ตอนที่ 15. ความสามารถในการทำอาหาร

ความเงียบปกคลุมบริเวณนั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันเป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยความหวัง...

หลิวชวนยืนนิ่งมองปฏิกิริยาของทั้งสองคนตรงหน้า ขณะที่ความทรงจำจากชาติก่อนผุดขึ้นมาในห้วงคำนึง

มันเป็นภาพความทรงจำจากงานเลี้ยงสำคัญเมื่อครั้งที่เขายังเป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียง เสียงจอกแจกจอแกของแขกในงาน กลิ่นอาหารหอมกรุ่น และบทสนทนาที่เขาได้ยินโดยบังเอิญในครัวของภัตตาคารหรูแห่งนั้น

"ปลาไม่สด มันเริ่มมีกลิ่นแล้ว" เสียงพ่อครัวใหญ่กระซิบกระซาบกับผู้จัดการร้าน "แต่เราจะยกเลิกงานเลี้ยงไม่ได้ งานเลี้ยงวันนี้สำคัญมากเสียด้วยสิ"

ตอนนั้นเขายืนอยู่หลังประตูครัว เพื่อผ่านไปเข้าห้องน้ำ แต่สิ่งที่ได้ยินกลับกลายเป็นบทเรียนล้ำค่าที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้

"ทำบุยยาแบส" เชฟชาวฝรั่งเศสที่เป็นที่ปรึกษาของร้านเสนอขึ้น "เมนูซิกเนเจอร์จากฝรั่งเศสใต้ ไวน์และเครื่องเทศจะกลบกลิ่นคาวได้หมด ส่วนเนื้อปลาเราเอาไปเคี่ยวเป็นน้ำซุป แล้วใช้กุ้ง หมึก ปู เป็นตัวชูโรงแทน"

คืนนั้น เขาได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าแขกในงานต่างชื่นชมอาหารจานนี้ราวกับเป็นของวิเศษ ไม่มีใครรู้เลยว่ามันเกิดจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของพ่อครัว

ดวงตาของหลิวชวนเป็นประกายวาววับ ขณะที่ความคิดนั้นผุดขึ้น นี่คือโอกาสที่เขาจะได้ใช้ความรู้ที่ได้มาโดยบังเอิญ เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับร้านอาหารแห่งนี้

ภายหลังเขาได้กลับไปที่ร้านอาหารแห่งนั้นอีกครั้งเพื่อสอบถามถึงสูตรการทำและเขาก็ได้นำมาฝึกทำเอง ปรากฏว่ามันอร่อยและแก้ปัญหาเรื่องปลาไม่สดได้ที่ทีเดียว จากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาในอดีตตระหนักรู้ถึงเรื่องการแปรรูปสินค้าอาหารทะเล และรายการอาหารที่สามารถใช้ทดแทนและเปลี่ยนแปลงหากเกิดอะไรขึ้นกับอาหารทะเลนั้น เขาลงทุนถึงกับจ้างเซพที่มีชื่อเสียงมาสอนการทำอาหารเลยทีเดียว

เขารู้ดีว่าถ้าขายปลาสดจะได้ราคาดีกว่า และเขาก็มีทางเลือกอื่นในการแปรรูปปลา แต่การเสนอเมนูบุยยาแบสจะไม่เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังอาจสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับทุกฝ่าย

ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เถ้าแก่และพ่อครัวติง รอคอยการตอบรับจากพวกเขาด้วยความมั่นใจ บางทีนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกผันที่เขารอคอยมาตลอด...

"หลิวชวนใช่ไหม มั่นใจแค่ไหนว่าบุยเปสเปส อะไรของนายจะอร่อย" ในที่สุดเถ้าแก่ก็ตัดสินใจถามคำถามนี้ออกมา สายตาคมกริบจับจ้องใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้า

แสงแดดยามบ่ายสาดส่องลงมาในตรอกแคบหลังร้านหยูถิง ทำให้อากาศที่ร้อนอบอ้าวยิ่งทวีความร้อนขึ้น เสียงจอแจจากถนนใหญ่ดังแว่วมาไกลๆ ผสมกับเสียงพัดลมระบายอากาศจากครัวของร้านอาหารที่หมุนติ้วๆ

หลิวชวนยิ้มตอบเต็มใบหน้า ดวงตาฉายแววมั่นใจ "เถ้าแก่ครับ มันเรียกว่าบุยยาแบสครับ เป็นอาหารฝรั่งเศส" เขาหยุดชั่วครู่เพื่อให้น้ำหนักคำพูดของเขาดูน่าเชื่อถือ

"ที่ผมมั่นใจเพราะว่าผู้จัดการจี้จะมารับประทานอาหารที่ร้านนี้ช่วงมื้อเย็น อย่างน้อยก็ต้องเป็นเวลาหกโมงถึงหนึ่งทุ่มใช่ไหมครับ ตอนนี้แค่บ่ายโมงกว่า การทำบุยยาแบสใช่เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เถ้าแก่จะให้ผมทดลองทำให้ลองชิมดูก่อนก็ได้นะครับ"

