ตอนที่ 5 ชีวาใหม่

ตอนนี้ภายในห้องหอที่เคยเละเทะจากการพยายามแขวนคอของเจ้าสาวเมื่อคืน กลับได้รับการทำความสะอาด จนแทบไม่เหลือร่องรอยของคราบเลือด สิ่งเผาไหม้และรอยเปื้อนจากสุรามงคล

น้ำตาเทียนที่แหลกเหลวไหลไปตามพื้นเมื่อคืนถูกขูดออกจนหมดสิ้น พร้อมกับทำความสะอาดห้องใหม่ ไม่ฝากร่องรอยความชอกช้ำใจของเจ้าสาวผู้รอคอยอีกแล้ว

การผ่านพ้นความเป็นเจ้าสาวสิ้นสุดลง ตอนนี้นางได้เป็นฮูหยินเอกเต็มตัวสมดั่งความตั้งใจ ทว่าในใจนั้นกลับว่างเปล่า ร่างกายของนางยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงคู่รัก มีแค่ผ้ามุ้งบางเบาที่ทิ้งตัวลงมาจากหลังคาเตียงปกปิดร่างของนางไม่ให้ใครเห็นได้จากภายนอก

ซูเม่ยเฝ้านางตลอดทั้งวันทั้งคืน คอยเช็ดเนื้อเช็ดตัว รวมทั้งสวดอ้อนวอนภาวนากับผีบรรพบุรุษ ขอให้นายหญิงฟื้นคืนกลับมายิ้มหัวกับตนเสียที น้ำตาของสาวใช้เหือดแห้งไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงร่องรอยบวมเป่งที่ดวงตา บ่งบอกสภาพความเศร้าสร้อยให้ได้เห็น

ดวงหน้าสวยของนางมีเลือดฝาดเพิ่มขึ้น ริมฝีปากที่เคยซีดเซียวเหมือนดอกไม้ที่แห้งเหือดตอนนี้กลับมาเป็นสีเนื้ออมชมพูอย่างที่ควรเป็น

นางได้รับชีวิตและดวงจิตกลับคืนมาเมื่อไม่นานนี้เอง...

ดวงตาของฉีเหมยลี่ค่อยลืมขึ้นช้า ๆ นางมองเหม่อไปยังหลังคาเตียงที่คลุมด้วยผ้าแพรสีชมพู นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยังคงมองภาพตรงหน้าไม่ชัดทำให้นางต้องกระพริบตาถี่ ๆ แต่ทำไมจึงรู้สึกปวดตาเหลือเกิน หญิงสาวค่อย ๆ เอาข้อมือยันกายลุกขึ้น ภาพข้างหน้าปรากฏสิ่งใหม่ขึ้นในสายตา นางแปลกใจกับความโบราณของห้องนี้

เตียงโบราณแบบนี้เคยเห็นที่ไหนกันนะ ประตูบานเลื่อนลายดอกโบตั๋นนั่นก็ไม่รู้สึกคุ้นตา นางตกอยู่ในภวังค์ด้วยความรู้สึกแปลกใจ

นางก้มมองดูตนเอง เห็นได้ว่าใส่ชุดสีขาวเนื้อละมุน คอเสื้อเป็นสาปทาบทับกันถึงสามชั้น เส้นผมของนางยาวสลวยสีดำขลับเรื่อยไล้ไปถึงบั้นเอว

แล้วนี่ใครกัน? นางแปลกใจยิ่งนัก

ฉันมาอยู่ที่ไหนกันเนี่ย ผ้าม่านเอย ห้องเอย แล้วไหนจะมีผู้หญิงอีกคนอยู่ในห้องนี้ด้วย นาทีถัดไปเธอก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา มันหนักเสียจนต้องร้องออกมา...

“โอ๊ยยย...ปวดหัวเหลือเกิน!”

ซูเม่ยได้ยินเสียงคุณหนูของนางตื่นขึ้นก็ดีใจรีบถลาเข้ามายังเตียงใหญ่ นางเปิดม่านออกแลเห็นนายหญิงก็ยิ้มร่า

“คุณหนูฟื้นแล้ว ข้าน้อยดีใจจังเลยเจ้าค่ะ”

“นี่มันที่ไหนกัน โรงแรมวินเทจเหรอ” หญิงสาวเอ่ยถามอีกฝ่ายทั้ง ๆ ที่ตอนนี้นางกำลังเอามือกุมหัวและขมับทั้งสองข้าง

“หัวข้าแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!” นางเอ่ยสรรพนามแทนตัวออกไปอย่างคุ้นเคยโดยที่เจ้าตัวเองก็แปลกใจ

“เจ้าเป็นใคร? แล้ว...แล้วข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไง?”

นางกวาดตามองรอบ ๆ อย่างตกตะลึงพรึงเพริด ความทรงจำของร่างที่นางเข้ามาอาศัยอยู่ตอนนี้เริ่มหลั่งไหลเข้ามาท่วมท้นล้นปรี่จนทำให้นางแทบจะรับไม่ไหว ถึงกับต้องกรีดร้องดังลั่น

“คุณหนูเจ้าคะ เป็นเช่นไรบ้าง” สาวใช้รู้สึกตกใจมิใช่น้อยที่นายหญิงส่งเสียงร้องออกมาเช่นนี้ เพราะไม่ใช่วิสัยของนางแม้แต่น้อย

ซูเม่ยเข้าใจว่า เป็นเพราะอาการปวดที่บาดแผล จนทำให้นางเจ็บปวดอย่างมาก ตอนนี้นางดูลนลานสิ้นดี!

