ตอนที่ 14. วิกฤตของร้านหยูถิง

หลิวชวนรีบเข้าไปแนะนำตัวด้วยความนอบน้อม เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมที่หน้าผากขณะที่สายตาทั้งสามคู่จ้องมองมาที่เขา "ผมต้องขอโทษด้วยที่ถือโอกาสแอบฟัง" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ "ผมชื่อว่าหลิวชวน มาจากหมู่บ้านชาวประมงซานเจียง ชาวบ้านมีอาชีพหาของทะเลเป็นหลัก แต่พวกเราถูกพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ ให้ราคาสินค้าอาหารทะเลไม่สมกับคุณภาพสินค้า"

เขาสูดหายใจลึก ก่อนจะพูดต่อด้วยความมั่นใจมากขึ้น "ผมเป็นตัวแทนชาวบ้านเพื่อเข้ามาหาลูกค้า สำหรับส่งอาหารทะเลให้กับทางร้านอาหารหรือลูกค้าโดยตรง ผมรับรองว่าปลาของหมู่บ้านซานเจียง สด ใหม่ ตัวใหญ่ มีคุณภาพดีแน่นอน"

เถ้าแก่โบกมือไปมาอย่างหงุดหงิด "เข้าเรื่องเลยได้ไหม ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่านายเป็นใคร"

"เท่าที่ได้ฟังมา เถ้าแก่คงไม่สามารถหาปลากะพงสดมาใช้ทำอาหารในเย็นนี้ได้ทัน" หลิวชวนเริ่มต้นอย่างระมัดระวัง "แล้วลูกค้าก็ยังเจาะจงว่าจะต้องสั่งอาหารที่เป็นรายการขึ้นชื่อของทางร้านด้วย ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ?"

พ่อครัวติงพยักหน้าอย่างหนักใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล "ใช่ ปลาที่ทางร้านมีก็ไม่ใช่ปลากะพง ถึงมีก็เป็นปลาค้างมาจากเมื่อวาน ก็เลยปวดหัวและโมโหอยู่นี่ไง"

คนส่งของที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบแทรกขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น "ผมก็แนะนำให้ทำรายการอาหารอื่นแทนไปก่อน บอกว่าเกิดเหตุฉุกเฉิน..."

คนส่งของแต่ยังพูดไม่ทันจบ พ่อครัวติงก็หันไปตวาดใส่ด้วยความโมโห "ก็เพราะผู้จัดการจี้เป็นพวกเรื่องมาก!" เสียงของเขาสั่นด้วยความเครียด "เขาชื่นชอบความสมบูรณ์แบบ อาหารที่นำขึ้นโต๊ะต้องเป็นอาหารระดับภัตตาคาร คุณภาพและวัตถุดิบชั้นเลิศ ราคาเขาไม่เกี่ยงด้วยซ้ำ"

พ่อครัวติงถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดต่อ "แล้วทางร้านก็มีรายการอาหารขึ้นชื่อที่พอจะพูดได้บ้างก็แค่ปลากระพงนึ่งซีอิ๊วดอกกุ้ยฮวาเท่านั้น แล้วแบบนี้จะไปเอาอาหารพื้นๆ ขึ้นโต๊ะได้ยังไง"

เถ้าแก่ที่ยืนฟังอยู่เริ่มแสดงอาการหงุดหงิดมากขึ้น หันไปมองคนส่งของด้วยสายตาดุดัน "พรุ่งนี้ให้เอาปลามาส่งเป็นสองเท่า ตามที่รับปากไว้ด้วย แล้วจะไม่เอาเรื่อง"

คนส่งของพยักหน้ารับอย่างหวาดๆ ก่อนจะรีบเดินจากไป เถ้าแก่หันกลับมามองหลิวชวน สายตาคมกริบ "สรุปว่านายจะช่วยฉันได้ยังไง?"

"อย่างที่คนส่งของคนนั้นว่าไว้" หลิวชวนเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น "ในเมื่อไม่มีปลากระพงก็ไม่ต้องนำปลากระพงนึ่งซีอิ๊วดอกกุ้ยฮวาขึ้นโต๊ะ แค่นี้ก็หมดปัญหาแล้วไม่ใช่หรือ"

หลิวชวนมองสีหน้าเครียดของทั้งสองคนตรงหน้า ความทรงจำจากชาติที่แล้วทำให้เขารู้ว่า บางครั้งทางออกที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่การพยายามฝืนสถานการณ์ แต่เป็นการมองหาโอกาสจากปัญหา

คำพูดของเขาเหมือนไม้ขีดที่จุดประกายความโกรธของพ่อครัวติง ใบหน้าแดงก่ำของชายวัยกลางคนบิดเบี้ยวด้วยความโมโห

"นี่นายกำลังกวนโมโหฉันอยู่ใช่ไหม!" เสียงตวาดดังลั่นในซอยแคบๆข้างร้านอาหารหยูถิง

หลิวชวนรีบยกมือขึ้นห้าม ดวงตาฉายแววจริงจัง "ไม่ใช่ครับ แต่ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ"

