ผู้เป็นบิดามารดาถอนหายใจอย่างโล่งอก กลัวว่าหัวขโมยนั้นจะไม่ได้เป็นเพียงหัวขโมย แต่เป็นมือรับจ้างที่ถูกจ้างมาให้ทำร้ายบุตรีของพวกเขา เพราะหวังอ้ายหลิงสร้างศัตรูไว้ทั่วทุกสารทิศ คนรุ่นราวคราวเดียวกับนาง ลูกเสนาอำมาตย์ด้วยกันหลายคนต่างก็ต้องเบือนหน้าหนีนางเพราะความร้ายกาจของนางที่มักแสดงออกกับผู้คนไม่เลือกหน้า อันเป็นที่มาของข่าวลือครั้งแล้วครั้งเล่าที่ต่างก็มุ่งทำลายให้นางได้เสื่อมเสียชื่อเสียง แม้กระทั่งเหตุการณ์วุ่นวายที่ตลาดที่ไม่มีมูลเหตุใดก็ถูกนำไปล่ำลือกันอย่างกว้างขวางโดยดึงองค์ชายรองเจิ้งเฉิงเปาและรองแม่ทัพหม่าเข้ามาร่วมยำด้วย โดยไม่เกรงกลัวราชอาญาแม้แต่น้อย
“คุณหนูหวังช่างโชคดีนัก มิใช่หรือ? ไม่เพียงแต่ได้พบองค์ชายรอง นางยังได้รับการช่วยเหลือจากรองแม่ทัพหม่าอีก!”
“ฮึ! น่าอิจฉานางยิ่งนัก สตรีทั่วไปฝันถึงโอกาสเช่นนี้แทบขาดใจ!”
“พวกเจ้าอย่าลืมสิ ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าตระกูลหวังพยายามเก็บตัวบุตรีเอาไว้ ไม่ยอมให้ออกไปไหน เพราะมีเรื่องวุ่นวายบางอย่างเกี่ยวกับนาง”
“หรือว่าคุณหนูหวังมีความสัมพันธ์บางอย่างกับองค์ชายรองกัน?”
“คุณหนูหวังผู้นี้มีบุญวาสนามากเกินไปแล้ว!”
ข่าวลืออันถูกปั้นแต่งเสริมเติมรสด้วยวาจาอันโอหัง เริ่มแพร่สะพัดดุจเปลวไฟลามทุ่ง กวาดไปทั่วทุกตรอกซอกซอยในเมืองหลวง จุดไฟริษยาในทรวงอกของสตรีหลายนางให้ลุกโชน ด้วยต่างพากันอิจฉาที่หวังอ้ายหลิงมีบุรุษรายล้อมไม่ขาดสาย แต่นางผู้เป็นต้นเหตุแห่งเรื่องราว กลับยังคงใช้ชีวิตอย่างสงบงันอยู่ในจวนหาได้ล่วงรู้ไม่ว่า พายุลูกใหม่กำลังจะพัดพาเข้ามาในชีวิตของนางอีกคราหนึ่ง...
