ตอนที่ 20. เรื่องน่าแปลกใจของหลิวชวน 

มื้อเย็นดำเนินต่อไปท่ามกลางเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ เสียงช้อนกระทบจาน และเสียงคลื่นทะเลที่ดังแว่วมาแต่ไกล หลังอาหารเย็น หลิวชวนช่วยภรรยาเก็บกวาดโต๊ะ ขณะที่เสี่ยวเป่านั่งกินขนมอย่างมีความสุขที่มุมนั่งเล่นของเขา เด็กน้อยนั่งกอดตุ๊กตาผ้าตัวโปรด พลางเคี้ยวขนมอย่างเอร็ดอร่อย 

หลังจากล้างจานเสร็จ สองสามีภรรยาถือแก้วน้ำชาร้อนๆ มานั่งที่ระเบียงบ้าน แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่างบานเล็ก ทอประกายวิบวับบนผิวน้ำชาในแก้วที่สองสามีภรรยาถือไว้ หลี่หรงมองสามีด้วยแววตาเป็นประกาย "พี่ชวน พี่บอกว่าเราได้รายชื่อคนที่จะมาช่วยรับซื้อปลาของหมู่บ้านเราแล้วหรือคะ มีเยอะหรือเปล่า" 

หลิวชวนพยักหน้า ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง ๆ  เขาจิบน้ำชาหนึ่งอึก ก่อนจะเล่าเรื่องราวของวันนี้ "พี่ปั่นจักรยานเข้าเมืองไป อากาศร้อนมาก เหงื่อไหลไม่หยุด" เขาหยุดชั่วครู่ นึกถึงภาพความวุ่นวายในตลาด ดูคล้ายกำลังบ่นถึงความลำบาก แต่ที่จริงเขากำลังมีความสุขมาก สังเกตได้จากริมฝีปากที่มีรอยยิ้มนั่นแหละ  

"พอไปถึงพี่ก็ไปที่ตลาดหลงหยางก่อน แล้วก็ไปเดินสำรวจราคาตลาด" น้ำเสียงของเขาเจือความขมขื่นเล็กน้อยเมื่อนึกมาถึงเรื่องที่ได้ไปรับรู้มาในวันนี้ "หรงหรงรู้ไหม นายใหญ่หวังมันให้ราคาปลาเราต่ำไปถึงสามเท่า ไม่แปลกใจที่มันร่ำรวยขนาดนั้น" 

เขาเล่าต่อถึงการเดินสำรวจร้านอาหารบนถนนเจิ้งหยาง การพักกินอาหารกลางวันที่ภรรยาห่อให้ และจังหวะที่โชคเข้าข้างเมื่อได้พบร้านอาหารหยูถิงที่กำลังประสบปัญหา "พี่เลยเสนอตัวเข้าไปช่วยเถ้าแก่กับพ่อครัวติง จนสอนพ่อครัวติงให้ทำบุยยาแบส มันเป็นอาหารฝรั่งเศส สุดท้ายเถ้าแก่ก็ชอบรายการอาหารของพี่นะ ตอนแรกก็กังวล พอได้รับคำขมพี่ก็ค่อยใจชื้นขึ้นมา" 

หลี่หรงขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาฉายแววสงสัย "แล้วพี่ชวนไปรู้วิธีการทำอาหารฝรั่งเศสนั่นได้ยังไงคะ" เธอเอียงคอมองสามีอย่างฉงน "ฉันอยู่กับพี่มาตั้งหลายปี ฉันไม่เห็นรู้ว่าพี่ทำอาหารฝรั่งเศสเป็นด้วย" 

หลิวชวนรู้สึกใจหายวูบ หน้าเสียไปเล็กน้อย แต่เขารีบสงบสติอารมณ์ นึกถึงช่วงเวลาในอดีตที่เคยทำงานในเมือง "ก็ตอนที่ยังไม่ได้แต่งงานกับหรงหรง จำได้ไหมมีอยู่ช่วงหนึ่งที่พี่เข้าไปทำงานในเมืองใหญ่" เขาพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นธรรมชาติที่สุด "ตอนนั้นแหละที่พี่ได้เข้าไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก็พอครูพักลักจำมาบ้าง" 

หลี่หรงนิ่งเงียบไปครู่ ความทรงจำในอดีตผุดขึ้นมาทีละน้อย เธอพยักหน้าเบาๆ เมื่อนึกออก หลิวชวนแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้สึกผิดที่ต้องปิดบังความจริงบางอย่าง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เขาจะบอกได้ยังไงว่าเขาเรียนมาจากเชพชื่อดังในอนาคต 

