มีวันคิดได้ว่าวันหนึ่งจะโดนสามีที่เพิ่งกลับบ้านมาพูดเสียงเข้มใส่หน้านางเช่นนี้ หัวใจดวงน้อยที่ไม่เคยได้รับความเจ็บช้ำพลันปวดแปลบ หยาดน้ำตาก่อตัวกลบดวงตาดอกท้อคู่งามไหลหยดลงบนแก้มอวบอิ่มทันที

จี้ชิงหยางไม่คิดว่าคำพูดไม่กี่คำของตนเองจะทำให้ภรรยาถึงกับร่ำไห้ เขาถอนหายใจ กล่าวเสียงเรียบ “ข้าจะไปห้องหนังสือ”

พูดจบก็เดินออกไปไม่เหลียวหลังมองภรรยาเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