เขาเว้นจังหวะ มองเห็นความลังเลในดวงตาของเถ้าแก่ จึงเสริมต่อ "ถ้าผมทำไม่อร่อย เถ้าแก่ก็ค่อยหาทางแก้ไขอย่างอื่นเอาก็ได้"

เขาหยุดชั่วครู่ สายตากวาดมองไปรอบตรอกแคบที่พวกเขายืนอยู่ ก่อนจะเอ่ยข้อมูลสำคัญที่เพิ่งได้มา "เท่าที่ผมเดินดูตลาดเจิ้งหยางตอนเช้า เหมือนปลากะพงจะหมดตลาดนะครับ เพราะผมเห็นคนจัดซื้อปลาบ่นว่าปลาที่ได้ยังไม่พอ เพราะร้านใหญ่สองสามร้านมีงานแต่งงานนี่ครับ"

เถ้าแก่ร้านหยูถิงมองหลิวชวนนิ่งอีกครู่ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ "ได้ เป็นความคิดที่ไม่เลว" เขาหันไปทางพ่อครัวที่ยืนอยู่ไม่ไกล "พ่อครัวติงพาหลิวชวนไปในครัว แล้วก็จัดการดูวิธีการทำอาหารจากเขา ฉันมีงานที่ต้องทำนิดหน่อย ทำเสร็จแล้วให้ใครไปเรียกด้วย"

หลิวชวนยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินคำตอบ เถ้าแก่ว่าแล้วก็เดินกลับเข้าร้าน เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นปูนดังกึกๆ ก่อนจะเงียบหายไป พ่อครัวติงพยักหน้าให้หลิวชวน ก่อนจะนำทางเข้าไปในครัว

กลิ่นอาหารหอมกรุ่นลอยอวลในครัวร้านหยูถิงเนื่องจากเพิ่งผ่านการขายรอบมื้อกลางวันมาไม่นาน ความร้อนจากเตาถ่านเตาแก๊สหลายเตาทำให้อากาศภายในอบอ้าวกว่าด้านนอก

หลิวชวนกวาดตามองรอบครัวด้วยความประทับใจ แม้จะเคยเห็นครัวทันสมัยมากมายในชาติก่อน แต่สำหรับปี 1985 นี้ ครัวของร้านหยูถิงถือว่าล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา เขาหยุดชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นตู้เย็นสีขาวขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่มุมห้อง มันเป็นสัญลักษณ์แห่งความทันสมัยที่หาได้ยากในยุคนี้

"ผมประทับใจมากครับ" หลิวชวนเอ่ยขึ้น ขณะที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ตู้เย็น "สมกับเป็นร้านอาหารหรูจริงๆ ครับ ทั้งอุปกรณ์ทำครัว เครื่องปรุง แล้วก็..." เขาชี้ไปที่ตู้เย็น "นั่นด้วย"

พ่อครัวติงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาลูบมือกับผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็น "แน่นอน เถ้าแก่ลงทุนในเรื่องของตู้เย็นเพราะว่าทำร้านอาหารตู้เย็นเป็นสิ่งสำคัญ" เขาเดินไปเปิดตู้เย็น ไอเย็นพวยพุ่งออกมาพร้อมกับกลิ่นอาหารทะเลสด "ยิ่งเป็นอาหารทะเลด้วยแล้วยิ่งต้องมี"

หลิวชวนพยักหน้าเห็นด้วย ในใจนึกถึงร้านอาหารเล็กๆ ในหมู่บ้านที่หลี่หรงเคยทำงาน ที่ต้องพึ่งพาน้ำแข็งและเกลือในการถนอมอาหาร บางครั้งวัตถุดิบก็เสียก่อนจะได้ใช้ ความแตกต่างระหว่างร้านในเมืองกับร้านในชนบทช่างห่างกันราวฟ้ากับดิน

พ่อครัวติงปิดตู้เย็น หันมามองหน้าหลิวชวนด้วยสายตาจริงจัง "ว่าแต่บุยยาแบสของนายนี่ มันต้องใส่วัตถุดิบอะไรบ้าง?" น้ำเสียงของเขาแฝงความสงสัยและความอยากรู้

แววตาของหลิวชวนเปลี่ยนไปทันที ความมั่นใจฉายชัดในดวงตาคู่นั้น เขารู้ดีว่านี่คือจังหวะสำคัญที่จะต้องแสดงความสามารถ สูตรอาหารที่เขาเคยเรียนรู้จากเชฟชื่อดังในอนาคตผุดขึ้นมาในความทรงจำอย่างชัดเจน

ที่มุมหนึ่งของโต๊ะยาว หลิวชวนยืนประจันหน้ากับพ่อครัวติง ซึ่งยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาครุ่นคิด บนโต๊ะไม้ขัดมันวาวตรงหน้า วัตถุดิบที่จำเป็นถูกจัดวางเรียงราย ทั้งปลากะพงขาว กุ้งสด ปลาหมึก ปูม้า รวมทั้งเครื่องปรุง สมุนไพรอื่น ๆด้วย

"นายว่าซุปปลาบุยยาแบสฝรั่งเศสของนายจะดึงดูดลูกค้าชนชาติเราได้จริงเหรอ?"

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