…
ราตรีคลี่คลุมแผ่นดิน ความมืดมิดเข้ามาแทนที่แสงตะวันอันรอนแรม แสงจันทราสีนวลผ่องสาดส่องผ่านหมู่เมฆาที่เคลื่อนคล้อยอาบรดพระตำหนักขององค์ชายรอง ดูราวกับแพรไหมบางเบาต้องลมพลิ้วไหวระยิบระยับงดงามจับตา
ภายในพระตำหนักอันเงียบสงบ โคมไฟกระดาษหลากสีสันเปล่งแสงเรืองรองจากไส้เทียนภายใน พาดเงาทอดทาบทับลงบนพื้นไม้ขัดมันวาว กลิ่นกำยานหอมละมุนโชยเอื่อยมาตามสายลม คลอเคลียเคล้าคลึงกับกลิ่นดอกราตรีที่เบ่งบานอยู่ในอาณาบริเวณ พัดพาความเยือกเย็นแสนสบายเข้ามาขับไล่ไอระอุจากวันวาน เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องระงมอยู่ตามพุ่มไม้ไหววับ ราวกับบรรเลงเพลงกล่อมขวัญให้ค่ำคืนนี้ดำเนินไปอย่างเชื่องช้าและเนิบนาบ
ม่านไหมโปร่งบางพลิ้วไหวตามแรงลมโชยแผ่ว เผยให้เห็นบุรุษทั้งสองนั่งสนทนากันอยู่ภายในด้วยท่าทีเรียบง่าย
“ข่าวลือในเมืองหลวง ช่างแพร่กระจายรวดเร็วนัก องค์ชายรอง ท่านจะทำเช่นไรต่อไปพ่ะย่ะค่ะ?” คู่สนทนากล่าวถาม
องค์ชายรองเจิ้งเฉิงเปา มิได้ตอบในทันที พระองค์เพียงทรงใช้นิ้วเรียวเคาะโต๊ะเบา ๆ สองสามครั้งในความเงียบงัน ราวกับกำลังทรงครุ่นคิดพิจารณาสิ่งใดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยทว่าแฝงความหนักแน่น
“เรื่องเล่าลือนี้ ข้ามิได้ใส่ใจนัก ทว่าชื่อของนางได้ถูกนำมาผูกติดกับข้าและรองแม่ทัพหม่าผู้นั้น นั่นย่อมหมายความว่า...มีผู้จงใจเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปเป็นแน่.”
“พระองค์ ทรงสงสัยว่าอาจมีผู้จงใจปั่นกระแสเรื่องนี้ขึ้นมาหรือพ่ะย่ะค่ะ?” คู่สนทนาแสดงความคิดเห็น
“ตระกูลหวังนับเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่หยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์ราชวงศ์สืบมาหลายชั่วคน บุรุษผู้เป็นประมุขของตระกูลทรงคุณธรรม ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการเมื่อไม่นานมานี้ แม้ตำแหน่งนี้จะมิได้กำชับบัญชาการทัพอันเกรียงไกร แต่ทว่ากลับเป็นที่นับหน้าถือตาในหมู่ขุนนางฝ่ายบุ๋นทั้งหลาย เป็นเสาหลักแห่งคุณธรรมและความซื่อตรงที่ข้าราชการน้อยใหญ่ต่างให้ความเคารพยำเกรง ยามนี้เมื่ออำนาจและบารมีของตระกูลหวังแผ่ไพศาลถึงเพียงนี้ ย่อมมิใช่เรื่องแปลกอันใดหากจะมีผู้คิดฉวยโอกาสที่ลมแห่งความเปลี่ยนแปลงเริ่มพัดผ่านมา ก่อคลื่นใต้น้ำหมายจะโค่นล้มตระกูลหวังให้สูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ เหตุการณ์นี้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงและหวาดระแวง กลิ่นริษยาอบอวลอยู่ในอากาศ คล้ายจะเตือนให้ผู้คนตระกูลได้กลิ่นอายของภัยที่อาจมาถึงโดยไม่คาดฝัน” เจ้าของใบหน้าคมคายพูดด้วยสายตามุ่งมั่น
