ตอนที่ 4 เป็นนางที่ปรารถนาเช่นนั้น

“พวกเจ้าจงออกไปเสีย!!” เซิ่นหยางตวาดสาวใช้จนเสียงสะท้อนก้องไปทั่วห้อง เมื่อเขาชายตาไปเห็นพวกนางหลังจากพรมจูบพิศวาสดูดดื่มกับฮูหยินรอง

“ไปบอกกับนาง ว่าข้าไม่มีทางเหยียบย่างเข้าไปหา ถึงจะตายก็ช่าง ข้าหาสนใจไม่!”

เขายอมรับว่าเสียอารมณ์ที่สุด ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจเมื่อข่าวของเจ้าสาวที่ยังไม่ได้เข้าหอมาถึงหู

นางไม่คู่ควรกับเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เป็นนางเองมิใช่หรือที่ดึงดันจะแต่งเข้าหอกับเขา และก็เป็นนางเช่นกันที่เสนอทรัพย์สินผ่านบิดาของตนมาให้เขา ใครเล่าจะปฏิเสธความร่ำรวยที่ยื่นมาอยู่ตรงหน้า? คนโง่เท่านั้นแหละที่บ่ายเบี่ยงข้าวของเงินทอง ซึ่งนั่นคงไม่ใช่เขา

บุรุษที่มีรูปเป็นทรัพย์เช่นนี้ ใยต้องมาปราณีกับสตรีที่ใช้ทรัพย์สินของตนเพื่อซื้อความรัก

ถ้าเขาต้องการ ต่อให้เป็นหญิงที่หาความงดงามมิได้เขาก็ไม่สนใจ อย่างไรก็ต้องนำมาครอบครองให้ได้

เซิ่นหยางคนทรามมุดกายเข้าไปบรรเลงเพลงรักต่อกลางเตียงกับสาวร่านทรงเสน่ห์อย่างฟางลี่หมิง ในยามนี้ทั้งคู่เปรียบเหมือนน้ำมันกับไฟ ที่ต่างเติมเชื้อแผดเผาซึ่งกันและกันให้มอดไหม้ไปพร้อมกับเพลิงราคะอันเร่าร้อน

ฮูหยินรองดันกายขึ้นตอบรับการสนองของชายหนุ่ม เขายังคงซอกซอนสันจมูกเรียวเข้าหาผิวเนียนตามซอกคอของนาง ไล่ละเลียดลิ้นร้อนผ่านไหล่กลมมน และสูดดมผิวกายอย่างไม่สนใจสิ่งใดรอบตัว

สาวรับใช้มองเห็นสายตาตำหนิ และการส่งสัญญาณผ่านนิ้วเรียวที่กำลังโบกสะบัดไล่พวกนางอยู่ไหว ๆ

“ไปซะ!! ก่อนที่ข้าจะเชือดพวกเจ้า!” ฟางลี่หมิงส่งภาษากายเป็นนัย ๆ เพื่อให้ทั้งสองเข้าใจ

สาวใช้ไม่กล้าสบตานายหญิงแห่งจวนทิศตะวันตกอีกต่อไป ต่างเร่งฝีเท้าเพื่อนำข่าวไปบอกยังผู้ที่ส่งพวกนางมา

ซูเม่ยเฝ้านายหญิงของตนทั้งน้ำตา นางใจคอไม่ดีเมื่อเห็นเลือดที่ยังไม่หยุดไหลริน เอาผ้าซับแล้วก็ยังชุ่มอยู่ดี ต้องทำอย่างไรกันเล่านี่ หากยังเป็นเช่นนี้นายของตนคงโลหิตไหลออกมาจนหมดตัวเป็นแน่

“พวกเจ้าใยชักช้าเช่นนี้ แล้วไหนนายท่านเล่า!”

นางเห็นสาวใช้คนเดิมทำหน้าถอดสี ก็นึกได้ว่าเขาคงไม่มาใยดีเจ้าสาวของตนแน่ นางปาดน้ำตาซ้ำ “งั้นก็รีบไปบอกหมอให้มารักษาฮูหยินเอกเร็วเข้า!!”

