เจ้าของดวงตากลมโตฉายแววเบื่อหน่ายระคนรำคาญใจ เลิกคิ้วเรียวขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันคล้ายไม่สบอารมณ์ด้วยเบื่อหน่ายกับคำว่า ‘ข่าวลือ’ เพราะมันคือบ่อเกิดเรื่องราวเน่าเหม็น โดยปกติช่อลดาไม่ให้ค่ากับถ้อยคำพวกนั้นเท่าไหร่ เพราะมันเป็นเพียงลมปากที่ไร้สาระและไม่คู่ควรแก่การใส่ใจแม้แต่น้อย แต่ในโลกนิยายดูเหมือนว่าข่าวลือจะถูกนำมาเป็นตัวเชื่อมโยงนำพาความเดือดร้อนมาสู่ตระกูลหวัง
“เจ้าค่ะ! ตอนนี้ผู้คนในเมืองหลวง ต่างก็ล่ำลือว่าองค์ชายสามเสด็จมาเยี่ยมคุณหนูถึงจวน! และรองแม่ทัพหม่าจ้าวหยางก็มาด้วย! ไม่เพียงเท่านั้นนะเจ้าคะ...” เสี่ยวหรูพูดไปพร้อมกับน้ำเสียงหอบเหนื่อย แต่ก็ไม่ได้หยุดที่จะพูดต่อ
“ยังมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าคุณหนูกำลังเลือกคู่ครองระหว่างองค์ชายสามกับท่านรองแม่ทัพ หม่าจ้าวหยางด้วยนะเจ้าคะ”
หวังอ้ายหลิงนิ่งเงียบเหลือบตามองบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้าอย่างพิจารณา แม้ว่าภายในใจในตอนนี้จะเต็มไปด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์ทุกหย่อมหญ้าของสมอง ยิ่งเห็นสีหน้าของหม่าจ้าวหยางที่เรียบเฉยไม่รู้ร้อนหนาว และเสียงหัวเราะเบา ๆ ราวกับกำลังสนุกกับสถานการณ์ของเจิ้งหยงเฉียงจึงได้รับรู้ว่าตนเองกำลังตกเป็นเหยื่อ
“อย่างนี้เองสินะ...ท่านทั้งสองจึงมาหาข้าพร้อมกันถึงที่นี่” เจ้าของใบหน้าสวยขมวดคิ้วมุ่น
“ได้โปรดอย่าเข้าใจเราทั้งสองผิดเลยแม่นางหวัง ข้ามาที่นี่ด้วยความปรารถนาดี หาได้มีสิ่งใดเคลือบแฝง” น้ำเสียงขององค์ชายสามเต็มไปด้วยหลักการ แต่แววตาที่ไว้ใจไม่ได้ของเขาก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องราวเหล่านี้ได้วางแผนการล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี
“...แต่ดูเหมือนว่าท่านจะหลีกเลี่ยงความวุ่นวายไม่ได้เสียแล้ว” เจิ้งหยงเฉียงกล่าว
จากนั้นก็ยกพัดในมือขึ้นกางออก เชิดหน้ารับสายลมที่สะบัดพัดพลิ้วไปมาจนหวังอ้ายหลิงเผลอไหลอารมณ์ไปกับความงดงามราวกับภาพเขียนตรงหน้า แต่เมื่อตัดสติก็พลันดึงใจที่วูบไหวกลับมา
แววตากลับกลายเป็นแข็งกร้าว นึกหงุดหงิดในใจเพราะเธอ ไม่ได้อยากวุ่นวายเลยแม้แต่น้อย! แต่พวกเขากลับนำปัญหาใหญ่มาให้ ทั้งที่นางกำลังจะพยายามอยู่เงียบ ๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับตัวละครในเรื่องนี้ทั้งสิ้น เพราะไม่อยากขัดขวางเส้นทางรักของพวกเขา
แต่มันกลับตาลปัตรเป็นคุณหนูสกุลหวัง หวังอ้ายหลิงกำลังอยู่ในช่วงเลือกคู่ครองระหว่างองค์ชายสามกับรองแม่ทัพหม่าจ้าวหยาง และทันทีที่ได้ยินเนื้อหาใจความจากปากของสาวใช้ ก็ทำให้แววตาอันแข็งกร้าวที่มองมายังที่นางของหม่าจ้าวหยางส่อแววหงุดหงิดขึ้นเป็นร้อยเท่าคูณทวี
“ไร้สาระ คุณหนูหวัง นี่เจ้าคิดจะเล่นแผนใดอีกกัน?” เจ้าของใบหน้าคมเข้มขมวดคิ้วแน่น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“ข้ามิได้เล่นแผนการใดเลยเจ้าค่ะ! ข้าเองก็เพิ่งรู้เรื่องข่าวลือนี้เช่นกัน!” คุณหนูสกุลหวังโต้กลับเสียงแข็ง