“คุณหนูเจ้าคะ เดี๋ยวข้าไปตามท่านหมอมาให้ คุณหนูนอนพักก่อนเถอะเจ้าค่ะ” สาวใช้เห็นอาการที่แปลกไปของนายสาว นางเลยจะออกไปตามท่านหมอเพื่อมาดูอาการอีกเป็นคำรบสอง

“หมออะไรกัน ข้าไม่เอา ข้าสบายดี แค่ปวดหัวเท่านั้นเอง” นางไม่รู้ว่าการรักษาคนไข้สมัยโบราณนั้นเป็นเช่นไร แต่ถ้าหากต้องมีการใช้ของมีคมรักษาแล้วละก็ นางคงไม่ยอม

“คุณหนูอยู่ตรงนี้แหละเจ้าค่ะ นอนพักเสีย เดี๋ยวข้าน้อยจะยกชาหอมหมื่นลี้มาให้จิบนะเจ้าคะ” นางไปยกถ้วยและกากระเบื้องเคลือบมาไว้ที่โต๊ะเล็กข้างเตียง ก่อนจะชงแล้วส่งให้หญิงสาวดื่ม

“ขะ…ขอบใจ”

“เป็นหน้าที่ของบ่าวรับใช้อย่างข้าน้อยเจ้าค่ะ” นางส่งยิ้มให้ซูเม่ย

“เจ้าชื่ออะไร ข้าจะได้เรียกถูก” แววตาตระหนกของสาวใช้ดูเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินนายหญิงถามเช่นนั้น

“ขะ...ข้าน้อยไปตามท่านหมอก่อนนะเจ้าคะ” เห็นทีจะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว นางรีบสาวเท้าเดินออกไปแต่โดนนายหญิงของตนจับแขนเอาไว้

“แล้ว...ข้าชื่ออะไรเหรอ?”

ซูเม่ยได้ยินดังนั้นก็ใจหายวาบ ตกตะลึงถึงสามครา “นายหญิงของข้าช่างน่าเวทนานัก”

“ฉีเหมยลี่เจ้าค่ะ”

นางรีบเดินออกไปทันที สาวใช้ที่ดีจะไม่ปล่อยให้นายของตนมีอาการย่ำแย่ไปกว่านี้

ซูเม่ยรีบเดินทางไปหาท่านหมอพร้อมกับหัวหน้ายามรักษาการณ์ แต่มิได้บอกรายละเอียดอันใดแก่ใคร นางแค่ให้คนอื่นรับรู้ว่าฮูหยินของนางนั้นฟื้นแล้ว

“เราเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวที่น่าอดสู แถมยังมีชื่อที่เหมือนกันอีกด้วย” หญิงสาวรำพึงออกมาด้วยความแปลกใจที่มีชื่อเหมือนกันกับร่างใหม่ของนาง

“นางถูกหลอกให้รักดุจคนโง่” ความทรงจำจากฉีเหมยลี่คนเก่าหลั่งไหลเข้ามาให้หัวนางอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้ภาพความทรงจำเดิมแลดูปะติดปะต่อกันจนสืบความได้ว่า นางเสียใจอย่างสุดซึ้งและแค้นเคืองเซิ่นหยาง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะนางอ่อนแอเกินไป คำดูถูกที่ทุกคนมอบให้แก่นางและบิดาไม่สามารถให้อภัยได้ จึงได้แต่เฝ้าคอยโทษตนเองที่คิดผิดในครั้งนี้

“ชะตาชีวิตของนางช่างแร้นแค้นแม้จะอยู่ท่ามกลางความมั่งคั่ง มั่งมีเพียงใดก็ยังต้องมาซื้อชาย แถมชายผู้นั้นกลับต่ำช้าเหลือทน”

ฉีเหมยลี่ร่างใหม่ไม่ชอบนิสัยเดิมนั่นเลย ถ้าหากเป็นตัวเองคงเอาเงินทองไปทำอย่างอื่น หรือไม่ก็หาทางทำให้สินทรัพย์ที่มีงอกเงยดั่งเช่นที่พ่อของนางทำเอาไว้

ทั้งโดนหักอก กระทำการทอดทิ้งภรรยาอย่างหาทางอภัยให้ไม่ได้ เซิ่นหยางผู้เป็นสามีเล่นชู้กับคู่อริตนยังไม่พอ คนในจวนยังหยามเหยียดศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลอีก

นางไม่ให้อภัยสามีเป็นแน่ และหวังจะเอาคืนฟางลี่หมิงอีกด้วย

“นังตัวแสบ! ข้าจะจัดการชายโฉดหญิงชั่วแบบพวกเจ้าเช่นไรดี”

สายตานางเป็นประกาย เมื่อคิดถึงเรื่องการแก้แค้นแทนเจ้าของร่างเดิม

“ข้าก็ชื่อฉีเหมยลี่เช่นกัน ได้มาเกิดใหม่ในร่างฮูหยินเอกเช่นนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก ทั้งสวยและรวยขนาดนี้ สักวันข้าจะฟาดหัวพวกมันทั้งคู่ด้วยทองคำสิบรถม้าก็ยังได้!”

ฉีเหมยลี่ในร่างเก่าไม่ได้มีฐานะที่ดีนัก นางพยายามถีบตนเองขึ้นยังที่สูง แต่ก็มิวายโดนเพื่อนร่วมงานแทงข้างหลัง จนโดนโชคชะตาถีบส่งให้มาอยู่อาศัยยังโลกนี้เช่นกัน

แสดงว่านรกคงไม่ต้อนรับนาง!

“เราต้องใช้ชีวิตที่สองให้คุ้มค่า รอก่อนเถอะความพ่ายแพ้เพราะข้ายังไม่รีบ”

ฉีเหมยลี่คิดแล้วก็กระหยิ่มยิ้มในใจด้วยมุ่งมาดไว้ว่านางจะต้องเอาคืนพวกเขาให้สาสม!

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