“กระหม่อมจะให้คนไปสืบข่าวโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” เสียงหนึ่งกราบทูลตอบอย่างหนักแน่น แสดงถึงความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพายุที่กำลังก่อตัว เพื่อปกปักรักษาความสงบสุขและเกียรติภูมิของตระกูลหวังเอาไว้ไม่ให้มัวหมอง
องค์ชายเจิ้งเฉิงเปาไม่ได้ตรัสสิ่งใดเพิ่มเติม เพียงแต่ทอดพระเนตรไปยังเปลวไฟสีส้มนวลไหวระริกที่กำลังลุกไหม้อย่างเงียบงัน เฉกเช่นเดียวกับความรู้สึกในพระทัยที่กำลังก่อตัวขึ้นช้าๆ แม้ปกติแล้วเรื่องของสตรีจะไม่เคยดึงดูดพระทัยของพระองค์ได้มากนัก ทว่าบัดนี้ สถานการณ์เบื้องหน้ากลับแฝงเร้นด้วยมนต์ขลังบางอย่างที่ยากจะหาสิ่งใดมาเปรียบปาน ทำให้พระองค์รู้สึกว่าเรื่องราวที่กำลังจะคลี่คลายนี้ ช่างน่าติดตามยิ่งกว่าตำราพิชัยสงครามเล่มใด ๆ ที่เคยร่ำเรียนมา
…
ท่ามกลางอุทยานที่รายล้อมไปด้วยมวลบุปผาหลากสีสัน ส่งกลิ่นหอมอบอวลทั่วบริเวณ หวังอ้ายหลิงนั่งเหม่อมองหมู่ภมรที่โบยบินคลอเคลียเกสรดอกไม้จากศาลากลางน้ำอย่างรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ทว่าภายในใจนางกลับครุ่นคิดถึงความเป็นไปในอนาคตของตนเอง เมื่อนึกถึงภรรยาของคหบดีผู้หนึ่งที่สามารถบริหารจัดการกิจการค้าได้อย่างคล่องแคล่วและประสบความสำเร็จ นางคิดอยากให้ตนเองประสบความสำเร็จบนเส้นทางการค้า ด้วยไม่ได้อยากใช้ชื่อเสียงของตระกูลหวังที่มีอำนาจเป็นที่ประจักษ์ แต่กลับอยากสร้างตัวตนให้เป็นที่ยอมรับนับถือในสังคมเสียมากกว่าพึ่งพาขาของตระกูลหวังหรือเติบโตใต้ปีกตระกูลฟู่กุ้ยของมารดา
นางนั่งเหม่อมองออกไปภายนอกนอกหน้าต่าง ท่ามกลางแสงสะท้อนพื้นน้ำระยิบระยับ ดวงตาของหวังอ้ายหลิงกลับมิได้จับจ้องอยู่กับความงดงามเบื้องหน้า ในใจของนางวุ่นวายดุจเส้นไหมที่พันกันยุ่งเหยิง ความคิดเรื่องการดำเนินกิจการวนเวียนอยู่ในห้วงสำนึกไม่รู้จบสิ้น
ทว่านางต้องคิดเริ่มต้นว่าจะเลือกเส้นทางใดสักทาง สายลมรำเพยพัดพาเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกเหมยลอยเข้ามาแตะจมูก ภาพของผืนผ้าปักอันวิจิตรบรรจงผุดขึ้นในมโนสำนึก นางครุ่นคิดถึงกิจการ ร้านรับปักผ้า ที่เคยใฝ่ฝัน ถึงลายไหมที่สอดประสานกันเป็นเรื่องราว ถึงเข็มที่ร้อยเรียงด้ายหลากสีสัน แต่มันจะรุ่งเรืองดังใจหวังหรือไม่?
หรือจะเป็น ร้านขายอัญมณีและเครื่องประดับสวยงาม ภาพของหยกเนื้อดีที่เปล่งประกายระยิบระยับ กำไลทองคำที่สลักเสลาอย่างประณีต และปิ่นปักผมที่ประดับมุกงามล้ำต่างพากันมาโลดแล่นอยู่ในความคิด หากจะทำกิจการค้าขายของมีค่าเช่นนี้ นางย่อมต้องมีสายตาที่เฉียบคมในการเลือกสรร และต้องรู้จักมองผู้คนทะลุปรุโปร่ง นางถอนหายใจแผ่วเบา ความกังวลยังคงเกาะกุมจิตใจ
ในที่สุด ประกายแห่งแรงบันดาลใจก็พลันส่องสว่างขึ้นในห้วงคำนึง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?