ทั้งสองไม่รอช้า รีบวิ่งอย่างว่องไวไปที่จวนใหญ่เพื่อหาทางตามหมอมารักษา

พ่อบ้านประจำจวนซึ่งเป็นทหารรักษาการณ์รีบเร่งเข้ามาดูอาการฮูหยินคนใหม่ทันทีที่ได้รับเรื่อง เขาบอกกับซูเม่ยว่าแผลเปิดเช่นนี้ต้องรีบใช้ฝ่ามือกดทับ เพื่อให้เลือดหยุดไหล และประคองนางให้อยู่ในท่ากึ่งนอน หาไม่แล้วเลือดคงตกจากหัวสิ้นชีพกันพอดี

“เจ้าต้องเรียนการรักษาคนเจ็บเพิ่มนะซูเม่ย” เขาแนะนำนางเพื่อเป็นแนวทาง หากเกิดการบาดเจ็บครั้งต่อไปแทนที่จะตระหนกตกใจนางจะได้สามารถรับมือได้

“ยังมีสตรีที่สู้รบในสนามอีกมากมายนัก แม่ทัพที่ข้าเคยประมือ ก็เป็นสตรีที่องอาจมิใช่น้อย” เขาเอ่ยปากกับนาง สาวใช้อย่างซูเม่ยยินดีรับฟังถ้อยคำชี้แนะจากผู้อาวุโสอยู่แล้ว นางจึงพยักหน้ารับ

“คุณหนูของข้าจะฟื้นเมื่อใดกันเจ้าคะ ตอนนี้ใจข้าไม่สู้ดีเลย คุณหนู...ฟื้นมานะเจ้าคะ ข้าอยู่ตรงนี้ ฮือ ๆ” ซูเม่ยหลงลืมไปเสียสิ้น ว่าตอนนี้คุณหนูของนางหาใช้ต้องเรียกหาว่าคุณหนูอีกต่อไป เนื่องจากแต่งงานออกมาแล้ว

ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่ง สตรีที่จากเรือนมาเช่นทั้งสอง กลับมาเจอกับเรื่องราวอันน่าอดสู เขาบอกกับนางให้เข้มแข็งเข้าไว้ คุณหนูของนางยังมีชีวิตอยู่

“เจ้าอย่าห่วงเลย ฮูหยินเอกจะไม่เป็นอะไร ตอนนี้ทางจวนได้เรียกท่านหมอมาทำการรักษาแล้ว อีกอึดใจเดียวเท่านั้น”

ไม่นานเท่าไรนัก หมอประจำจวนก็เดินทางมาถึง ก่อนหน้านี้เขาโดนตามตัวไปตรวจอาการหญิงตั้งครรภ์แก่คนหนึ่ง โดยไม่ได้นึกเลยว่าจะได้เริ่มงานตั้งแต่ก่อนเช้าวันใหม่เช่นนี้

เมื่อตอนกลางวัน ท่านหมอยังแสดงความยินดีให้แก่บ่าวสาวทั้งสอง ชมชอบว่าทั้งคู่เหมาะสมกันราวกิ่งทองกับใบหยก ช่างน่าแปลกนักที่พอตกดึกฝ่ายหญิงกลับรักษาลมหายใจของตนไว้เกือบไม่ได้

“ชีพจรนางอ่อนมาก แลรำไรจะสิ้นใจในไม่ช้า” ท่านหมอส่ายหน้า เขาตรวจดูลมปราณภายในของเจ้าสาวหมาด ๆ นางหายใจอย่างรวยริน “พลังชี่ใกล้จะหมด แต่ยังพอมีหนทางยื้อชีวิต สาวใช้...เจ้ามีนามว่าอะไร”

ท่านหมอหันมาถามหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังตน

“ข้าเหรอเจ้าคะ” นางไม่คิดว่าหมออาวุโสจะถามเช่นนั้น เพราะชื่อแซ่ของสาวใช้ไม่ได้มีความสำคัญอันใดต่อการรักษา นางรู้สึกเช่นนั้น

“ข้าชื่อซูเม่ยเจ้าค่ะ เป็นสาวรับใช้ที่มาจากจวนท่านคหบดี บิดาของคุณหนู” นางบอกกล่าวพร้อมกับทำความเคารพท่านหมอไปในที

“ซูเม่ย เจ้ารู้จักดอกซิงจือหรือไม่”

“ดอกซิงจือ? ดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ตามทุ่งกว้างนั่นหรือเจ้าคะ” นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตากลมโตเปี่ยมไปด้วยความฉงน ราวกับลูกแมวน้อยที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านหมอเอ่ยถาม

“นั่นแหละดอกซิงจือ มันเกิดอยู่ข้างทาง มีคุณค่าแต่หาได้มีผู้ใดรู้จักและเห็นค่าของมัน” ท่านหมอเอามือลูบเคราขาวสองสามครั้ง

“เจ้าจงไปเก็บมันมา เสาะหาว่ามันอยู่ตรงไหนบนแผ่นดิน แล้วรีบนำมาให้ข้าก่อนพระอาทิตย์แย้มขอบฟ้า”

“แล้วข้าจะไปหาที่ใดละเจ้าคะท่านหมอ แม้ตัวข้าเองก็มิได้เคยพบเจอ” นางโอดครวญทำท่าจะร้องให้