เถ้าแก่ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่เริ่มสนใจ เขาได้พบผู้คนมามากมายในชีวิต และสัญชาตญาณบอกว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่น่าจะใช่คนที่จะมากวนประสาทเล่นๆ "นายจะทำรายการอาหารอื่นมาขึ้นโต๊ะแทนปลากะพงนึ่งซีอิ๊วดอกกุ้ยฮวา?" เขาถามด้วยความสงสัย

รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของหลิวชวน "ครับ"

แต่พ่อครัวติงก็รีบแทรกขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล "แล้วนายไม่ได้ยินที่ฉันบอกเหรอว่าผู้จัดการโรงงานจี้เป็นพวกรักความสมบูรณ์แบบและอาหารเลิศรส ถ้าไม่ทำปลากะพงนึ่งซีอิ๊วดอกกุ้ยฮวา นายจะทำอาหารอะไร?"

หลิวชวนยืนนิ่ง ความมั่นใจฉายชัดในดวงตา เขารู้ดีว่าความรู้จากชาติที่แล้วกำลังจะเป็นประโยชน์...

"ผมขอนำเสนอให้ทำรายการอาหารที่มีชื่อว่า บุยยาแบส Bouillabaisse ครับ"

เสียงของหลิวชวนทำให้บริเวณนั้นตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ ใบหน้าของทั้งสองชายฉายแววงุนงง สับสน ราวกับเพิ่งได้ยินภาษาต่างดาวที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

"นายว่ามันชื่อว่าอะไรนะ?" พ่อครัวติงขมวดคิ้ว พยายามออกเสียงตามแต่ก็ทำไม่ได้

"มันเรียกว่า บุยยาแบสครับ" หลิวชวนตอบด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ

พ่อครัวติงส่ายหน้า สีหน้าฉายแววไม่เชื่อมั่น "เป็นพ่อครัวมาเกือบสามสิบปี ผมไม่เคยได้ยินชื่ออาหารชนิดนี้มาก่อน" น้ำเสียงของเขาแฝงความระแวง

เถ้าแก่ร้านที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ สีหน้าเริ่มแสดงความสนใจ ดวงตาเป็นประกาย "มันเป็นอาหารของต่างชาติใช่ไหม พ่อครัวติงถึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน"

รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของหลิวชวน เขาพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงมั่นใจ "บุยยาแบส เป็นอาหารของฝรั่งเศส ทำมาจากปลา กุ้ง หมึก ปู คล้ายน้ำแกงปลาของจีน แต่รสชาติและสีจะเข้มข้นด้วยไวน์และมะเขือเทศ หอมกลิ่นสมุนไพรมากว่าซุปปลาของจีนที่เน้นความใส"

หลิวชวนหยุดชั่วครู่ สังเกตปฏิกิริยาของคนฟัง ก่อนจะพูดต่อ "การทำง่ายมาก ใช้เวลาไม่นาน ที่สำคัญปลาที่ส่งมาวันนี้สามารถนำมาใช้ได้ โดยไม่ต้องเสียวัตถุดิบไปเปล่าประโยชน์ ที่สำคัญพรุ่งนี้ เถ้าแก่ก็จะได้ปลาแบบไม่ต้องเสียเงินอีกด้วย ถือว่าได้โชคสองชั้น"

ความกังวลยังคงเห็นชัดบนใบหน้าของพ่อครัวติง "แต่ว่าผู้จัดการจี้ระบุรายการอาหารมาแล้ว ถ้ามาเปลี่ยนแบบนี้อาจจะทำให้ผู้จัดการจี้ไม่พอใจก็ได้"

หลิวชวนยิ้มบาง สายตาฉายแววมั่นใจ "ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เพราะพ่อครัวติงเพิ่งบอกกับผมว่า ผู้จัดการจี้เป็นคนรักความสมบูรณ์แบบ และอาหารเลิศหรู" เขาหยุดชั่วครู่ เหมือนกำลังชั่งน้ำหนักคำพูด "ที่สำคัญขนาดว่าท่านพ่อครัวติงยังไม่รู้จักบุยยาแบส ดังนั้น มีความเป็นไปได้สองทาง"

เขาชี้นิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว "ผู้จัดการจี้รู้จักและเคยกินบุยยาแบสมาก่อน เขาก็จะรู้อยู่แล้วว่ามันคืออาหารระดับห้าดาวของฝรั่งเศส" แล้วชี้นิ้วที่สอง "ถ้าผู้จัดการจี้ไม่เคยกินมาก่อน หรือไม่รู้จักมาก่อน แบบนี้ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่"

ดวงตาของหลิวชวนเป็นประกาย ขณะที่เขาพูดประโยคสุดท้าย "ที่สำคัญที่สุด ถ้าผู้จัดการจี้ชอบบุยยาแบส ดังนั้น ลูกค้าคนอื่นก็ไม่ต้องไปกังวลแล้ว ร้านอาหารหยูถิงก็จะมีอาหารขึ้นชื่อเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง โดยที่ร้านอื่นทำตามไม่ได้ เพราะไม่รู้จักสูตร แบบนี้เถ้าแก่กับพ่อครัวติงคิดว่าเป็นทางออกที่ดีไหมครับ"

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