"แล้วยังไงต่อคะ" หลี่หรงถามต่อ ความสงสัยในใจเริ่มจางหายไปเพราะเชื่อคำสามี  

หลิวชวนเล่าถึงการเจรจากับเถ้าแก่ "พี่ขอร้องให้เถ้าแก่ช่วยรับซื้อปลาจากหมู่บ้านของเรา แต่เถ้าแก่ก็ค้านเรื่องที่เราอาจจะส่งปลาให้เถ้าแก่ได้ไม่ตรงกับความต้องการ" เขาถอนหายใจเบาๆ  

"เถ้าแก่ก็พูดถูกนะ เราไม่สามารถรับรองได้ว่าเราจะจัดหาปลาส่งให้ร้านได้ตามที่สั่งซื้อ ก็ใครมันจะไปรู้ล่วงหน้าว่าจะหาปลาได้มากน้อยแค่ไหน" 

"แบบนี้เถ้าแก่เลยเสนอชื่อคนอื่นให้มาช่วยเราแทนใช่ไหมคะ" หลี่หรงเดาได้อย่างแม่นยำ 

"หรงหรงเก่งมาก ถูกต้องแล้ว" หลิวชวนยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย "เถ้าแก่บอกให้พี่ไปติดต่อคนชื่อเมิ่งเทา เขาเป็นพ่อค้าขายของอยู่ที่ตลาดหลงหยางร้านที่ 79 พรุ่งนี้พี่จะไปหาเขาแต่เช้าเหมือนเดิม" 

"งั้นพี่ก็ไม่ได้ออกไปหาปลาใช่ไหมคืนนี้" หลี่หรงถามขึ้น น้ำเสียงแฝงความหวัง แววตาเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย 

"ใช่ พี่บอกลุงเหลาไว้แล้วว่าวันนี้งดออกหาปลา" หลิวชวนตอบ "พี่ก็จะไปยืมรถจักรยานของลุงเหลาเหมือนเดิม ลุงเหลาก็รับรู้แล้ว บอกให้ไปเอาได้เลย" 

"ก็ดีเหมือนกัน พี่จะได้พักผ่อนด้วย" หลี่หรงยิ้มอย่างอ่อนโยน 

เมื่อทั้งคู่หันไปมอง พวกเขาเห็นเสี่ยวเป่านอนหลับสนิทที่มุมนั่งเล่นมุมเล็ก ๆ ของเขา หลิวชวนสบตากับภรรยา ส่งยิ้มอ่อนโยน "งั้นคืนนี้พวกเราเข้านอนไวหน่อยละกัน" เขากระซิบ "พี่ไม่ต้องไปหาปลา พี่ชักคิดถึงหรงหรงเข้าแล้ว"  

หลิวชวนพูดขึ้น เขาส่งสายตาสื่อความนัย ทางด้านหลี่หรงที่แต่งงานมากี่ปี ทำไมจะไม่เข้าใจความหมายที่สามีส่งมาให้ เพราะเธอก็คิดถึงสามีเหมือนกัน  

แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่าง ทอประกายอ่อนๆ บนใบหน้าของหลี่หรงที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ หลิวชวนจูงมือภรรยาเข้าห้องนอน ก่อนจะออกมาอุ้มลูกชายไปนอนในห้องของเขา จัดการห่มผ้าให้เรียบร้อย 

ส่วนตัวเองก็กลับเข้าไปยังห้องนอนที่มีคนที่เขารักรออยู่ หลี่หรงก็กางมุ้งเรียบร้อยแล้ว หลิวชวนจึงไม่รอช้ามุดมุ้งเข้าไปคลอเคลียภรรยาทันที 

คืนนี้ช่างแสนพิเศษ ท้องทะเลสงบนิ่ง มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งเบาๆ และเสียงจักจั่นร้องแว่วมาแต่ไกล แสงจันทร์ทอประกายสีเงินผ่านใบไม้ที่พลิ้วไหว สาดส่องเข้ามาในห้องนอนเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น บ้านหลังน้อยริมทะเลกำลังโอบอุ้มความสุขของครอบครัวเล็กๆ ในค่ำคืนที่แสนงดงามนี้ 

ที่หมู่บ้านซานเจียง มีคนคู่หนึ่งกำลังดื่มด่ำกับความสุขฉันสามีภรรยา ในขณะเดียวกัน อีกฟากหนึ่งของเมืองเหมินหยาง ที่ร้านอาหารหยูถิงอันโอ่อ่าบนถนนเจิ้งหยาง บรรยากาศกลับคึกคักด้วยเสียงพูดคุยและเสียงจานชามกระทบกัน ภายใต้แสงโคมไฟสีเหลืองนวล เถ้าแก่ร้านอยู่ในชุดผ้าไหมสีเข้มกำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติสามคน 

"เถ้าแก่ครับ" ผู้จัดการจี้ยิ้มกว้าง "วันนี้ผมพาแขกพิเศษมาเยือนร้านหยูถิง" เขาผายมือไปทางคู่สามีภรรยา "นี่คือเถ้าแก่จาง เจ้าของห้องเสื้อชื่อดังจากปักกิ่ง และภรรยาของท่าน มาดามแอนนา" 