ที่นางแกล้งเป็นลมไนงานเลี้ยง ก็เพียงแค่อยากหลีกหนีไม่ได้อยากจะทำให้เป็นเรื่องเป็นราว และทั้งหมดไม่ได้เกิดจากเล่ห์อุบายใดแต่ด้วยเหตุใดอย่างที่หม่าจ้าวหยางเข้าใจ แต่ไม่ว่าคำอธิบายใดก็ดูเหมือนว่ายิ่งทำลายความเชื่อใจของบุรุษทั้งสอง ที่ก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เชื่อมั่นในตัวนางอยู่แล้ว ยิ่งมีข่าวลือแพร่สะพัด นอกจากที่มันจะไม่มีมูลความจริงแล้ว มันยิ่งทำให้นางถูกบุรุษทั้งสองชังน้ำหน้าขึ้นไปอีก
“หรือคุณหนูหวังจะใช้แผนนี้ดึงดูดความสนใจของข้ากับรองแม่ทัพหม่า?” เจิ้งหยงเฉียงพึมพำ ยกมือขึ้นลูบคางทำทีครุ่นคิด ทว่าสายเต็มไปด้วยความซับซ้อน
“ข้ามิมีทางคิดเช่นนั้นเด็ดขาดเพคะ! ข้าเพียงอยากอยู่สงบ ๆ มิได้อยากเป็นที่สนใจของผู้ใดเลยแม้แต่น้อย!” หญิงสาวชี้แจง
“เช่นนั้นหรือ?” องค์ชายสามเลิกคิ้วยิ้มบางเต็มไปด้วยแววขี้เล่น
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เอาที่สบายใจเลยเพคะ! ถึงหม่อมฉันจะชี้แจงอย่างไรพระองค์ก็คงสะดวกคิดอย่างที่พระองค์ชอบอยู่ดี และข้าจะไม่ขวางทางรักและไม่เอาตัวเข้าไปสร้างปัญหาให้มู่อวี้จูอย่างที่พวกท่านกำลังคิด...เพราะข้ามีเส้นทางของตนเอง” หวังอ้ายหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่เต็มไปด้วยน้ำหนัก อารมณ์ และความรู้สึก
“คุณหนูมู่อวี้จู?” เจิ้งหยงเฉียงทวนชื่อนางในดวงใจของรองแม่ทัพหม่าในทันทีที่ได้ยินจากปากของหญิงสาว
“เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าจากนี้ไป เจ้าจะเลิกไล่ตามจ้าวหยางแล้วใช่หรือไม่?” องค์ชายสามย้ำคำทำตัวราวกับเป็นศาลเตี้ย
“แน่นอนเพคะ! และข้าจะอยู่เฉย ๆ มิไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดทั้งสิ้น” หวังอ้ายหลิงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเช่นเดียวกับยืนอยู่หน้าองค์ฮ่องเต้
“ดี เช่นนั้นข้าก็จะคอยดูว่าเจ้าจะทำได้จริงหรือไม่” เจิ้งหยงเฉียงยิ้มพลางพยักหน้า
“แน่นอนเพคะ ข้าจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในจวน มิมีอะไรให้ท่านต้องเป็นทรงกังวล” หญิงสาวรับคำ
ยังไม่ทันสิ้นหางเสียง ตรงสะพานข้ามน้ำมายังศาลาก็ดูเหมือนว่าจะมีแขกไม่ได้เชิญมาเยี่ยมเยือนอีก หวังอ้ายหลิงลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แม้ยังไม่รู้เนื้อหาใจความที่สาวใช้จะกล่าว ด้วยเบื่อหน่ายความวัวที่วิ่งเข้ามากระแทกความควายไม่มีหยุดหย่อน
“คุณหนูเจ้าคะ! คุณหนูมู่อวี้จูมาเจ้าค่ะ!” เสียงคนรับใช้ดังขึ้น
หางเสียงของสาวใช้ยังไม่ทันจะลาหู สายตาของหวังอ้ายหลิงก็จับจ้องไปยังหญิงสาวที่มีอิริยาบถงดงามราวกับภาพวาดพู่กันจีนอันวิจิตร ขณะกำลังก้าวทอดน่องอย่างเนิบนาบแต่สง่างามดุจนางหงส์ร่อนลงจากสรวงสวรรค์ ทั่วเรือนร่างของนางรายล้อมด้วยอาภรณ์พลิ้วไหวสีขาวบริสุทธิ์ ประดับด้วยลายปักดอกเหมยอ่อนช้อยดุจหิมะแรกแย้มบนยอดเขา สายลมอ่อนพัดชายแขนเสื้อและแพรพรรณให้โบกสะบัดราวกับมีชีวิต ชีพจรแห่งลมหายใจของนางเบาบาง แต่ทุกย่างก้าวกลับมั่นคงและเปี่ยมด้วยพลังอันลึกล้ำ
ยิ่งนางกำลังก้าวเข้าใกล้ศาลา ความงดงามของนางกลับมิได้ลดเลือนลงเลยแม้แต่น้อย หากแต่กลับส่องประกายเจิดจรัสยิ่งขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยความตึงเครียดและเต็มไปด้วยหายนะที่พร้อมจะเกิดขึ้นอย่างยากจะคาดเดา
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?