“แต่ข้ารู้จัก ข้าจำได้แล้วว่าเคยมีทหารบางคน นำดอกซิงจือมาป่นให้หยาบ ๆ แล้วผสมน้ำลายเพิ่มความเหนียวเพื่อนำมาโปะบาดแผลจากของมีคม” พ่อบ้านประจำจวนนึกได้ว่าเคยเห็นคนทำเช่นนั้นมาก่อน

“เป็นต้นไม้ชนิดเดียวกันใช่หรือไม่ขอรับท่านหมอ”

“แน่นอน เป็นดั่งที่เจ้ากล่าวนั่นแหละ ซิงจือดอกไม้ที่ดูเหมือนไม่มีค่า แต่มีความสำคัญยื้อโลหิตได้” เขาหันหน้ามามองใบหน้าที่เริ่มซีดเผือดของฉีเหมยลี่ ก่อนฟ้าสางนางต้องหายใจแข็งแรงขึ้น

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านช่วยชี้แนะข้าด้วยเจ้าค่ะ บุญคุณครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ข้ามิอาจลืมเลือน”

“ไปเถอะทั้งสอง อย่ามัวแต่อารัมภบทกันอยู่เลย เห็นแก่นายของเจ้า และเวลาที่ท่านเง็กเซียนมอบให้ จงรีบกลับมา”

ทั้งสองคนรีบย่ำฝีเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่มีม้าฝีเท้าดีสองตัวควบออกไปเป็นพาหนะในครั้งนี้

ไม่นานนักซูเม่ยก็เก็บดอกซิงจือกลับมาได้ทันเวลา ท่านหมอนำดอกซิงจือไปบดรวมกับตัวยาห้ามเลือดชนิดอื่นจนพอใจ เสร็จแล้วนำมันมาประคบลงที่แผลบนศีรษะของฮูหยินเอก

“เอาล่ะ ข้าได้ทำการรักษาเสร็จสิ้นแล้ว เหลือแค่รอให้ฮูหยินฟื้นขึ้นมาตามปกติ” ท่านหมอแสดงท่าทางพึงพอใจในความพยายามของสาวใช้ยอดกตัญญู เขาลูบเคราที่เรียบลื่นอีกสองครั้งก่อนจะสั่งการสำทับอีกที

“เมื่อนางฟื้นคืนสติ ให้นางสูดลมหายใจเข้าทรวงอกเท่ากับก้านธูปมอดไหม้หนึ่งดอก ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการรักษาเบื้องต้น”

สาวใช้ตั้งใจฟังท่านหมอพูดอย่างมีสติ ตอนนี้นางใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้ว

“พอนางฟื้นขึ้นมา ให้เจ้ารีบพาม้าเร็วไปหาข้า แล้วข้าจะมาดูอาการนางอีกที”

“ขอรับท่านหมอ ข้าจะไปนำท่านมาด้วยตัวเอง”

“ดี” ท่านหมอเห็นเขารับคำหนักแน่นก็ทำหน้าพอใจ

ก่อนจากไปท่านหมอยังมอบยาลูกกลอนให้นางรับเอาไปด้วย พร้อมกับสำทับว่าพยายามให้ฉีเหมยลี่อมไว้ให้ได้

“ยาลูกกลอนเปลี่ยนดวงใจ ข้าทำขึ้นมาเพื่อให้ร่างกายและดวงจิตเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม รับไว้เสียซูเม่ย” เขามอบมันให้สาวใช้กลางฝ่ามือ

“นำมันไปไว้ในปากของนาง ฤทธิ์ยาจะละลายไปเองหากชุ่มน้ำ มันจะช่วยรักษานายของเจ้าให้ฟื้นคืนได้อย่างดีเลยทีเดียว”

“ยาวิเศษหรือเจ้าคะ หากมีหนทางทำให้คุณหนูฟื้นคืน ข้าไม่ปฏิเสธแน่เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านหมอมากเจ้าค่ะ” นางกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ทำให้ท่านหมอรู้สึกเอ็นดูอยู่ในที เขาเอามือมาลูบหัวนาง

“ข้าขอตัวก่อน ข้าเองก็แก่แล้ว ยังต้องพักผ่อนอีกมาก”

ท่านหมอจากไปโดยพ่อบ้านประจำจวนขับรถม้าไปส่ง

ซูเม่ยหันมามองนายหญิงของตน แววตาแสดงความปรีดาอย่างล้นเหลือ พรุ่งนี้นางต้องฟื้นคืนเป็นปกติแน่ หญิงสาวคิดแบบนั้น.

.

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