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ" เถ้าแก่ร้านโค้งคำนับอย่างนอบน้อม 

"เถ้าแก่จางและมาดามแอนนามาติดต่อธุรกิจกับโรงงานของเรา" ผู้จัดการจี้อธิบายต่อ "พวกท่านสนใจจะให้โรงงานเราผลิตเสื้อผ้าส่งให้กับห้องเสื้อที่ปักกิ่ง" 

"โอ้ เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ" เถ้าแก่ร้านยิ้มกว้างขึ้น "ร้านหยูถิงยินดีต้อนรับครับ" 

"ขอบคุณค่ะ" มาดามแอนนาตอบด้วยภาษาจีนสำเนียงต่างชาติที่ฟังชัดเจน  

เถ้าแก่ร้านเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ "มาดามพูดภาษาจีนได้คล่องมากเลยนะครับ" 

มาดามแอนนาหัวเราะเบาๆ "ก็ต้องคล่องสิคะ อยู่เมืองจีนมาเกือบสามสิบปีแล้ว ถ้าพูดภาษาจีนไม่ได้ ฉันคงทำงานลำบาก" 

"ผมว่าที่คุณตั้งใจเรียนภาษาจีน" เถ้าแก่จางแทรกขึ้น พลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้ภรรยา "เพราะอยากสั่งอาหารเองได้มากกว่านะ" 

มาดามแอนนาหันไปมองค้อนสามี แต่มุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม "นั่นก็แค่เหตุผลหนึ่งเท่านั้นแหละค่ะ" 

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นรอบบริเวณ เถ้าแก่ร้านหยูถิงเห็นว่าได้ต้อนรับแขกพอสมควรแล้ว จึงผายมือเชิญ "เชิญทางนี้ครับ ผมได้จัดโต๊ะดีที่สุดไว้รอแล้ว" 

เถ้าแก่ร้านผายมือนำทาง พาแขกทั้งสามไปยังโต๊ะมุมดีที่สุดของร้าน ซึ่งตั้งอยู่ติดหน้าต่างบานใหญ่ มีฉากกั้นไม้แกะสลักลายมังกรคั่นระหว่างโต๊ะ สร้างความเป็นส่วนตัวได้อย่างลงตัว 

"ที่นี่บรรยากาศดีนะคะ ฉันชอบค่ะ" มาดามแอนนาเอ่ยชมพลางทอดสายตามองไปรอบ ๆ ร้าน สังเกตการตกแต่งแบบจีนร่วมสมัยที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับความคลาสสิกได้อย่างงดงาม 

"แน่นอนครับ" ผู้จัดการจี้ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "ร้านหยูถิงนี่เป็นร้านที่ดีที่สุดร้านหนึ่งในเมืองเหมินหยาง โดยเฉพาะปลากะพงนึ่งซีอิ๊วดอกกุ้ยฮวา ผมรับรองว่าถ้าได้ลิ้มลองแล้ว คุณจางกับมาดามแอนนาจะต้องอยากกลับมาเยือนเมืองเหมินหยางอีกแน่นอน" 

มาดามแอนนาหัวเราะเบาๆ "ผู้จัดการจี้นี่ใจดีจริงๆ ค่ะ พาเราเที่ยวชิมร้านอร่อยมาทั่วเมืองแล้ว จนฉันแทบลืมไปว่าเรามาทำงานหรือมาเที่ยวชิมอาหารกันแน่" 

เถ้าแก่จางยิ้มให้ภรรยาอย่างเอ็นดู "แต่คุณก็ชอบไม่ใช่เหรอ ยังบอกเองเลยว่าไม่นึกว่าจะหลงรักอาหารจีนได้ขนาดนี้" 

"จริงค่ะ" มาดามแอนนาพยักหน้า "แต่ว่า..." เธอชะงักไปเล็กน้อย "ฉันกินอาหารจีนติดต่อกันมาเกือบสิบวันแล้ว ก็อดคิดถึงอาหารตะวันตกอยู่บ้างเหมือนกันค่ะ" เธอรีบเสริมด้วยรอยยิ้ม ไม่อยากให้ดูเหมือนเป็นการติติง 

ผู้จัดการจี้สีหน้าเป็นกังวลทันที เขาลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเถ้าแก่จางรักและตามใจภรรยามากขนาดไหน แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร เถ้าแก่ร้านก็ก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มมั่นใจ และดึงความสนใจไปจากทุกคนด้วย เขาส่งยิ้ม โค้งทำความเคารพ ก่อนที่ถ้อยคำของเขาจะทำให้มาดามแอนนารู้สึกสนใจมากขึ้น  

 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